บทที่ 75

มีทหารนับพันตามถังหยินไป และเมื่อรวมกับทหารของจางโจว มันจึงทำให้พวกเขามีกันเกือบ 3 พันคน จำนวนคนขนาดนี้ ถ้าเข้าเมืองตอนกลางดึก มันคงทำให้น่าหวาดกลัวไม่น้อยเลย ทหารยามที่ไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นเข้ากับทหารจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาก็รีบเข้ามาห้ามทันที

“ช้าก่อน พวกเจ้าเป็นใครกัน ?” หัวหน้ายามถาม

“แม่ทัพเจิ้นเป่ย ถังหยิน ! ” ชายหนุ่มควบม้าเดินมาด้านหน้า

ผู้ว่าปิงหยวนงั้นหรือ ? ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะออกไปเมื่อเช้างั้นหรือ ? แล้วเขากลับมาทำไมกัน ? ว่าแล้วทหารยามนายนั้นก็พลันเดินออกมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านต้องการอะไรในยามดึกแบบนี้หรือท่านถัง ? ”

“ข้ามาหาท่านหยู”

ตามกฎแล้ว เมืองที่อยู่ในเขตชายแดนจะมีกฎอัยการศึกในช่วงกลางคืน คนที่จะเข้าออกเมืองต้องได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าของพวกเขาก่อน “พวกท่านมีข้อความหรือจดหมายยืนยันหรือไม่ ? ”

“ไม่มี” ชายหนุ่มตอบไปตามตรง

“ถ้างั้น ต้องขออภัยด้วย ข้าคงให้ท่านถังเข้าเมืองไม่ได้”

โดยไม่รอให้เขาพูดจบ ถังหยินก็แทรกขึ้นมา “ข้ามาหาท่านหยูเพราะเรื่องเร่งด่วน และถ้าเจ้ามาขวางทางข้า งั้นก็อย่าโทษข้าที่จะลงโทษเจ้าตามกฎกองทัพก็แล้วกัน ! ”

ช่างปากกล้ายิ่ง ! เขากล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน !

เมื่อได้ยินแบบนั้น ทหารยามนายนั้นก็พลันพูดโต้กลับไปว่า “ท่านถัง ท่านไม่คิดว่าสิ่งที่ท่านพูดมันเกินไปหน่อยหรือ ?!”

ชายหนุ่มกลอกตาแล้วตะโกน “กู่เยว่!”

“ข้าน้อยอยู่นี่แล้ว ! ” เจ้าตัวเดินออกมา

ถังหยินชี้ไปยังหัวหน้ายาม “จับเขาไว้ แล้วประหารซะ ถ้ามีใครห้ามพวกเรา ถ้างั้นก็ฆ่ามันทิ้งให้หมด ! ”

กู่เยว่ตะลึง หากแต่เขาก็ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารีบพุ่งเข้าไปหาหัวหน้ายามและกระแทกหัวของอีกฝ่ายจนสลบไป จากนั้นก็คว้าคอของคนผู้นั้นและลากออกไปข้างทางทันที

หัวหน้ายามตัวสั่นและพยายามตะโกน “ท่านถัง ท่านไม่… ท่านมีสิทธิ์อะไรมาประหารข้า…”

พูดได้ครึ่งทางก่อนที่กู่เยว่จะชักดาบออกมาแล้วตัดหัวของเขาจนกลิ้งกระเด็นไปบนพื้น

กู่เยว่เป็นทหารที่ยึดมั่น ไม่ว่าเขาจะต้องทำอะไร และไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

“หา ? ” ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ทหารทั้ง 2 ฝั่งตกตะลึงและหวาดกลัว พวกเขายืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่แบบนั้น

ถังหยินมองพวกยามแล้วโบกมือ “เข้าเมืองได้ ! ”

หลังเข้าชุนโจวแล้ว ถังหยินก็ตรงไปยังจวนผู้ว่ามณฑลในทันที

ในตอนนี้เป็นเวลายามสามแล้ว หยูเฮอก็กำลังหลับอยู่อย่างสบายใจ

การมาถึงของพวกทหารทำให้พวกยามหน้าจวนพากันตกใจ

โดยไม่ทันคาดคิด พวกหัวหน้ายามก็พลันเข้ามาขวาง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือถังหยินที่เพิ่งกลับออกไป ใบหน้าของเขาก็เฝื่อนลง “ท่านถัง ? ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ ? ”

“ข้ามาหาท่านหยู”

“ท่านผู้ว่ากำลังพักผ่อน”

“ไม่ต้องให้เขาออกมาหรอก ข้าจะไปหาเขาเอง ! ” ถังหยินลงจากม้าแล้วผลักหัวหน้ายามเดินออกไปให้พ้นทาง

หัวหน้ายามตะลึงก่อนที่จะวิ่งตามไป “ท่านถัง ท่านจะเข้าไปแบบนี้ไม่ได้นะ ต่อให้ท่านจะเข้าไป ยังไงก็ต้องให้ข้าไปบอกท่านหยูก่อน ! ”

ชายหนุ่มตอบโดยไม่ได้หันหัวกลับ “ไม่จำเป็น ข้าไม่มีเวลาแล้ว”

“ท่านถัง… ท่านถัง…”

หัวหน้ายามผู้นี้รู้ดีว่าถังหยินมีตำแหน่งแม่ทัพเจิ้นเป่ย ถ้าเทียบกันแล้วนั้น อีกฝ่ายมีอำนาจไม่ได้ด้อยไปกว่าหยูเฮอเลย แล้วจะให้หยามอีกฝ่ายได้ยังไง เขาไม่อาจขวางทางได้ จึงทำเพียงแค่เดินตามไปพร้อมด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลบ่าออกมา

“เกิดอะไรขึ้น ? เสียงดังวุ่นวายอะไรกัน ? ”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกน พวกคนรับใช้ก็พากันเดินออกมากันหมด

“พ่อบ้านหยู ท่านถังอยากจะเข้าพบท่านผู้ว่ามณฑล ! ” เมื่อเห็นพ่อบ้านแก่คนนี้ หัวหน้ายามก็โล่งอกและมอบถังหยินให้พ่อบ้านแก่คนนี้ดูแลต่อ

“ท่านถัง ? ” พ่อบ้านหยูจ้องมองอีกฝ่ายอยู่นานก่อนที่จะจำได้ “ท่านถัง ทำไมท่านถึงกลับมากัน ? ”

ในตอนเช้าถังหยินได้พบกับเขามาก่อนแล้ว ดังนั้นชายแก่จึงจำอีกฝ่ายได้ในทันที

ชายหนุ่มเดินไปจับข้อมือพ่อบ้านคนนี้ “พ่อบ้านหยู เจ้าพาข้าไปหาท่านหยูหน่อยสิ ! ” หลังพูดจบเขาก็ลากตัวพ่อบ้านคนนี้ไปยังส่วนด้านใน

“ท่านถังเกิดอะไรขึ้น ? ท่านรอไปจนถึงตอนเช้ามิได้หรือ ? ท่านผู้ว่ากำลังพักผ่อน…”

“นี่เป็นเรื่องสำคัญ ข้ารอไม่ได้หรอก” ถังหยินพูดอย่างเย็นชา

“แต่… อย่างน้อยก็ให้ข้ารายงาน…” ชายแก่พยายามจะห้าม

“ไม่จำเป็น !” ถังหยินปฏิเสธห้วน ๆ “พาข้าไปยังห้องของเขาก็พอ”

“นี่มัน…”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรอีก ถังหยินก็ออกแรงบีบให้มากขึ้น คนธรรมดาจะไปทนแรงของเขาได้ยังไง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อบ้านแก่ ๆ นี่เลย ชายชราได้แต่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

จางโจว ชิวเจิ้น กู่เยว่ และทุกคนต่างก็พูดไม่ออก เมื่อครู่เขาเพิ่งจะฆ่าทหารยามของเมืองไป และตอนนี้ก็เข้ามาบุกบ้านเจ้าเมืองงั้นหรือ ?

เมื่อถูกจับตัวไว้แบบนี้ พ่อบ้านชราก็ได้แต่ยอมพาถังหยินไปยังห้องของหยูเฮอแต่โดยดี

เมื่อมองไปยังประตูที่ปิดล็อก ถังหยินก็ถาม “ห้องนี้หรือ ? ”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ! ” แขนของพ่อบ้านชาไปแล้ว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปหมดแล้วในตอนนี้

เมื่อได้คำตอบ ถังหยินก็ปล่อยอีกฝ่าย และเตะประตูเปิดเข้าไปในทันที

ตึง ! เสียงกระแทกดังออกมากลางค่ำคืน เป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองคนซึ่งกำลังนอนหลับในห้องสะดุ้งตื่นด้วยความหวาดกลัว

“ใครกัน ? ”

หยูเฮอตัวล่อนจ้อนตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังนั่งอยู่บนเตียง ข้าง ๆ เขามีหญิงสาวอายุ 20 นั่งอยู่คู่กันด้วย

ถังหยินไม่สนใจใครและเดินตรงเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “ท่านหยู ท่านนี่ทำงานหนักเสียจริง ! ”

หยูเฮอขยี้ตาจนความสะลึมสะลือจนกระทั่งจำถังหยินได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง “ถัง แม่ทัพถัง ? เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน ? ”

“แน่นอนว่ามาเพื่อหาท่านหยูไง ! ” ถังหยินหัวเราะ เขาเดินกลับออกไปเพื่อดึงเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเตียง จากนั้นก็วางดาบคู่ของเขาไว้ที่ปลายเตียง

หยูเฮอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เมื่อเห็นดาบที่กำลังสะท้อนแสงนั่น เขาก็พลันตัวสั่น ส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน นางหวาดกลัวเสียจนเอาแต่หลบอยู่ในผ้าห่มตลอดเวลา

ยังไงเสียหยูเฮอก็เป็นผู้ว่ามาหลายปี แม้จะมีเรื่องน่ากลัวแบบนี้ผ่านเข้ามา แต่เขาก็ต้องทำเป็นสงบสติไว้ก่อน “หมายความว่ายังไง ? ”

“ท่านหยูไม่ต้องกังวลไป ข้ามาเพื่อสิ่งเดียว”

“งั้นพูด !”

“ตอนนี้มันก็จะหน้าหนาวแล้ว แต่ทหารของข้ายังใส่ชุดธรรมดาอยู่เลย ข้าสงสัยจริง ๆ เลยว่าท่านหยูจะช่วยส่งชุดผ้าฝ้ายมาให้พวกข้าหน่อยได้หรือไม่ ?” ถังหยินถาม

“เรื่องนี้นี่เอง ! ” หยูเฮอเริ่มผ่อนคลายอย่างโล่งอก “ตอนนี้ทั้งมณฑลก็ช่วยกันเร่งทำชุดผ้าฝ้ายกันอยู่แล้ว แม่ทัพถัง ท่านต้องรู้นะว่าในแต่ละเขตของมณฑลเทียนหยวนมีทหารประจำการนับหมื่นนาย และด้วยจำนวนแบบนั้น การจะผลิตให้มันเพียงพอในระยะเวลาอันสั้น…”

ถังหยินรีบตัดบท “เกราะของทหารในปิงหยวนเองก็ขาดแคลน ม้า และยุทโธปกรณ์มากมายก็ด้วย อย่าบอกข้านะว่าเขตอื่น ๆ ก็ต้องใช้เช่นกัน ? แสดงว่าท่านนั้นทำแบบนี้มาหลายปีแล้วสิ ? ”

หลังจากถูกคาดคั้น หยูเฮอก็ทำตัวไม่ถูก

ชายหนุ่มพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น เงินเดือน และอาหารในเขตก็มีเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น เพราะผู้ว่ามณฑลอย่างท่านจ่ายให้แค่ครึ่งเดียว นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ? ”

หยูเฮอพยายามแก้ตัว “เขตปิงหยวนมีทหาร 3 กองพัน แต่เพราะว่าการต่อสู้ยืดเยื้อ จึงทำให้ทหารล้มตาย…”

“ถ้างั้น ท่านหยูเองก็เลยให้เงินกับอาหารนิดเดียวงั้นหรือ ? ” ถังหยินหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ข้าเข้าใจแล้วละว่าทำไมที่นี่ถึงได้โดนพวกมอร์ฟีสบุกรุกบ่อย ๆ และทำไมทหารพวกเราถึงสู้พวกมันไม่ได้ ! นั่นเพราะว่าท่านไง ขอบคุณท่านจริง ๆ ที่ทำให้ทหารทุกคนหมดขวัญและกำลังใจที่จะสู้ต่อ ท่านหยู ท่านเป็นสายลับจากสมาพันธรัฐมอร์ฟีสที่ถูกส่งให้มาทำลายแคว้นเฟิงจากภายในสินะ”

ระหว่างที่พูดเขาก็ยกดาบขึ้นมาด้วย

หยูเฮอคิดว่าเขาจะถูกฆ่า จึงได้กรีดร้องออกมา “ใครก็ได้ ช่วยด้วย ! ”

“ฮ่า ๆ ” ชายหนุ่มหัวเราะดัง ๆ “ท่านหยูไม่ต้องหวาดกลัวไป ข้าไม่ฆ่าท่านหรอก ท่านเพียงแค่ต้องส่งรายงานเรื่องนี้ไปให้ท่านอ๋องเท่านั้น ด้วยความสามารถของท่าน ท่านน่าจะเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องทำยังไง และไม่ว่าคนที่หนุนหลังท่านจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ข้าก็เชื่อว่าคนผู้นั้นก็ไม่อาจต้านเรื่องนี้ไหวแน่ ! ”

ถังหยินไม่รู้ประวัติของหยูเฮอ และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอีกฝ่าย แต่เขาก็เดาได้จากความโลภ และตำแหน่งอันสูงส่งที่อยู่มานานกว่า 10 ปีโดยไม่มีปัญหาใด นั่นต้องแสดงว่าคนที่หนุนหลังเขานั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากแน่นอน

ถ้าเขาเดาไม่ผิด จะต้องมีคนที่อยู่ในราชสำนักคอยสนับสนุนหยูเฮออยู่แน่ บางทีอาจเป็นพวก 4 ตระกูลใหญ่

ได้ยินแบบนี้หยูเฮอก็เริ่มหวาดหวั่น ต้องรายงานไปให้ท่านอ๋องงั้นหรือ ? จะบ้าหรือไงกัน ? แล้วแบบนี้เขาจะไม่ตายงั้นหรือ ? ถ้าหากเป็นคนอื่นเขาก็คงไม่สนใจคำขู่แบบนี้หรอก แต่กับถังหยินมันแตกต่างออกไป เพราะชายหนุ่มคือแม่ทัพเจิ้นเป่ยที่ถูกส่งมาโดยตรงจากท่านอ๋อง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้เลย ได้แต่จำใจต้องทำรายงานเรื่องนี้กลับไปยังเมืองหลวงด้วยท่าทีเร่งรีบในทันที