บทที่ 76

เมื่อเห็นว่าเสร็จเรื่องแล้ว ถังหยินก็ตั้งท่าที่จะลุกออกไป ทว่าหยูเฮอกลับเข้ามารั้งตัวชายหนุ่มเอาไว้และพูดว่า “แม่ทัพถัง เอาไว้เรื่องนี้เรามาพูดกันวันหน้าเถอะ !!! ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วยเหลือกองทัพ แต่ว่าข้าเองก็กำลังมีปัญหาด้านการเงิน…”

“มีปัญหางั้นเหรอ ? ” ถังหยินเย้ยหยัน เมื่อเห็นความอ้วนท้วนราวกับหมูตัวหนึ่งของหยูเฮอ ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ไม่มีปัญหาสักนิดเดียว “ถ้าท่านมีปัญหาก็บอกท่านอ๋องเองสิ” จากนั้นเขาก็เดินหนีออกไป

“ช้าก่อน ! ” หยูเฮอตื่นตระหนกสุดขีด เขาฝืนยิ้มออกมา “แม่ทัพถัง ท่านต้องการของพวกนี้ใช่ไหม ? ข้าว่าข้าจัดการให้ได้นะ”

“ของพวกนี้จะมาส่งเมื่อไหร่ ? ”

“ขอเวลา… สักครึ่งเดือน”

“ไม่ได้ ! ต้องตอนนี้เท่านั้น ! ” ถังหยินพูดขัดคอเขา

“ตอนนี้เหรอ ? ” หยูเฮอกัดฟันพูดออกมา “มันไม่รีบไปหน่อยหรือท่าน ? ”

“ถ้ามีปัญหามันก็เรื่องของเจ้า แต่ว่าข้าต้องการตอนนี้ ! ” ถังหยินยืนยันคำเดิม “ชุดเกราะ เสบียง และของทุกอย่างที่ข้าบอกไปจะต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับทหาร 5 หมื่นนาย”

“หา ? 5 หมื่นนายงั้นหรือ ? ” หยูเฮอพูดไม่ออกและรีบพูดตะกุกตะกัก “ทะ ทำไมถึงเยอะแบบนั้น ? ”

“เพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู ข้าเชื่อว่ากองทัพทั้ง 3 กองในเขตปิงหยวนนั้นสามารถขยายออกเป็น 5 กองพัน ซึ่งในจุดนี้ข้าจะรายงานไปยังท่านอ๋องเอง ท่านหยูมีคำถามอื่นไหม ? ”

หยูเฮอพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน

“เหตุผลที่ฝ่าบาทส่งข้ามาที่ปิงหยวนก็เพื่อให้ข้าดูแลความสงบสุขที่นี่ ถ้าหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นข้าคงถูกลงโทษ ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็จะพาท่านหยูลงเหวไปด้วยแน่ ร่วมมือกับข้าตอนนี้แล้วพวกเราจะรอดกันหมด ข้าจะปกป้องและรับประกันความปลอดภัยของเขตปิงหยวนเอง แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้าลำบาก ถ้างั้นก็อย่าหวังที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเลย ตายไปกันข้านี่แหละ ! ”

ถึงจะเป็นคำพูดง่าย ๆ แต่หยูเฮอก็จนปัญญาที่จะโต้ตอบ

เขากุมขมับที่เจ็บปวดของตัวเองและพูด “ข้ายอมทำตามที่ท่านถังต้องการ แต่สิ่งที่ท่านให้ข้าไปจัดหามานั้นมันยากลำบากเกินไป”

รอยยิ้มของถังหยินเริ่มชั่วร้ายขึ้น “ข้าบอกไปแล้ว นั่นไม่ใช่ปัญหาของข้า ถ้าเจ้ามีอะไรก็จัดการเอาเอง ข้าจะรอที่นี่จนถึงรุ่งสางพรุ่งนี้ ถ้าข้าไม่เห็นของที่ข้าต้องการ ข้าจะพาท่านหยูกลับไปกับข้าที่เมืองหลวงหรือไม่ก็…”

ระหว่างที่พูดเขาก็เดินเข้าไปหาหยูเฮอ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หรือไม่ก็ข้าจะเด็ดหัวเจ้ากลับไปให้ท่านอ๋องยังไงล่ะ ! ”

ชายอ้วนหวาดกลัวจนแทบตกเตียง รอยยิ้มของถังหยินไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย

เขาหวาดกลัวมาก และนี่ก็เป็นความรู้สึกกลัวครั้งแรกที่เขาได้รับหลังจากได้มาอยู่ในฐานะของผู้ว่ามณฑล

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่กว่าหยูเฮอจะได้สติกลับมา ใบหน้าของเขาสั่นเทา และพูดออกมาว่า “ได้เลย ข้าจะให้คนเตรียมการให้ ! ”

มณฑลเทียนหยวนไม่ได้ยากจน เมืองทั้งหลายในการดูแลนั้นมีเงินจำนวนไม่น้อยเลย แถมเพราะสงครามที่ยืดเยื้ออยู่ตลอดเวลาจึงทำให้มีเงินจากทางราชสำนักส่งมาช่วยเหลือพวกเขาอยู่เนือง ๆ

ไม่ใช่เพราะหยูเฮอขาดแคลนเงินหรือเสบียง แต่เป็นเพราะความโลภที่ทำให้เขาเก็บเอาทุกอย่างเอาไว้เป็นของตัวเอง และไม่แบ่งใครทั้งนั้น เขามักใช้เวลาสักระยะหนึ่งเสมอก่อนจะคิดมอบให้คนอื่นต่อ

ตอนนี้หยูเฮอหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ เพื่อหน้าที่การงานในอนาคตรวมไปถึงชีวิต ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลือกร่วมมือกับถังหยิน

เขาคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นเป็นความฝันอยู่ การที่ต้องแจกจ่ายเงินให้กับเขตปิงหยวนมากกว่าครึ่งแบบนี้มันเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก แม่ทัพคนใหม่นี้แตกต่างจากคนเก่า ชายผู้นี้ที่เป็นคนจริงจัง มุ่งมั่น ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง และก็เพราะแบบนี้เองจึงทำให้หยูเฮอยอมร่วมมือกับเขา

มีแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะจัดการหยูเฮอได้อยู่หมัด !

โชคยังดีที่หยูเฮอเองก็พอหาทางของตัวเองอยู่บ้าง เขาจัดแจงรถม้ากว่า 600 คันเพื่อขนส่งสิ่งของจำเป็นไปในทันที ซึ่งในตอนนั้นมันก็เหลือเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามแล้ว

รถม้าจอดกันเรียงรายตรงหน้าบ้านของผู้ว่าการเมือง

หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย ลูกน้องของหยูเฮอก็เข้ามารายงาน “ท่านหยู ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านจะตรวจสอบก่อนหรือไม่ ? ”

ชายอ้วนใส่ชุดครบถ้วนแล้ว ใบหน้ามันแผล็บของเขาแสดงให้เห็นถึงความปวดเจ็บ การขนส่งของจำนวนมากแบบนี้มันทำให้เขารู้สึก เจ็บปวดใจมากจริง ๆ

ใจของเขาสั่นเมื่อมองไปยังถังหยิน “ท่านต้องการตรวจสอบหรือไม่แม่ทัพถัง ? ”

“แน่นอน ! ” ชายหนุ่มมองจางโจวและกู่เยว่ “แม่ทัพจาง กู่เยว่ จัดคนแล้วเข้าไปตรวจสอบหน่อย”

“รับทราบ” ทั้งสองรับคำแล้วรีบเดินไป

เมื่อออกมาข้างนอก พวกเขาก็ต้องตะลึงกับภาพของรถม้าที่จอดกันมากมายบนถนน ก่อนที่จะรีบสั่งให้ลูกน้องไปไล่ตรวจสอบรถม้าทั้งหมด

ด้านหน้ากองคาราวานมีกระสอบข้าวและฟางมากมาย ซึ่งพวกมันก็มีรูอยู่เต็มไปหมด

จากนั้นพวกเกราะต่าง ๆ ก็ถูกขนขึ้นมาบนกองรถด้านหลังรวมไปถึงยุทโธปกรณ์ทั้งหมด

รถม้าที่อยู่ตรงหน้าบ้านผู้ว่าเองก็เต็มไปด้วยกล่องซึ่งมีเหล่าทหารคอยคุ้มครอง เมื่อเปิดออกก็จะพบเข้ากับแก้วแหวนเงินทองมากมาย

แสงจากของเหล่านี้สะท้อนแสงแวววาวในยามค่ำคืน

จางโจวและกู่เยว่ได้แต่จ้องมองมันอย่างเหม่อลอย

ด้วยกล่องที่มีข้าวของแบบนี้จำนวนมากกว่าหลายสิบกล่อง มั่นใจได้เลยว่ามันน่าจะเพียงพอสำหรับการแจกจ่ายเงินเดือนให้กับเหล่าทหารแล้ว

ไม่นานนักทั้งสองก็หันมองหน้าชายหนุ่ม และพยักหน้าให้เพื่อบอกว่าการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว

หลังได้รับการยืนยันจากลูกน้อง ถังหยินก็โล่งใจ เขาหันไปยิ้มให้กับหยูเฮอ “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะท่านหยู ในอนาคตพวกเราจะต้องชนะการสู้กับพวกมอร์ฟีสแน่ ! ”

หยูเฮอหัวเราะแห้ง ๆ ตอนนี้เขาหวังแค่ว่าจะให้ถังหยินออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดและไม่ได้พบเจอกันอีกต่อไปในอนาคต

“ในเมื่อทุกอย่างครบแล้ว ข้าก็ไม่รบกวนท่านหยูแล้วล่ะ ไว้เจอกันนะท่านหยู ! ” ถังหยินประกบมือเข้าหากันและเดินกลับออกไป

หวังว่าจะไม่ได้พบกันอีกนะ ดีไม่ดีก็ตายห่าไปในปิงหยวนนั่นแหละ ! ชายอ้วนสาปส่งพวกถังหยินจากด้านหลังแต่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้

จากนั้นเขาก็กัดฟันและพูดขึ้น “ห้ามใครแพร่งพรายเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้ามีคนฝ่าฝืนข้าจะเด็ดหัวพวกเจ้าทิ้งเสีย ! ”

“ขอรับท่านหยู ! ”

ชายอ้วนไม่อยากจะให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เพราะเขาไม่อยากจะเป็นที่หัวเราะของพวกผู้ว่าคนอื่น ๆ

ข้ารับใช้ของเขาเองก็ไม่รู้เรื่องราวอะไร พวกเขาได้แต่แปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมจู่ ๆ ท่านผู้ว่าของพวกเขาจึงเริ่มทำการแจกจ่ายอุปกรณ์และข้าวของต่าง ๆ ให้กับปิงหยวนอย่างใจกว้างแบบนี้

หลังจากได้รับของพวกนี้มาถังหยินก็พึงพอใจ

ก่อนหน้าที่เขาจะได้พบกัน ชายหนุ่มอยากจะสังหารอีกฝ่ายมาก แต่หลังจากได้รับของเหล่านี้มา ถึงแม้หยูเฮอจะเป็นคนโลภและน่ารำคาญ แต่อีกฝ่ายก็ควบคุมได้ง่าย

ถังหยินอารมณ์แปรปรวนก็จริง แต่เขาก็ฉลาดหลักแหลมเช่นกัน

ตลอดครึ่งทางที่ไปยังเมืองเฮิง ไม่มีเรื่องราวหรือพวกโจรเหมือนครั้งที่แล้ว ยังไงเสียพวกเขาก็มาพร้อมกับทหารกว่า 3 พันนาย จึงทำให้ไม่มีใครกล้าสู้กับพวกเขา

เมื่อผ่านป่าที่พบพวกโจรครั้งที่แล้ว ถังหยินก็โบกมือเรียกจางโจว “มีพวกศัตรูที่เก่งกาจด้านนอกนั่น เขตปิงหยวนเองก็วุ่นวายมากพอแล้ว ห้ามให้มีพวกโจรเหล่านี้ปรากฏตัวอีก รีบจัดการมันซะ”

“ขอรับ” จางโจวพยักหน้าให้แต่ในใจกลับไม่รู้สึกแบบนั้น

ถังหยินไม่สนใจท่าทางแบบนั้นและถาม “ทำไมล่ะ ? แม่ทัพจางทำไม่ได้งั้นหรือ ? ”

จางโจวขมวดคิ้วและลังเลที่จะพูด

ถังหยินเริ่มมีสีหน้ามืดลงด้วยความไม่พอใจ “ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ ลีลาอยู่นั่นแหละ ! ”

“ท่านถัง เรื่องมันเป็นอย่างนี้” เขาพูดอย่างช้าๆ “พวกโจรมีผู้นำเป็นฝาแฝดฉางกวงหยวนอู่ และฉางกวงหยวนเปียว พวกเขามีพี่น้องอีก 2-3 คน ได้แก่ ฉางกวงหยวนจี้ ที่เป็นพี่คนโตของพี่น้องฉางกวง คนผู้นี้ที่เป็นที่รักของคนในเขต และในอดีต อาหารที่กองทัพได้รับมาส่วนใหญ่ก็ได้มาจากหยวนจี้คนนี้…”

ถังหยินพูดขัดเขาทันที “เดี๋ยวนะ ! 4 พี่น้องฉางกวงที่เจ้าพูดถึง นี่เจ้ากำลังบอกว่าพี่คนโตของพวกเขาเป็นคนบริจาคอาหารให้กับกองทัพ ส่วนน้องสามกับน้องสี่ดันเลือกที่จะเป็นโจรงั้นหรือ ? ”

“ถูกต้องขอรับ” จางโจวพูดอย่างขมขื่น เขารู้สึกเหมือนกันว่ามันประหลาด พวกเขาเป็นพี่น้องจากตระกูลเดียวกัน และทำไมน้องสามและน้องสี่ตระกูลนี้ถึงได้เป็นเช่นนี้กันนะ ?