ตอนที่ 83.1 ทับกลับ (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

หลังจากที่ทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว หนานกงจวิ้นซีก็กลับตำหนักชิงเซี่ยวของตนไปพักผ่อน

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยากลับมา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ไม่พูดอะไรกับเล่อเหยาเหยาอีก เพียงหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องของตน

อีกทั้งเมื่อเห็นเงาร่างเล็กที่ดูงานยุ่งของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกว่าใจที่หายไปส่วนหนึ่งของตน ในที่สุดก็กลับคืนมาแล้ว

เล่อเหยาเหยาไม่รู้แน่ชัดถึงความในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หลังจากจัดเก็บสิ่งของเสร็จ ก็ถอยออกไป

เพราะดึกมากแล้ว เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย!

ต้องรู้ว่าตอนนี้สถานะของเธอคือขันทีน้อยปลอม ไม่อาจให้คนอื่นรู้ถึงสถานะการเป็นผู้หญิงของตน

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังพักอยู่ในห้องบ่าวรับใช้ การอาบน้ำถือว่ายุ่งยากอย่างยิ่ง เพราะเธอไม่เหมือนกับขันทีคนอื่น ที่พอกลับมาก็ถอดเสื้อผ้าตักน้ำชำระล้างร่างกาย

ดังนั้นทุกครั้งเธอต้องเลือกเวลากลางดึกที่ไม่มีผู้คน หาสถานที่พรางตัวอาบน้ำ

ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้เธอพักอยู่ในตำหนักหย่าเฟิง ภายในตำหนักหย่าเฟิง ไม่เพียงมีห้องพักดูดีเป็นของตนเอง ยังมีสถานที่อาบน้ำที่ไม่เลวอีกด้วย

รวมทั้งตอนนี้ในตำหนักหย่าเฟิงก็มีเพียงพญายม องครักษ์ลับสองคนและเธอพักอยู่ ไม่มีผู้อื่น

ดังนั้นทุกวันกลางดึกหลังจากพญายมเข้านอน เล่อเหยาเหยาจะนำเสื้อผ้าอุปกรณ์ในการอาบน้ำ เดินไปที่ห้องอาบน้ำด้านหลังตำหนักหย่าเฟิง

เมื่อเอ่ยถึงห้องอาบน้ำแห่งนี้ อย่างอื่นสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายยิ่งนัก เพียงแต่ช่องว่างของประตูไม้ที่ปิดอยู่ นอกจากตรงกลางมีประตูไม้บางตั้งอยู่ ด้านบนและเหนือศีรษะล้วนว่างเปล่า

เมื่อเป็นเช่นนี้ คนด้านนอกไม่เพียงเห็นคนที่อยู่ด้านใน คนด้านในเองก็เห็นสภาพด้านนอกได้ทุกเวลาเช่นกัน

แน่นอนว่าคนด้านนอกก็มองเห็นขาและส่วนศีรษะของคนด้านใน

ปกติสถานที่แห่งนี้ มีเพียงเหม่ยและซิงที่หลังจากเสร็จงานจากทางด้านนอก ก็จะรีบร้อนมาอาบน้ำชำระกายที่นี่

ที่เหลือเวลาส่วนใหญ่ พวกเขากลับไปอาบน้ำที่ห้องของตนเอง

ส่วนตอนนี้ กลางดึกเงียบสงบไร้ผู้คน เล่อเหยาเหยาทั้งเดินไป ทั้งตรวจตราไปรอบด้านตำหนักหย่าเฟิง

ก่อนจะพบว่าเวลานี้ ทุกคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว แม้จะยังไม่นอนก็คงไม่มาถึงทางด้านนี้ ดังนั้นจึงวางใจลง

เมื่อนำเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนวางที่ด้านในห้องอาบน้ำ จากนั้นก็ตักน้ำเย็นในบ่อน้ำเติมใส่ในถังขนาดใหญ่ในอ่างอาบน้ำจนเต็มก่อนวางถังลง แล้วปิดประตูห้องอาบน้ำ

เพราะเป็นหน้าร้อน ดังนั้นอากาศเช่นนี้ไม่มีอันใดดีไปกว่าการอาบน้ำด้วยน้ำเย็น

ทำงานเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เล่อเหยาเหยาคิดเพียงอยากอาบน้ำให้ผ่อนคลาย ก่อนกลับไปนอนพักผ่อน

ดังนั้นเธอจึงอาบอย่างรวดเร็ว และไม่ได้สนใจสถานการณ์ทางด้านนอก

กระทั่งหูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ทั่วร่างกายจึงระแวดระวังขึ้น เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อใด เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ จนดวงตาเบิกกว้าง

เห็นเพียงเหม่ยและซิงไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นมาด้านนอกห้องอาบน้ำตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งเห็นชัดว่าพวกเขาก็เห็นเธออาบน้ำอยู่ด้านในเช่นกัน

แต่พวกเขากลับไม่สนใจเลยสักนิด เพราะทุกคนต่างก็เป็น ‘บุรุษ’ ซิงยื่นมือวางบนประตูไม้ของห้องอาบน้ำ คล้ายคิดจะเปิดประตูออก

เล่อเหยาเหยาพอเห็น ก็ตกใจจนหัวใจแทบกระโดดออกมา

ใบหน้าพลันซีดขาว ดวงตางดงามเบิกกว้าง ก่อนกรีดร้องเสียงหลงออกมา

“อา นี่ท่านจะทำอันใด!”

“เอ่อ เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าตื่นตูมตกใจอันใด ที่นี่คือห้องอาบน้ำ พวกเรามาที่นี่ต้องมาอาบน้ำนะสิ เจ้าช่วยเปิดประตูห้องอาบน้ำ ให้ข้ากับเหม่ยเข้าไปอาบด้วยกันเถิด!”

เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเล่อเหยาเหยา ซิงเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ

เพราะห้องอาบน้ำแห่งนี้จะพูดว่ากว้างก็ไม่กว้าง จะพูดว่าเล็กก็ไม่เล็ก ถือว่าพอดีสำหรับอาบน้ำสามคน ทว่าตอนนี้ประตูห้องอาบน้ำกลับถูกเล่อเหยาเหยาลงกลอนไว้จากด้านใน ดังนั้นซิงจึงเปิดไม่ออก เลยเอ่ยพูดกับเล่อเหยาเหยา

แต่เล่อเหยาเหยาจะยอมได้เช่นไร เธอไม่ได้เสียสติ!

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาที่ถูกซิงและเหม่ยพลันปรากฏตัวขึ้นมาทำให้สะดุ้งตกใจ หลังจากหายตกตะลึงก็รีบเอ่ยปากขึ้นทันทีว่า

“ท่าน พวกท่านรอเดี๋ยว ข้าใกล้ ใกล้อาบเสร็จแล้ว”

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ยังไงพวกเราทั้งหมดก็เป็นบุรุษ เจ้ายังชักช้าอันใดอยู่อีก ไม่ใช่สตรีเสียหน่อย! เจ้ารีบเปิดประตูซะ เมื่อครู่ข้าและเหม่ยเพิ่งออกไปทำงาน ตอนนี้บนร่างกายสกปรกเกินจะทนได้แล้ว!”

ซิงเอ่ยพลางใช้มือเคาะประตูไม้ไม่หยุด

ความจริงคนที่มีวรยุทธเช่นซิง ประตูไม้ลายสลักบานเดียวนี้เพียงออกแรงโจมตี ต้องพังลงทันทีแน่ แต่ที่นี่คือตำหนักหย่าเฟิงในวังอ๋อง เขาจึงไม่วู่วามเกินไป ดังนั้นเพียงเคาะให้เล่อเหยาเหยาเปิดประตูออกมา เพื่อพวกเขาจะได้เข้าไปอาบน้ำ

เพราะเมื่อครู่เขาและเหม่ยไปตรวจสอบคดีควักหัวใจ ไม่ระวังตกลงไปในบึง แม้จะไม่เป็นไร แต่บนร่างกายกลับเปื้อนโคลนไม่น้อย จนสกปรกอย่างยิ่ง

ซิงและเหม่ยต่างเป็นคนรักความสะอาด จึงรับเรื่องนี้ไม่ไหวเป็นที่สุด

ดังนั้นเมื่อกลับมา ก็คิดมาที่ห้องอาบน้ำเพื่อล้างตัวให้สะอาดทันที คิดไม่ถึงกลางดึกเช่นนี้ จะยังมีคนอยู่ด้านในห้องอาบน้ำ

อีกทั้งเมื่อตบประตูไม้ คนด้านในยังไม่ยอมเปิดประตู ดังนั้นจึงทำให้ซิงเริ่มหมดความอดทน

เพราะซิงมีนิสัยมุทะลุ มีสิ่งใดเอ่ยพูดออกมา ไม่รอบคอบเหมือนกับเหม่ย

เล่อเหยาเหยาเมื่อเห็นซิงในสภาพเช่นนี้ ก็ตกใจกลัว เดิมทีคิดจะลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า แต่เมื่อครู่เธอกลัวเสื้อผ้าอาจจะเปียกชื้น จึงนำเสื้อผ้าวางห่างออกไป ตอนนี้มีซิงอยู่ อีกทั้งเขายังสูงมาก เล่อเหยาเหยาจึงทำได้เพียงพาร่างเปลือยเปล่าของตนนั้นแนบติดกับประตูไม้ของห้องอาบน้ำ เพราะกลัวซิงจะเห็นบางสิ่งเข้า

สำหรับคำพูดของซิง เธอตกใจจนมีสีหน้าคล้ายอยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา  ทว่าตีให้ตายเธอก็ไม่เปิดประตู

อาจเพราะรู้สึกว่าเล่อเหยาเหยาไม่เปิดประตูแน่ ซิงจึงโมโห รู้สึกไม่เข้าใจเล่อเหยาเหยาบางส่วน

เพราะพวกเขาต่างก็เป็น ‘บุรุษ’ มิใช่หรือ!

สุดท้ายเหม่ยผู้รอบคอบด้านข้าง คล้ายนึกถึงบางสิ่งได้ นัยน์ตาดำขลับเป็นประกาย ก่อนจะดึงซิงที่กำลังโมโหออกมา พร้อมกระซิบข้างหูว่า

“ซิง หยุดทำให้ผู้อื่นลำบากใจได้แล้ว ข้ารู้มาว่าขันทีบางคนเพราะแสดงถึงความเป็นบุรุษไม่ได้ จึงดูถูกตนเอง กลัวผู้อื่นจะเห็นท่อนล่างของเขา”

“อืม ที่แท้เป็นเช่นนี้ เจ้าไม่เอ่ยขึ้นมาข้าก็ลืมไปเลย”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหม่ย ซิงพลันตกใจ

ทันใดนั้นสายตาที่มองเล่อเหยาเหยา ไม่หลงเหลือความโมโหอีก แฝงเพียงการขออภัยเท่านั้น

“เช่นนั้น เจ้าอาบเถอะ ข้ากับเหม่ยจะอาบที่ด้านนอก”

เอ่ยจบ พลันยื่นมือใหญ่ออกมาถอดเสื้อผ้าสองสามชิ้นบนตัวเองลง รูปร่างสูงใหญ่นั้น เปิดเปลือยออกมาต่อหน้าเล่อเหยาเหยา

ส่วนเหม่ยที่อยู่ด้านข้างก็ไม่สนใจว่าเวลานี้อยู่ด้านนอกห้องอาบน้ำ ถอดเสื้อผ้าบนตัวออกทุกชิ้นเช่นกัน

เพราะที่นี่คือตำหนักหย่าเฟิง ปกติกลางดึกไม่มีผู้บ่าวรับใช้อื่นเข้ามาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงพวกเขาไม่กี่คน ดังนั้นแม้พวกเขาจะเปลือยกายล่อนจ้อน ก็ไม่ถูกเห็นเข้าแน่

แม้ถูกคนอื่นเห็นเข้า ความจริงสำหรับพวกเขาถือว่าไม่เสียหายอันใด

แต่กลับไม่ได้หมายความว่าจะรวมถึงเล่อเหยาเหยา!

เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีกังวลไม่หยุด คิดว่าซิงต้องโมโหมาก จนวู่วามพังประตูไม้เข้ามา ใครจะรู้ว่าเหม่ยกระซิบเรื่องใดกับเขา ซิงพลันมีท่าทางที่เปลี่ยนไป อีกทั้งยังขอโทษเธอด้วย

เรื่องนี้ทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัยเล็กน้อย

แต่เธอไม่คิดให้มากความ

เพียงพวกเขาไม่เข้ามาอีกก็พอ ขณะที่เธอกำลังถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่า สายตาจะถูกภาพตรงหน้าดึงดูดไป

ความจริง เธอเป็นสาวน้อยใสบริสุทธิ์ไร้เดียงสามากจริงๆ เธอกล้าสาบานต่อสวรรค์

ก่อนหน้านี้ตอนเรียนมอปลาย เธอไม่เคยแม้กระทั่งจับมือกับผู้ชาย

แน่นอนว่าสำหรับเรื่องนั้นระหว่างชายหญิง เธอยังรู้สึกแปลกใจ

ทว่าเธอเพียงแปลกใจเท่านั้น

ดังนั้นเมื่ออยู่ที่หอพัก หลังจากสาวน้อยพวกนั้นซื้อนิตยสารผู้ชายมา เธอยังแอบหยิบไปดู

แน่นอนว่าจากที่ผ่านการตบแต่งจากโปรแกรมโฟโต้ชอบ ชายหนุ่มบนนิตยสารพวกนั้น จึงมีกล้ามเนื้อแน่นขนัด รูปร่างสมบูรณ์แบบ ทำให้คนที่เห็นมีความคิดอันร้ายกาจขึ้นมา

แต่ตอนนี้หลังจากมาถึงที่นี่ เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าชายหนุ่มรอบข้างของเธอ ทุกคนต่างมีรูปร่างดีกว่าในนิตยสารยิ่งนัก

อีกทั้งรูปภาพในนิตยสารเหล่านั้นคือสิ่งที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ แต่เวลานี้ตรงหน้าเธอคือชายหนุ่มที่มีชีวิตเคลื่อนไหวได้!

นอกจากนี้ชายหนุ่มยังน่ามองอย่างยิ่ง!

ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตา

แม้เหม่ยกับซิงจะเป็นองครักษ์ลับ แต่เพราะได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก รูปร่างนั้นจึงยอดเยี่ยมอย่างมาก ปกติเห็นพวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าจะรู้สึกเพียงมีรูปร่างสูงใหญ่

แต่ตอนนี้เล่อเหยาเหยาถึงรู้ว่า เมื่อพวกเขาถอดเสื้อผ้าลงแล้ว แต่ละคนต่างเป็นของล้ำค่าบนโลกยิ่งกว่านายแบบในนิตยสารเสียจริง

แม้รูปโฉมของเหม่ยและซิงจะเทียบกับพญายมและหนานกงจวิ้นซีไม่ได้ แต่รูปร่างถือว่าแข็งแรง กำยำยิ่งนัก

เห็นเพียงภายใต้แสงสลัวของตำหนัก เหม่ยและซิงได้ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นบนตัวออกจนหมด สุดท้ายกระทั่งกางเกงก็ถอดทิ้ง ก่อนก้นขาวผ่องจะพลันยักย้ายไปมาต่อหน้าเล่อเหยาเหยา

เล่อเหยาเหยาเห็นเข้าพลันรู้สึกเพียงสมองเกิดระเบิด ‘ตูม’ เสียงดังขึ้น ทั่วร่างแข็งทื่ออย่างถึงที่สุด

ความจริงเธอสามารถหลับตาลงไม่มองสิ่งใด แต่ดวงตาเธอเวลานี้กลับแอบมองสองคนด้านนอกอย่างห้ามไม่ได้

อีกทั้งเมื่อเห็นรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงของสองคนนั้น อดเปรียบเทียบกับพญายมไม่ได้

หูได้ยินเสียงสาดน้ำ ‘ซ่าซ่าซ่า’ เข้ามาไม่หยุด กลางดึกอันเงียบสงัดนี้เสียงจึงดังกังวานเป็นพิเศษ

ในที่สุด เสียงการเคลื่อนไหวด้านนอกพลันหายไป เหม่ยและซิงหลังจากอาบน้ำจนสะอาด ต่างก็พากันเดินจากไป เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ สวมเสื้อผ้าราวกับเครื่องจักร จากนั้นก็กลับไปยังห้องของตน

เพียงแต่ใบหน้ากลับแดงก่ำอยู่เป็นเวลานาน