“เด็กน้อย เจ้าโอหังดีนี่”

“เล็กน้อยๆ”

“ฝ่าบาท คุณหนูสามกู้มาสร้างปัญหาชัดๆ กระหม่อมขอให้ตัดสิทธิ์งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นของนางไปเสียพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางท่านหนึ่งเสนอแนะ

“นี่ ท่านก็ว่าไป ข้าว่าคุณหนูสามกู้มั่นใจขนาดนี้ คิดว่านางคงมีวิธีชนะคนเก่งๆทั้งหลายได้ ยังไงก็จะตกเย็นอยู่แล้ว ให้นางลองทดสอบก่อนดีไหม”

ผู้ที่รู้งานต่างก็ฟังออกมาบ้างแล้ว

ฮ่องเต้ตั้งใจอยากให้คุณหนูสามกู้อับอายขายขี้หน้า ดังนั้นไม่เพียงแต่ไม่ได้ห้าม แต่กลับสนับสนุน ดูแล้วฮ่องเต้ไม่คิดจะไว้หน้าเทพสงครามแล้ว

กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มเย็นชา บิดขี้เกียจแล้วพูดว่า “พวกเจ้ามาพร้อมกันเลย จะได้ไม่ทำให้ข้าเสียเวลา ได้ที่หนึ่งเร็วๆ ข้าก็จะกลับไปนอนด้วย”

อ๋องเจ๋อด่าอย่างโมโหว่า “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”

“เหอะ เจ้าเก่งขนาดนี้ เจ้าบอกข้ามาที่ว่าไอที่ว่าต่ำนี่มันต่ำเท่าไหร่ ไอที่ว่าสูงมันสูงมากแค่ไหน?”

“เจ้า……”

“ถ้าเจ้าไม่รู้ก็หุบปากไปจะดีกว่า อย่าคิดว่าเจ้าเป็นท่านอ๋องแล้วจะสูงส่งมาก ไม่เอาใครไว้ในสายตา เจ้ามันก็แค่ผู้ชายที่คิดเองเออเอง”

“ฝ่าบาท กู้ชูหน่วนพูดจาหยาบคาย กระหม่อมขอฝ่าบาทลงโทษนางด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องเจ๋อยกมือขึ้นคารวะ ในใจโกรธจนลุกเป็นไฟ

เย่หวงจะปล่อยให้กู้ชูหน่วนไปได้ยังไง นี่เป็นโอกาสดีที่จะทำให้เทพสงครามอับอาย

เขาทำเป็นเข้มงวด แล้วพูดว่า “คุณหนูสามกู้ นี่เป็นงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น ระมัดระวังคำพูดของเจ้าด้วย”

“ก็ได้ ข้าจะระวัง ยังไงอ๋องเจ๋อก็ไม่อยู่ในสายตาข้าอยู่แล้ว”

บรรยากาศเงียบกริบลงมา ในตาอ๋องเจ๋อลุกเป็นไฟ พร้อมระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

หม่ากงกงเห็นบรรยากาศผิดปกติ ก็รีบพูดว่า “การแข่งรอบแรกคือการวาดรูป เวลาจำกัดที่หนึ่งก้านธูป เชิญทุกท่านเข้าประจำตำแหน่งด้วย”

กู้ชูหน่วนนั่งลง มองดูพู่กันกระดาษหมึกดำจานฝนหมึกที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนแต่เป็นของชั้นดีทั้งนั้น นางก็กระตุกยิ้มขึ้นมา

“อ๋องเจ๋อ เจ้าว่าตัวเองเก่งล้ำเลิศที่สุดในแคว้นเย่ ถ้าหากแพ้ให้ไก่อ่อนอย่างข้า ไม่รู้ว่าชาวเมืองในแคว้นเย่จะคิดอย่างไร”

อ๋องเจ๋อแสยะยิ้ม “ข้าจะแพ้ให้กับเจ้างั้นเหรอ? น่าขำสิ้นดี”

“งั้นพวกเรามาเดิมพันกันไหม การแข่งขันรอบนี้ ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าให้ข้าสองล้านตำลึง เป็นยังไง?”

“งั้นถ้าเจ้าแพ้ล่ะ?”

“ถ้าข้าแพ้ ข้าจะวิ่งรอบราชวิทยาลัยโดยไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย”

ทุกคนตกใจกันเป็นแถบ

วิ่งรอบราชวิทยาลัยโดยไม่ใส่เสื้อผ้า? นางกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? นางยังเป็นผู้หญิงอยู่ใช่ไหม?

เซียวหยู่เซวียนกุมขมับ ไม่อยากจะคิดที่ผลที่ตามมาเลย

ใต้เท้าเฉินหัวเราะ “ท่านกู้เฉิงเซี่ยง ลูกสาวคนที่สามของท่านเปิดกว้างเสียจริงนะ”

ใต้เท้าอู๋ก็พูดตาม “ลูกสาวคนที่ห้าของเขาก็เปิดกว้างขนาดนั้น ลูกสาวคนที่สามจะไม่เปิดกว้างได้ยังไงล่ะ? ฮ่าๆๆ……”

กู้เฉิงเซี่ยงเม้มริมฝีปากแน่น ในใจท่วมท้นไปด้วยกองไฟ นานมากกว่าจะบีบเคล้นคำพูดออกมาจากปาก “ข้าตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกของนางแล้ว เรื่องของนางไม่เกี่ยวกับข้า”

คณะทูตบนที่นั่ง คณะทูตแคว้นฉู่ตะลึง “ผู้หญิงในแคว้นเย่เปิดกว้างขนาดนี้เชียวเหรอ? คำพูดแบบนี้กล้าพูดออกมาได้ยังไง?”

คณะทูตแคว้นฮั่วแสยะยิ้มเย็นชา “เปิดกว้างอะไรกัน ข้าว่าไร้ยางอายมากกว่า?”

อี้เฉินเฟยมือที่จับแก้วชะงักค้าง ใบหน้าสง่างามนั้นก็เย็นชาลง “หญิงสาวทั่วพระนครต่างก็รักนวลสงวนตัวอ่อนช้อยเกินไป ข้าว่าคุณหนูสามกู้ตรงไปตรงมา นิสัยพูดตรงๆ ใต้เท้าสวี ท่านว่ายังไงล่ะ”

เขาหัวเราะ แต่รอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยการตักเตือน

คณะทูตแคว้นฮั่วตะลึง

อี้เฉินเฟยหมายความว่าไง? นี่กำลังคิดปกป้องยัยเด็กโอหังนั่นเหรอ

เขาเดาไม่ออกว่าอี้เฉินเฟยหมายความว่ายังไง แต่อี้เฉินเฟยเป็นถึงเซียนกวี และยังเป็นคนใหญ่คนโตแห่งลัทธิขงจื๊อ ขนาดจักรพรรดิแต่ละแคว้นยังต้องไว้หน้าเขาเลย เขาจะกล้าขัดใจได้ยังไงล่ะ

จึงต้องพูดว่า “ขอรับๆ คุณชายอี้พูดถูกแล้ว”

เย่หวงดีใจมาก เหมือนได้เห็นภาพโป๊ของกู้ชูหน่วนในหัวแล้ว

ซ่างกวนฉู่จิบชาอย่างสบายใจ เหมือนไม่สนใจการเดิมพันของกู้ชูหน่วนกับอ๋องเจ๋อเลย

แต่อาจารย์สวีกลับกำหมัดทุบอก พูดด่าว่า “ต่อหน้าฮ่องเต้กับคณะทูต คุณหนูสามกู้พูดโอ้อวดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าแพ้ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?”

นางเป็นว่าที่ภรรยาของเทพสงครามเชียวนะ เทพสงครามจะรับได้กับการที่ว่าที่ภรรยาตัวเองวิ่งรอบราชวิทยาลัยโดยไม่ใส่เสื้อผ้าได้ยังไง?

อาจารย์สวีไม่อยากจะคิดที่ผลที่ตามมาเลย

อ๋องเจ๋อกัดฟันกรอด “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง งั้นข้าก็จะเดิมพันกับเจ้า”

“เริ่มการแข่งขันได้……”

หม่ากงกงกลัวกู้ชูหน่วนจริงๆ นางไม่เคยพูดอะไรดีๆเลย ถึงเวลาไม่รู้ว่าจะทำให้อ๋องเจ๋อโกรธมากแค่ไหน จึงต้องรีบเปลี่ยนประเด็น

พอเริ่มการแข่งขัน ทุกคนก็ยกพู่กันขึ้นเริ่มวาดรูปกัน

กู้ชูหน่วนหันหน้าไปหาเย่เฟิง “เสี่ยวเฟิงเฟิง เรามาเดิมพันกันสักตาไหม เป็นไง?”

ได้ยินเสี่ยวเฟิงเฟิงสามคำนี้ มือของเย่เฟิงก็สั่นเล็กน้อย

เขาพูดว่า “ข้าไม่มีเงิน”

“ข้ายืมเจ้าก่อนก็ได้ ถึงเวลาเจ้าค่อยคืนข้าพร้อมดอกเบี้ย”

เย่เฟิงไม่สนใจนาง ยกพู่กันขึ้นแล้วเริ่มวาดบนกระดาษ

กู้ชูหน่วนเบะปาก พึมพำว่า “คนขี้เหนียว”

ต่อมา นางก็หันไปมองที่เทพหมากกระดาน “ตาแก่ เรามาเดิมพันกันหน่อยไหมล่ะ?”

“ข้าไม่มีเงินสองล้านตำลึงหรอกนะ”

“ไม่เป็นไร หนึ่งแสนก็ได้”

ทุกคนหมดคำจะพูด

เทพหมากกระดานเรียนมาห้าปี เขาไม่ได้เป็นแค่การเล่นหมากล้อม พิณโคลงกลอนหนังสือวาดภาพ เขาเป็นทุกอย่าง แต่แค่เล่นหมากล้อมได้เซียนกว่าก็เท่านั้น

เดิมพันกับเขา รนหาที่ตายชัดๆ?

เทพหมากกระดานชะงัก เงยหน้าขึ้นมองนางอย่างนับถือ “เด็กน้อย เจ้ามั่นใจว่าตัวเองจะชนะขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

“เป็นคนต้องมีความมั่นใจสิ”

“ข้าเดิมพันกับเจ้าก็ได้ แต่ข้าไม่วิ่งโป๊เหมือนเจ้าหรอกนะ เจ้าต้องมาเป็นข้ารับใช้ของข้าสิบปี”

“ตกลง”

ทุกคนต่างปาดเหงื่อกันหมด

นางช่างกล้าเดิมพันจริงๆนะ

กู้ชูหน่วนผิวปากไปที่คนเก่งของแคว้นจ้าว “พี่ชายสองคน เทพหมากกระดานกับอ๋องเจ๋อเดิมพันกันแล้ว พวกท่านไม่เดิมพันกันบ้างเหรอ?”

คนเก่งสองคนในแคว้นจ้าวหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหนูสามกู้ยกยอเกินไปแล้ว แต่พวกข้าไม่ชอบการพนันหรอก”

“เฮ้อ นี่ไม่เรียกว่าเป็นการพนันหรอก นี่เรียกว่าเพิ่มสีสันให้ชีวิต ไม่งั้นงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นก็น่าเบื่อแย่น่ะสิ หรือว่าพวกเจ้ากลัวจะแพ้ให้ไก่อ่อนอย่างข้า กลัวจะอับอายเหรอ?”

คนเก่งในแคว้นจ้าวต่างก็มองไปที่อี้เฉินเฟย เหมือนกำลังขอความเห็นจากเขาอยู่

อี้เฉินเฟยกระตุกยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าคุณหนูสามอยากจะเดิมพันอะไร?”

“ดีเลย ถ้าพวกเจ้าแพ้ อยู่เล่นสนุกกับข้าเจ็ดวัน ถ้าข้าแพ้ ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเจ็ดวัน”

เซียวหยู่เซวียนกระทืบเท้า

“ให้ตายสิ ยัยขี้เหร่ชอบซ่างกวนฉู่ก่อน ต่อมาก็ชอบเย่เฟิง ตอนนี้ก็มาชอบอี้เฉินเฟยต่องั้นเหรอ?”

อะไรคือเล่นเจ็ดวัน?

เล่นที่ว่ามันคืออะไร?

ไม่ใช่การละเล่นบนเตียงหรอกนะ?

หลิวเยว่พยักหน้าพูดว่า “พี่ใหญ่ต้องชอบคุณชายอี้เป็นแน่ เมื่อกี้ก่อนที่พี่ใหญ่จะนอน ก็จ้องคุณชายอี้ไม่หยุด น้ำลายยังไหลเลย”

“เจ้าโง่ อี้เฉิยเฟยก็แค่เก่งด้านกวี ของพวกนั้นเอามาแลกข้าวกินได้หรือไง?”

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะ เพราะยังไงอี้เฉินเฟยก็หน้าตาดีอยู่ระดับหนึ่ง ใครที่เห็นแล้วก็ต้องสบายใจกันทั้งนั้น”

“หรือว่าข้าหน้าตาไม่ดีเหรอ? ข้าเป็นหนึ่งในบรรดาหนุ่มรูปงามแห่งพระนครเชียวนะ”