บทที่ 92 การเลือกคู่แต่งงานขององค์รัชทายาทต้าเยี่ยน 2

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 92

การเลือกคู่แต่งงานขององค์รัชทายาทต้าเยี่ยน 2

แล้วฮูหยินอวี้ก็ปรากฏแววตาภาคภูมิใจออกมา “ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ พวกเราก็ยังมีเยว่เอ๋อไม่ใช่เหรอเจ้าคะ?”

มหาเสนาบดีหลินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้หันไปมองที่หลินหัวเยว่ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆฮูหยินอวี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มหาเสนาบดีหลินจึงไม่ได้พบลูกสาวคนนี้มานานมากแล้ว เมื่อเขาได้พบกับนางในวันนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าเยว่เอ๋อนั้นโตขึ้นมาก

เขามองไปที่หลินหัวเยว่ที่สวมชุดสีชมพูบางๆ ด้วยสีสันที่งดงามจึงได้ทำให้นางงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีก และด้วยผิวขาวและใบหน้าที่ซีดเซียว ชุดนี้ได้กลบความซีดเซียวของนางและขับความงามออกมา ทำให้นางงดงามและน่าหลงใหล

“จริงด้วย ข้ายังมีเยว่เอ๋ออยู่นี่นา” แล้วดวงตาของมหาเสนาบดีหลินราวไฟมีไฟลุกขึ้นมา ถึงแม้ว่าลูกสาวของเขานั้นจะแปดเปื้อนไปแล้ว แต่แล้วไง? จะมีผู้ชายคนไหนที่จะต้านทานต่อความน่าหลงใหลของหญิงสาวที่อ่อนแอได้กันล่ะ

ณ ศาลาริมสระน้ำเฉิงหลินในพระราชวังหลวง ซึ่งมีดอกบัวขนาดใหญ่บานอยู่มากมาย ในเวลานี้มีหญิงงามมากมายปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งสามารถพูดได้เลยว่าแม้แต่ทิวทัศน์ของดอกไม้ในสวนก็ยังต้องอาย

ฮ่องเต้เจียงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ก็ได้ผงกหัวอย่างพึงพอใจ และเขาก็ได้มองไปที่องค์ชายเยี่ยนที่แม้จะหายจากอาการบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังคงซีดเซียวอยู่ แล้วก็พูดขึ้นมา “ที่สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้มากมาย ขอให้องค์ชายเลือกดูได้ตามสบาย

องค์ชายเยี่ยนก็ได้หรี่สายตาแล้วกล่าว “ฝ่าบาทสัญญาแล้วนะว่า ให้เปิ่นหวางสามารถเลือกได้ตามต้องการน่ะ?”

“ข้าพูดคำไหนคำนั้น” ฮ่องเต้เจียงก็ได้มองไปที่สีหน้าที่กำลังคาดหวังบางอย่างอยู่ขององค์ชายเยี่ยน ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้ เข้าจึงได้ถามออกไป “หรือว่าองค์ชายเยี่ยนจะพบผู้ที่เหมาะสมแล้ว?”

องค์ชายเยี่ยนผงกหัว แต่แล้วเขาก็ได้พูดขึ้นมาก่อนที่ฮ่องเต้เจียงจะได้ถามขึ้นมาว่าหญิงงามผู้นั้นคือใคร “ฝ่าบาท ขอเปิ่นหวางได้เดินลงไปชมดอกไม้เสียหน่อย แล้วเมื่องานเลี้ยงนี้จบลง เปิ่นหวางจะบอกให้ท่านทราบเอง หวังว่าตอนนั้นฝ่าบาทคงจะไม่เสียใจทีหลัง”

ฮ่องเต้เจียงก็ได้ยิ้มอย่างเบิกบาน “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้านั้นหาได้ตระหนี่ขนาดนั้นหรอก”

หลังจากที่องค์ชายเยี่ยนได้ยกแก้วสุราขึ้นดื่ม ก็ได้เดินไปชมดอกไม้นับหมื่นดอก เขานั้นได้มองหาคนระหว่างที่เดิน แต่เขาก็ไม่พบคนที่เขาอยากจะพบเลย มีแต่ผู้คนที่เข้ามารุมล้อมเขามากมาย

แต่แล้วก็มีหญิงสาวในชุดสีชมพูที่ “บังเอิญ” ล้มลงตรงหน้าของเยี่ยนกุยอวี่ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด องค์ชายเยี่ยนจะสามารถรับนางเอาไว้ได้อย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายที่ มีอะไรผิดพลาดขึ้นจนได้ องค์ชายเยี่ยนนั้นกำลังจะช่วยนางแต่ทว่าสายตาของเขากลับจ้องไปที่ หลินซีเหยียนที่กำลังอยู่ที่ทางเข้าศาลาริมสระน้ำแห่งนี้ เขาจึงได้หันไปแล้วเดินไปหาทิ้งให้หญิงสาวคนนั้นร่วงลงไปกระแทกกับพื้น ท่ามกลางสายตาเยาะเย้ยของผู้คน นางนั้นบาดเจ็บก็จริงแต่รู้สึกเสียหน้ามากกว่า

เฉิงซินหรุ่ยที่ผ่านมาเห็นเข้าก็ได้กล่าวอย่างดูถูก “โอ๊ะ นั่นคือสาวงามอันดับสามของเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ล้มอยู่ที่พื้นได้เจ้าต้องการให้ข้าช่วยไหม?”

ด้วยคำพูดที่ประชดประชันนี้ทำให้เหล่าสาวงามต่างก็พากันหยิบผ้าเช็ดหน้าคือมาบังปากของพวกนางแล้วหัวเราะ

“เจ้า….” หลินหัวเยว่โกรธจัด และหน้าอกของนางก็ได้สั่นไหวขึ้นลงอย่างชัดเจน

“ข้าทำไมเหรอ?” เฉิงซินหรุ่ยก็ได้มองด้วยสายตาที่ดูถูก “เจ้าคิดที่จะไขว่คว้าองค์รัชทายาทต้าเยี่ยนอย่างนั้นเหรอ? ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลย”

ในขณะที่ทั้งสองสาวกำลังโต้เถียงกัน องค์รัชทายาทต้าเยี่ยนนั้นก็ได้เดินเข้าไปหาหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนนั้นมองไม่เห็น นางนั้นรู้แค่เพียงว่ามีใครบางคนเข้ามาขวางนาง จึงได้พูดขึ้นมา “ได้โปรดหลีกทางให้ด้วย ท่านกำลังขวางทางข้าอยู่”

เยี่ยนกุยอวี่ก็ได้ย่นใบหน้าที่งดงามของเขา แล้วจากนั้นก็ได้ยื่นมือออกไปแล้วโบกไปมาตรงหน้าของหลินซีเหยียน แล้วจากนั้นสีหน้าของเขาที่ซีดอยู่แล้วก็ได้ซีดมากขึ้นกว่าเดิม

ชิงอวี่ผู้ที่คอยช่วยเหลือหลินซีเหยียนที่มองไม่เห็นอยู่นั้นก็ได้กล่าวขึ้นมา “องค์ชายเจ้าคะ ท่านนี้คือหลินซีเหยียน บุตรีคนที่รองของมหาเสนาบดี และเป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายเย่เจ้าค่ะ”

คำพูดของนางนั้นเป็นการบอกเป็นนัยๆให้เยี่ยนกุยอวี่รู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นไม่สามารถเป็นคู่ครองของเขาได้ เพราะ หลินซีเหยียนนั้นเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเจียงหวายเย่

แต่น่าเสียดายที่ชิงอวี่นั้นคำนวณพลาดไป เพราะคำพูดของนางนั้นเยี่ยนกุยอวี่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

“แม่นางหลิน ตาของเจ้า….” น้ำเสียงของเยี่ยนกุยอวี่นั้นเต็มไปด้วยความสงสารหลินซีเหยียน

“ที่แท้ก็เป็นองค์ชายนี่เอง!” หลินซีเหยียนก็ได้ทักทายเขากลับไปเมื่อรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร แล้วจากนั้นนางก็ได้บอกกับชิงอวี่ “ชิงอวี่เจ้าพาข้าไปที่หาที่เงียบๆที”

ชิงอวี่นั้นกระตือรือร้นที่จะพานางออกห่างจากองค์ชายเยี่ยน นางจึงได้รีบพาหลินซีเหยียนออกห่างจากองค์ชายเยี่ยนอย่างเชื่อฟังแล้วพาไปยังศาลาริมสระแห่งหนึ่งซึ่งมีบรรยากาศที่เงียบสงบและไม่มีใคร

แต่ก็น่าเสียดายที่องค์ชายเยี่ยนนั้นยังคงตามมาด้วย และสะบัดมือให้ชิงอวี่เป็นเชิงบอกไปนางถอยไปก่อน แต่แน่นอนว่าเพื่อที่จะเป็นการกันไม่ได้ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง ชิงอวี่จึงได้ไม่สนใจ

“แม่นางหลิน” เมื่อเห็นว่าชิงอวี่ปฏิเสธที่จะไป เยี่ยนกุยอวี่จึงไม่มีทางเลือกและพูดเบาๆกับหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ตกใจและหันหน้ามาทางเขา ดวงตาของนางที่เคยสดใสเหมือนกระจกนั้นในเวลานี้กลับมืดทึบทำให้อกของเยี่ยนกุยอวี่นั้นเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

เขานั้นไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบมาก่อน แต่ในเวลานี้เขาเริ่มเชื่อมันแล้วและเขาอยากที่จะพาหลินซีเหยียนกลับไปที่ต้าเยี่ยนและเก็บรักษาเอาไว้

หลินซีเหยียนนั้นรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยากที่จะถามอะไร นางจึงได้พูดขึ้นมา “องค์ชายคงอยากที่จะถามเรื่องดวงตาของข้าสินะ?”

“เปิ่นหวางนั้นรู้สึกสงสัยมาก ไม่ทราบว่าแม่นางหลินนั้นสะดวกที่จะเล่าให้เปิ่นหวางฟังหรือไม่?”

หลินซีเหยียนก็รู้สึกอึ้งขึ้นมานิดหน่อยที่องค์ชายเยี่ยนนั้นเป็นห่วงนางมากเช่นนี้ “ขอองค์ชายเยี่ยนอย่าได้เป็นกังวล ข้านั้นไม่ใช่เครื่องลายครามที่จะแตกได้ง่ายเพียงแค่สัมผัสมัน”

องค์ชายเยี่ยนก็ได้ผงกหัว “แม่นางหลินนั้นแข็งแกร่งตลอดเวลาจริงๆ”

“ดวงตาของข้านั้นมองไม่เห็นเพราะผลของพิษชวนชิวฉุ่ย ซึ่งร่างกายส่วนอื่นไม่มีปัญหาอะไรนอกจากมองไม่เห็นเท่านั้น” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างมองโลกในแง่ดีสุดๆ

เยี่ยนกุยอวี่ก็ตกใจขึ้นมา “ไม่ใช่ว่ายาพิษชวนชิวฉุ่ยนั้นสูญหายไปแล้วหรอกเหรอ?”

“ใช่แล้ว ข้าจึงได้แต่ยอมรับว่าช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!” เมื่อหลินซีเหยียนพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ตัวนางก็รู้สึกแย่ขึ้นมานิดหน่อยที่นางไม่สามารถรักษาพิษชวนชิวฉุ่ยนี้ได้ นางนั้นรู้ดีว่ายากมากแค่ไหนในการทำยาพิษนี้ขึ้นมา และเป็นเรื่องยากที่จะหายาแก้พิษนี้ได้พบ และนางที่อุตส่าห์พอจะหาทางรักษาได้แล้วแต่เพราะนางถูกพิษซ้ำซ้อนเข้าเสียก่อน ทำให้นางไม่สามารถรักษาได้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก

เยี่ยนกุยอวี่นั้นไม่รู้ว่านางนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่นางก็ได้พูดคำที่น่าเศร้าออกมา ทำให้เขารีบพูดปลอบนาง “แม่นางหลินวางใจได้เปิ่นหวางนั้นจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะหาทางรักษาแม่นางให้ได้

หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจ แต่ไม่คิดที่จะบอกเขาว่านางนั้นมีหนทางรักษาอยู่แล้ว และพูดไปว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณองค์ชายมาก”

ศาลาริมสระแห่งนี้รายล้อมไปด้วยดอกบัวมากมาย และสายลมก็ได้พาดผ่านมาพันเอากลิ่นของดอกบัวมาด้วย ซึ่งเมื่อกลิ่นของดอกบัวผสมเข้ากับกลิ่นของสระน้ำแล้ว ก็ได้ส่งกลิ่นที่เป็นธรรมชาติที่ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายออกมา

เยี่ยนกวนอวี่ที่เห็นใบหน้าของหลินซีเหยียนนั้นผ่อนคลายและมีความสุขแล้ว เขาจึงได้ยิ้มขึ้นมาและนั่งลงอย่างเงียบๆไม่ส่งเสียงรบกวน

ไม่นานนักงานเลี้ยงก็ได้ใกล้จะจบ เยี่ยนกุยอวี่ก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาหลินซีเหยียน ถึงแม้ว่าเขาจะเดินอย่างเบาๆแล้ว แต่เขาก็ยังรบกวนหลินซีเหยียนขึ้นจนได้ เมื่อเขาเห็น หลินซีเหยียนที่รู้สึกตัวแล้ว เขาก็ได้ยิ้มอย่างขอโทษแล้วกล่าว “แม่นางหลิน เจ้าชอบสถานที่ที่เงียบสงบเช่นนี้มากสินะ?

“ใช่แล้ว” หลินซีเหยียนกล่าวตอบและบิดขี้เกียจเล็กน้อย