บทที่ 93 พระชายาขององค์รัชทายาทที่คาดไม่ถึง

หมอผีแม่ลูกติด

พระชายาขององค์รัชทายาทที่คาดไม่ถึง

แล้วดวงตาสีดำของเยี่ยนกุยอวี่ก็มีแววตาสว่างวาบขึ้นมาทันที “มีสถานที่เช่นนี้มากมายในต้าเยี่ยนเลยนะ แม่นางหลินอยากที่จะไปหรือไม่?”

แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้ตอบอะไร ก็มีข้ารับใช้วิ่งมาและกล่าวหอบๆ “องค์รัชทายาท ฝ่าบาทกำลังรอท่านอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยนกุยอวี่ผงกหัว เขาไม่มีเวลาที่จะฟังคำตอบของ หลินซีเหยียนแล้ว และเขาก็ได้เดินกลับยังพระที่นั่ง ด้วยความคิดที่ว่าหลินซีเหยียนจะต้องตอบตกลงแน่ในหัวของเขา

จากนั้นเขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาแล้วเดินไปหาองค์ฮ่องเต้เจียงอย่างมั่นใจ

ถึงแม้ว่านางจะแต่งแล้วเขาก็ไม่สน ต่อให้เขาจะต้องเสียชื่อเสียงก็ไม่สน เขาแค่อยากจะมีอนาคตร่วมกันกับนางเท่านั้น

มองไปที่องค์ชายเยี่ยนที่กำลังฮึกเหิมแล้ว องค์ฮ่องเต้เจียงก็รู้สึกยินดีขึ้นมาและคิดว่าเขาคงจะพบคู่แต่งงานแล้ว จากนี้ไปรัฐต้าเยี่ยนกับรัฐเจียงก็จะแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น และอำนาจของรัฐเจียงก็จะเพิ่มขึ้น

“ฝ่าบาท”

ฮ่องเต้เจียงก็ผงกหัวและมองไปที่องค์ชายเยี่ยนแล้วพูดอย่างยินดี “องค์ชายเยี่ยนพอจะบอกได้ไหมว่า สาวงามคนที่ท่านชื่นชอบนั้นคือใคร?”

“แน่นอน” ทันทีที่องค์ชายเยี่ยนตอบ ทั้งงานก็ได้เงียบสงบลงทันที และเหล่าสาวงามต่างก็พากันตั้งความหวัง และอยากให้องค์ชายเลือกตัวเอง

องค์ฮ่องเต้เจียงเห็นเช่นนี้ก็ได้จ้องไปที่หัวหน้าขันทีที่อยู่ข้างๆเขา ขันทีก็เข้าใจได้ทันทีว่าองค์ฮ่องเต้นั้นหมายถึงอะไร จึงได้ทำการเคลียร์หลอดลมแล้วตะโกนออกมา “ทุกท่านโปรดเงียบ ต่อไปองค์ชายเยี่ยนจะประกาศชื่อผู้ที่ท่านเลือกให้เป็นพระชายาแล้ว!”

เยี่ยนกุยอวี่ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ก้มหัวเล็กน้อยให้กับทุกคนแล้วจากนั้นก็กล่าว “เปิ่นหวางอยากที่จะแต่งกับ แม่นางหลินซีเหยียนในฐานะพระชายาเอก”

ไม่มีเสียงปรบมือแสดงความยินดีใดๆเกิดขึ้นในศาลาริมสระแห่งนั้น ทั่วทั้งศาลานั้นเงียบสนิทจนดูน่ากลัว

เยี่ยนกุยอวี่เห็นเช่นนั้นก็ได้หรี่สายตาลง เขานั้นรู้ว่าตัวเลือกของเขานั้นมันผิด แต่เขาก็ยินดีที่จะเสี่ยงดวงเพื่อ หลินซีเหยียน ถ้าถามว่าเขาเดิมพันอะไรนั้น เขานั้นเดิมพันให้ฮ่องเต้เจียงจะไม่ผิดสัญญา

ฮ่องเต้เจียงเองก็ตกใจมากกับตัวเลือกนี้ของเขา และมองไปที่เยี่ยนกุยอวี่อย่างสงสัย “องค์ชาย ท่านเลือกคนอื่นได้ไหม? แม่นางหลินนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์ชายเย่ ข้าคงจะให้นางไปแต่งกับคนอื่นไม่ได้!”

หลินซีเหยียนที่อยู่ที่ศาลาริมสระเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะนางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงสายตาที่มารุมเร้ามาที่นาง และเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย

องค์ชายเยี่ยนก็ได้ส่ายหัว “ฝ่าบาททรงพูดเอาไว้เองว่าทุกคนในสวนแห่งนี้ให้องค์ชายเลือกได้ตามต้องการไม่ใช่หรืออย่างไร?”

“ก็ใช่อยู่ แต่หลินซีเหยียนนั้นไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นพระชายาของท่านจริงๆ” องค์ฮ่องเต้เจียงในเวลานี้อยู่ในสภาพเหมือนกับกำลังขี่หลังเสืออยู่

แล้วท่านทูตที่ตามมากับองค์ชายเยี่ยนด้วยก็ได้ช่วยพูดโต้แย้งให้กับองค์ชายเยี่ยน “หรือว่าฝ่าบาทนั้นจะกลับคำจริงๆ? ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราจะเชื่อท่านได้อย่างไรในอนาคต?”

สำหรับฮ่องเต้เจียงแล้ว คำพูดนี้เหมือนกับเป็นหมัดน็อคเลยทีเดียว เขานั้นเป็นถึงฮ่องเต้ หากว่าเขาพูดว่าไม่ใช่ สิ่งนั้นก็จะต้องไม่ใช่ตามไปด้วย ดังนั้นเขาจึงได้พูดอย่างกัดฟัน “ก็ได้ ข้าจะ….”

“จะอะไร?” ก่อนที่ฮ่องเต้เจียงจะได้พูดจบ เขาก็ได้ถูกขัดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสียก่อน

“ยอดไปเลยเจ้าค่ะพระชายา องค์ชายกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงอวี้กล่าวอย่างตื่นเต้น

หลินซีเหยียนเองก็ได้ยิ้มขึ้นมาที่มุมปากของนาง แต่นางก็ได้พูดราวกับเทน้ำเย็นลงใส่หัวชิงอวี่ออกมา เพื่อให้มองเห็นความจริง “แต่คำพูดของฮ่องเต้ต้องคำไหนคำนั้น และในเวลานี้ท่านก็ได้พูดออกมาแล้ว จะให้ท่านถอนคำพูดได้ง่ายๆเยี่ยงไร? หากองค์ชายเย่ยังคิดที่จะค้านเรื่องนี้ เขาก็จะต้องแตกหักกับฮ่องเต้”

ดวงตาของชิงอวี่ก็เบิกกว้างขึ้นมา “ไม่มีทางแก้เลยจริงๆเหรอเจ้าคะ?”

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “แต่ค่าตอบแทนนั้นสูงมาก เกรงว่าข้าคงจะไม่มีค่าพอ”

นางมีค่าพอหรือไม่นั้น คำตอบของคำถามนี้ต้องให้ เจียงหวายเย่เป็นคนตอบแล้ว

เจียงหวายเย่นั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมา แต่ก็ได้มีเสียงที่หนาวเย็นที่แสดงให้เห็นได้ถึงความโกรธของเขาออกมา ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้คน เจียงหวายเย่ก็ได้นั่งรถเข็นที่เข็นเข้ามาในศาลาริมสระโดยอันอี้

“เปิ่นหวางขอถวายบังคมฝ่าบาท” ด้วยหน้ากากหยกบนใบหน้าของเขา ทำให้เหลือเพียงริมฝีปากที่ซีดเซียวและคางที่หมดจด เขาได้ทำความเคารพองค์ฮ่องเต้ก่อนที่จะเริ่มไอออกมา เสียงของเจียงหวายเย่นั้นแหบแห้งมาก ราวกับนักเดินทางที่เดินทางผ่านทะเลทรายโดยไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานานมาก

ฮ่องเต้เจียงผงกหัวและมองไปที่น้องชายของเขาที่ทำให้เขารู้สึกต้องอิจฉาเสมอ “องค์ชายเย่ เจ้ามาสายไปแล้ว ข้าได้สัญญากับองค์ชายเยี่ยนไปแล้ว”

“แม่นางหลินคือผู้ที่จะมาเป็นพระชายาของเปิ่นหวาง ขอให้ท่านจงพิจารณาใหม่ด้วย” ถึงแม้ว่าเจียงหวายเย่นั้นจะดูอ่อนแอมากในเวลานี้ แต่ตัวเขาก็ยังดูหนักแน่นราวกับต้นสนต้นใหญ่

“องค์ชายเย่ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ข้าผิดต่อเจ้ามาก แต่การแต่งงานนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเช่นกัน” ฮ่องเต้ยังคงต่อรองกับเจียงหวายเย่ต่อ

เจียงหวายเย่ก็ได้ก้มหน้าลงไปเพื่อซ่อนแววตาฆ่าฟันที่ปรากฏมาในดวงตาของเขา เขานั้นไม่เคยขออะไรมากเลยในชีวิตของเขา เขานั้นยอมอดทนต่อเรื่องอื่นๆได้ แต่เขาจะไม่ยอมยกหลินซีเหยียนให้เด็ดขาด

ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของหัวใจหรือความต้องการในการรักษาตัวเขา เขาต้องการแค่นางเท่านั้น

เมื่อเห็นเจียงหวายเย่เงียบไป ฮ่องเต้เจียงจึงคิดว่าองค์ชายเย่คงจะยอมแพ้แล้ว เขาจึงได้พูดเพื่อให้องค์ชายเย่ยอมแพ้ “ถ้าองค์ชายเย่ยอมตกลง ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าเลือกสาวงามที่เจ้าชอบในศาลาริมสระแห่งนี้ไปได้เลย”

เจียงหวายเย่ก็ได้เงยหน้า ดวงตาสีดำของเขาก็เต็มไปด้วยความประชดประชัน “ฝ่าบาท ข้าเองก็เป็นถึงองค์ชายของรัฐเจียง มันสำคัญแล้วจริงๆเหรอที่จะให้เสียสละความสุขของหม่อมฉันกับชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งเพื่อสันติในระยะสั้นน่ะ?”

ฮ่องเต้เจียงก็ได้จ้องไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “จากที่องค์ชายเย่กล่าวมาก็ถูก แต่องค์ชายเย่จะให้ข้าทำเช่นไร?”

ด้วยเหตุนี้ก็เหมือนกับฮ่องเต้เจียงได้โยนปัญหามาให้เจียงหวายเย่ ซึ่งเรื่องนี้หากไม่จัดการให้ดีๆแล้วล่ะก็จะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้ และจะทำให้ผู้คนประณามได้

เจียงหวายเย่นั้นรู้ว่าฮ่องเต้คิดอะไรอยู่ เขาจึงได้กล่าวออกไป “ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทนั้นสามารถหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่นอน”

ทั้งสองฝ่าย? มันมีทางออกดีๆแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอ? ฮ่องเต้เจียงก็ได้จ้องไปที่เจียงหวายเย่อย่างดุดัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรองค์ชายเย่ได้ เขาจึงทำได้แค่หันไปหาองค์ชายเยี่ยนอย่างช่วยไม่ได้ “องค์ชายเยี่ยน ทำไมพวกเราไม่มาคุยกันดีๆเสียหน่อย?”

“ความตั้งใจของเปิ่นหวางได้ถูกตัดสินใจไปแล้ว” ท่าทีของเยี่ยนกุยอวี่ก็แข็งกร้าวเช่นกัน และเขาเองก็ไม่ยอมเปลี่ยนโดยคนอื่นแน่

ฮ่องเต้เจียงจึงรู้สึกลำบากใจกับทั้งสองฝ่ายมาก แต่เขาก็ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองนั้นไร้ความสามารถ เขาจึงได้มองไปที่องค์ชายเย่และองค์ชายเยี่ยนแล้วกล่าว “พวกเจ้าทั้งสองคนต่างก็คนที่ข้าต้องการเป็นมิตรด้วย ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากมากที่ข้าจะตัดสินใจได้ ในฐานะที่แม่นางหลินคือผู้ที่จะแต่งงานด้วยแล้ว? เจ้าจงบอกการตัดสินใจของเจ้ามาและข้าจะตัดสินให้จากความต้องการของเจ้า”

ท่ามกลางผู้คนเช่นนี้ ฮ่องเต้ได้ตัดสินใจอย่างครึ่งๆกลางๆ อย่างไร้ความรับผิดชอบ

แต่ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นวิธีการที่ดีเช่นกัน องค์ชายเยี่ยนก็ได้หันไปมององค์ชายเย่ด้วยสายตาเป็นศัตรูกัน “เปิ่นหวางหวังว่าองค์ชายเย่นั้นจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอนะ”

แล้วมุมปากขององค์ชายเย่ก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าวกับองค์ชายเยี่ยน “หม่อมฉันเองก็หวังว่าองค์ชายไม่แย่งชิงของรักของคนอื่นไปเช่นกัน”

ในเวลานี้องค์ชายของทั้งสองรัฐต่างก็ไม่มีใครยอมใคร สายตาของทั้งคู่ประสานกันราวกับมีประกายไฟแลบออกมา

แล้วในศาลาริมสระที่หลินซีเหยียนอยู่นั้น ก็ได้มีแขกไม่รับเชิญโผล่ออกมา และแขกไม่ได้รับเชิญนั้นก็ได้มองไปที่ หลินซีเหยียนและพูดอย่างโกรธา “หลินซีเหยียน นังผู้หญิงสารเลวเจ้าทำร้ายทั้งประเทศและผู้คน ตอนนี้เจ้าทำให้องค์ชายเย่ต้องทะเลาะกับองค์ชายเยี่ยนเพราะเจ้า เจ้าทำเรื่องวุ่นวายมากขนาดนี้เจ้ายังจะทำเป็นไม่สนใจได้อีกเหรอ?”