บทที่ 75 ฟังไว้ Ink Stone_Romance
น้ำใสสะอาดในแก้วน้ำตรงหน้า มองไปก็รู้สึกถึงความสงบ
“ขอบคุณมาก” นายสี่เฉินกล่าว แล้วยกขึ้นดื่มหลายอึกในคำเดียว
ดี! ดี! ดี!
ริ้วรอยทั้งหมดบนหน้าของเขาล้วนแสดงถึงความชื่นชม
สาวใช้ยิ้มเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นขยับออกไป
พ่อบ้านเฉาที่อยู่ด้านข้างเหม่อไปเล็กน้อย ทำไมมีเพียงถ้วยนี้ถ้วยเดียวเล่า แล้วข้าล่ะ
“นายท่านเฉินเป็นแขก พ่อบ้านเฉา เป็นคนกันเอง จึงละเลยไปบ้าง มิเช่นนั้น นายหญิงหว่านล้อมมิง่ายนะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวด้วยความรู้สึกผิด
บอกว่าไม่รู้จักมิใช่หรือ ครานี้ กลับกลายเป็นคนกันเองไปแล้วอย่างนั้นหรือ
พ่อบ้านเฉารู้สึกคอแห้งไปหมด เขามองไปทางฉากกั้น หญิงสาวที่ถูกกำบังโดยฉากกั้นนั้นก็มองมาทางตนเช่นกัน
เห็นเงาอยู่รำไร มองรูปลักษณ์ไม่ชัดเจน
นายสี่เฉินดื่มน้ำถ้วยนี้จนหมดในคำเดียว รู้สึกเพียงความสดชื่นไปทั่วร่าง เหมือนว่าความกังวลเหนื่อยล้าตั้งแต่ท่านพ่อป่วยมานั้นหายไปในพริบตา
“นี่คือสิ่งใด อร่อยเพียงนี้” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
“เครื่องดื่มเย็นแช่หิมะ เจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าว แล้วหันไปมองคนด้านหลังฉากกั้น “เรียกแบบนี้ใช่ไหมเจ้าคะ นายหญิง”
“ใช่” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
ชื่อแปลกประหลาดนัก นายสี่เฉินมองไปที่ถ้วย อยากจะดื่มอีกสักถ้วย แต่เห็นสายตาของพ่อบ้านเฉินที่อยู่ข้างๆ แล้ว ก็หยุดความคิดนั้นไป
คนเราต้องรู้จักพอเสียบ้าง
“พวกท่านมาหาข้าทำไมหรือ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถามจากหลังฉากกั้น
นายสี่เฉินแอบดีใจเล็กน้อย ดีเสียจริง ตนกำลังคิดอยู่ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร หญิงผู้นี้ก็ถามขึ้นก่อนแล้ว ถึงจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ก็พูดได้อย่างตรงไปตรงมา ลดความยุ่งยากไปได้
“นายหญิง ท่านพ่อข้าอยากจะขอร้องให้ท่านช่วยรักษาอาการป่วยให้” เขากล่าวอย่างเคารพนอบน้อม แล้วก้มตัวคำนับ
หลังฉากกั้นไร้ซึ่งเสียงใด
“ข้าจะกินของว่าง” เฉิงเจียวเหนียงกล่าวขึ้นอย่างกระทันหัน
นายสี่เฉินที่อยู่ห้องด้านนอกสีหน้าแข็งทื่อไป
“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบกล่าว แล้วยกหับจากตู้ข้างๆ ลงมาแล้วยกเข้าไป “นายหญิงจะกินอันไหนดีเจ้าคะ”
กล่าวพึมพำว่าอันนี้ท่านเซียนหญิงส่งมาให้เมื่อวาน อันไหนส่งมาให้เมื่อวานซืน อันนี้เกลือแดงอันนั้นตากแห้งยังมีทอดน้ำผึ้ง ท่านจะกินอันไหนเจ้าคะ
นี่มันอะไรกัน ทำไมจู่ๆ พูดเรื่องไหนกันไปแล้ว นี่กำลังพูดคุยรับรองแขกอยู่นะ
นายสี่เฉินมองไปทางพ่อบ้านเฉา สายตาบ่งบอกถึงความร้อนรน
พ่อบ้านเฉาถอนหายใจ ในเมื่อเข้ามาแล้วจะไม่พูดเลยก็มิได้ มิเช่นนั้นที่ให้การรับใช้ต่อบ้านตระกูลเฉินมานานเพียงนี้ก็เสียเปล่าเสียแล้ว
“นายหญิง นายใหญ่เฉินอาการป่วยฉุกเฉินร้ายแรง ตั้งใจเดินทางไกลเพื่อมาเชิญท่าน ขอให้นายหญิงรีบช่วยชีวิตด้วยขอรับ” เขากล่าวอย่างนอบน้อม
การพูดคุยกันของเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างในถูกขัดจังหวะ
“นายใหญ่เฉินคือใคร” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม
ขอเพียงตอบโต้อย่างปกติก็พอ นายสี่เฉินโล่งใจ
“ท่านพ่อของข้าเขียนจดหมายให้นายหญิง ไม่ทราบว่านายหญิงได้ดูหรือยัง” เขารีบถาม สายตามองไปยังสาวใช้หลังฉากกั้น
“อ้อ ข้าลืมไป” สาวใช้นึกได้แล้วตอบกลับ “นายหญิงกำลังนอนหลับ ข้าเลยเก็บเอาไว้ ข้าไปเอามาให้เจ้าค่ะ”
นางเดินออกมาจากด้านในด้วยฝีเท้าเร็วรี่ รื้อค้นบนโต๊ะเตี้ยอยู่สักพัก แล้วหยิบจดหมายออกมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง
“นี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางกล่าวอย่างดีใจ
นายสี่เฉินรีบพยักหน้าตอบรับ
“อ่านมาให้ข้าฟัง” เฉิงเจียวเหนียงกล่าวจากด้านใน
สาวใช้ขานรับแล้วเปิดออก สีหน้าตกใจเล็กน้อย บนกระดาษมีเพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ไม่กี่ตัว ตัวหนังสือหวัดและสั่น เหมือนว่าเขียนในสถานการณ์ที่รีบร้อน
“ทางสายฝน ศาลทรุดโทรม ให้ขนมถั่วแดงเหล้าเหลือง บอกว่าป่วยไม่เชื่อ คนที่เสียใจอย่างสุดซึ้งขอคำนับ”
สาวใช้อ่านออกมา
หมายความว่าอย่างไร นางไม่เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะมองดูเฉิงเจียวเหนียง
เฉิงเจียวเหนียงเอียงหน้าเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอยู่สักพัก
“ไม่รู้” นางนั่งตัวตรงแล้วกล่าว
ทั้งสามคนชะงักไป
อ้อจริงสิ นายหญิงผู้นี้เหมือนว่าจะหายบ้าแล้ว แต่ร่างกายไม่ดีนัก ความจำแย่ จำได้เพียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันเท่านั้น
พ่อบ้านเฉานึกคำที่กำชับขึ้นได้
“ยังมีสมุดเล่มนั้นอีก สิ่งนั้น ข้าก็ให้ท่านไปแล้ว แม่นางปั้นฉินบอกว่า หากนายหญิงไม่เข้าใจ” เขารีบกล่าว “ก็ให้ลองดูสิ่งนี้ ว่า…”
เขายังพูดไม่จบ เสียงร้อง ‘เอ๊ะ’ ของหญิงสองคนก็ดังมาจากในห้อง
“ข้าหรือ”
“ปั้นฉินหรือ”
ตะโกนจนพ่อบ้านเฉาตกใจ
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าชื่อปั้นฉิน” สาวใช้เอ่ยถามอย่างดีใจ ดวงตาลุกวาว
“ปั้นฉิน ปั้นฉิน” เฉิงเจียวเหนียงก็ตะโกนอยู่ข้างใน ดั่งได้ยินคำพูดน่ายินดีอะไร
เพียงแค่เสียงหญิงสาวสองคน กลับทำให้หูทั้งสองข้างของพ่อบ้านเฉานั้นอื้อไปหมด ในหัวก็วุ่นวายเล็กน้อย
“ไม่ ไม่สิ แม่นางก็ชื่อปั้นฉินหรือ” เขารีบกล่าว “บ้านข้ามีสาวใช้ผู้หนึ่ง ไม่ใช่ ไม่ใช่บ้านข้า เดิมทีเป็นของนายหญิง นายหญิงยังจำได้หรือไม่”
อะไรกัน นายสี่เฉินขมวดคิ้ว
“ท่านกำลังพูดอะไรกันเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถาม “ข้าฟังไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
พ่อบ้านเฉากลืนน้ำลายเล็กน้อย เดิมทีก็เจ็บคออยู่แล้ว ยังต้องมาพูดมากมายเพียงนี้อีก
“แม่นางเพิ่งจะมาอยู่กับนายหญิงในตอนหลังใช่หรือไม่ เดิมทีนายหญิง…” เขากล่าว
“เจ้าค่ะเจ้าค่ะ ข้ามาเมื่อสิบวันก่อน นายใหญ่ข้าให้ข้ามา สาวใช้คนก่อนของนายหญิงติดตามนายใหญ่ของข้า นายใหญ่ให้ข้ามารับใช้นายหญิงเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวอย่างกระตือรือร้น “ท่านรู้จักกับนายใหญ่ของข้าหรือไม่เจ้าคะ นายใหญ่ข้าแซ่จาง…”
ใครจะไปสนใจว่านายใหญ่เจ้าแซ่จางหรือแซ่เหอกันเล่า!
นี่นอกเรื่องไปไหนอีกแล้ว
พ่อบ้านเฉาอดไม่ได้ที่จะกระแอมเล็กน้อย ยิ่งรู้สึกว่าในหัวว้าวุ่นไปหมด
“อ้อๆ นั่นสิ ใช่ อย่างนั้น บังเอิญเสียจริง พูดถึงปั้นฉิน สาวใช้คนก่อนของนายหญิงก็ชื่อปั้นฉิน!” เขารีบพูดรับช่วงบทสนทนามา
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ สาวใช้ที่ไปกับนายใหญ่ของข้าชื่อปั้นฉิน เรื่องนี้ท่านก็รู้หรือ!” สาวใช้ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ นางกล่าวอย่างดีใจ แล้วคุกเข่านั่งลง ประหนึ่งว่าจะนั่งคุยกันยาว “ห่างกันเพียงนี้ พวกท่านกลับรู้เรื่องราวของนายหญิงได้แจ่มแจ้ง พี่ปั้นฉินคนนั้นเก่งมากเลยเจ้าค่ะ นายใหญ่ของข้า…”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่คนนั้น” พ่อบ้านเฉาร้อนรนจนนั่งเหยียดตรง รีบตัดบทสาวใช้ผู้นี้ “ไม่ใช่คนที่ไปกับนายใหญ่ของเจ้า คนที่ติดตามท่านชายหกของเราไปต่างหากเล่า”
สาวใช้สีหน้าคล้ายว่าไม่เข้าใจ
“เอ๊ะ ปั้นฉินยังเคยติดตามท่านชายหกของพวกท่านด้วยหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถาม “ข้าไม่เคยได้ยินนางพูดถึงนี่เจ้าคะ”
พ่อบ้านเฉาเจ็บคอดั่งควันลุกโขมง
“ไม่ใช่ปั้นฉินนั้นกระมัง” เขาเอ่ยถาม และเริ่มสับสนเล็กน้อยแล้ว
มีปั้นฉินกี่คนกันแน่ ทำไมชื่อปั้นฉินกันหมด
ตอนมา ท่านชายฉินเตือนเอาไว้ว่าหลังจากปั้นฉินจากไป สาวใช้ที่เพิ่มมาให้ทางนี้คนใหม่ก็ชื่อปั้นฉินเช่นกัน อย่างนั้นปั้นฉินคนนี้ไม่ใช่ปั้นฉินคนนั้นอย่างนั้นหรือ หรือว่าจะมีปั้นฉินโผล่มาอีกคน
ทำอะไรกันนี่
“อย่างนั้นเป็นปั้นฉินไหนกัน ท่านบอกว่าปั้นฉินคนก่อนมิใช่หรือเจ้าคะ” สาวใช้จ้องตาเขม็งแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความตกใจเช่นกัน “ท่านนี่ทำไมพูดอะไรไม่ชัดเจนล่ะเจ้าคะ”
พ่อบ้านเฉาน้ำตาจะไหล เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมากุมคอไว้
“แม่นาง เจ้า ให้น้ำข้าดื่มสักแก้วก่อนได้หรือไม่” ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า
สาวใช้ร้อง ‘อ้อ’
“ท่านอยากดื่มน้ำหรือ ทำไมไม่บอกแต่แรกกันเจ้าคะ” นางยิ้มกล่าว แล้วบ่นเล็กน้อย “ท่านเป็นคนบ้านฝั่งท่านแม่ของนายหญิง เป็นคนกันเอง มาที่นี่ก็เหมือนมาที่บ้าน อย่าเกร็งไปเลยเจ้าค่ะ อยากได้อะไรก็บอกตรงๆ เกรงใจอะไรกันเล่าเจ้าคะ”
ขอรับ ขอรับ ข้าไม่เกร็ง ไม่เกรงใจ รบกวนเจ้าเอาน้ำให้ข้าสักแก้วเร็วเข้าเถิด ข้าจะตายแล้ว
พ่อบ้านเฉาเอามือกุมคอไว้แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
นายสี่เฉินที่อยู่ด้านข้างมองดูแล้วก็รู้สึกตนเจ็บคอไปด้วย
น่าสังเวชเสียจริง ดีที่ตนเป็นแขก ดีที่นายเด็กกับบ่าวซื่อยังรู้จักหลักการรับรองแขกอยู่บ้าน มิเช่นนั้น…
……………………………………………..