บทที่ 74 ทนไว้ Ink Stone_Romance

ยังดีที่ครั้งนี้ เป็นจริงดั่งพ่อบ้านเฉาว่า พวกเขาถูกเชิญให้เข้าไปข้างในแล้ว แต่บังเอิญว่า เฉิงเจียวเหนียงนอนหลับไปแล้ว

“นายหญิงร่างกายไม่แข็งแรงนัก ต้องนอนเยอะ ทั้งสองท่านโปรดเห็นใจนะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าว

นายสี่เฉินถึงแม้ไม่ค่อยรู้เรื่องของเฉิงเจียวเหนียงมากนัก แต่ตลอดทางมาได้ยินคำที่ว่าร่างกายไม่แข็งแรงเจ็บป่วยแต่เล็กมาหลายครั้ง

พ่อบ้านเฉาพูดคลุมเครือ แน่นอนว่าเขาต้องสงสัยอยู่ในใจ จึงให้บ่าวไปสืบว่าเป็นโรคอะไร คำตอบทำเขาตกใจใหญ่

บุตรสาวตระกูลเฉิงผู้นี้สติไม่สมประกอบแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ!

คนบ้าคนหนึ่งจะรักษาโรคได้อย่างไร! ล้อเล่นอะไรกัน!

แต่ก็จำเป็นต้องเชื่อคำพูดของนายท่าน

จากที่คนบ้านตระกูลโจวเคยแอบบอกไว้ว่าเด็กสติไม่สมประกอบนี้เหมือนว่าจะหายแล้ว ไม่บ้าแล้ว

แต่คนบ้าโดยกำเนิดจะหายได้หรือ หรือว่าในนี้มีอะไรที่ถูกปิดบังซ่อนไว้อยู่

คนคนหนึ่งจะบ้าหรือไม่บ้า เด็กอายุน้อยอาจจะแยกแยะไม่ออก แต่นายท่านจะมองผิดได้อย่างไร

เมื่อนึกถึงว่าบุตรสาวผู้นี้อาศัยอยู่ในวัดเต๋าเพียงลำพังอีก คิดว่าบ้านตระกูลเฉิงน่าจะมีเรื่องปิดบังเป็นแน่

พ่อบ้านเฉาบอกว่าไม่ให้ตนไปพบกับญาติผู้ใหญ่ตระกูลเฉิง เพราะเหตุนี้หรือ

นายสี่เฉินเหมือนว่าคิดอะไรอยู่

“วัดเต๋าอัตคัดนัก ไม่มีน้ำชารับรองแขก ทั้งสองท่านโปรดเห็นใจนะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวอีก

พ่อบ้านเฉาและนายสี่เฉินรีบบอกว่าไม่ต้องเกรงใจไม่ต้องยุ่งยากไป

สาวใช้ผู้นั้นก็ไม่เกรงใจจริงๆ ขนาดน้ำแก้วหนึ่งก็ไม่ยกมาให้ก็ไปเสียแล้ว

ทั้งสองคนรีบเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน หิวก็กินอาหารบนม้า เร่งเดินทางมาทั้งวันไม่มีแม้กระทั่งเวลาที่จะดื่มน้ำ ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าคนที่จะขอให้ช่วยแล้ว แม้จะยังไม่พบ แต่ก็ถือว่าหายกังวลใจไปบ้าง ความรู้สึกหิวกระหายนั้นจึงได้ทะลักขึ้นมา

พ่อบ้านเฉานั่งไม่ติด จึงลุกขึ้นมา

ที่นี่มีลูกสาวของบ้านตระกูลเฉิง หลานสาวของบ้านตระกูลโจวอยู่ ก็ถือว่าเป็นบ้านของตน ไม่ต้องระวังตัวมากเกินไป

เขาเดินดูรอบห้อง กลับไม่เห็นแม้แต่กาน้ำแก้วน้ำ เมื่อเปิดประตูกระดาษออก ในเรือนเงียบสงัดไร้ผู้คน

พ่อบ้านเฉาทำได้เพียงกลืนน้ำลายแล้วถอยกลับมา

“นายสี่ ท่านยังมีน้ำไหมขอรับ” เขาถามนายสี่เฉิน

“ทนไว้เถิด” นายสี่เฉินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ เขาโตมาจนป่านนี้ เคยต้องลำบากเช่นนี้ที่ไหนกัน!

ป่วยหนักแล้วหาหมอไปเรื่อยเสียจริง หากไม่ใช่ไร้สิ้นหนทาง จะวิ่งเร่มาหานายหญิงตระกูลเฉิงที่แปลกพิลึกคนนี้อย่างไม่คิดได้อย่างไร

วังไท่ผิงทางนี้ดั่งมดบนหม้อร้อน ทางแม่นางเฉิงหกบ้านตระกูลเฉิงนั้นดั่งแมวที่ถูกเหยียบหาง

“วัดเสวียนเมี่ยวนั่นกล้าบอกว่าไม่มีหรือ” นางตะโกน

“ใช่เจ้าค่ะ นายหญิง” สาวใช้พยักหน้า เกรงว่าอารมณ์โกรธนี้จะมาลงที่ตน “ที่น่าชังที่สุดนะเจ้าคะ นางพูดว่าไม่มีเสร็จแล้ว ก็ให้จินเกอร์ไปห่อใหญ่เลยเจ้าค่ะ”

แม่นางเฉิงหกอึ้งไปสักครู่

“นั่นคือใคร” นางเอ่ยถาม

“เป็นบ่าวที่เจ้าอาวาสซุนให้ไปรับใช้แม่นางเจียวเหนียง” แม่นางเฉิงสี่กล่าว

ไม่เหมือนกับลูกสาวบ้านใหญ่ นางในฐานะลูกสาวบ้านรองนั้นชอบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านยิ่งนัก จึงได้รู้เรื่องแปลกใหม่เช่นนี้ได้

“…เจ้าอาวาสซุนบอกว่าสาวใช้สองคนที่อารองส่งไปดวงชะตาไม่ดีนัก ไม่เหมาะกับการฟื้นฟูอาการป่วยของแม่นางเจียวเหนียง บ่นจู้จี้ส่งกลับมาจนได้ เดิมทีอารองจะเลือกอีกสองคนให้ พอดีว่านายท่านจางมอบสาวใช้คืนให้หนึ่งคน เจ้าอาวาสซุนเห็นแล้วก็ดีใจ บอกว่าคนนี้ดี จึงพากลับไป อารองเดิมทีก็ไม่ยอม แต่สาวใช้คนนั้นบอกว่าจะไป ยังบอกว่าเป็นความตั้งใจของนายท่านจางอีก อารองจึงให้นางไป เจ้าอาวาสซุนนั่นยังไม่พอใจ บอกอีกว่า จะเอาบ่าวอีกคนไว้ใช้ไปนู่นไปนี่ เผื่อว่ามีเรื่องอะไร พวกนางล้วนเป็นหญิง เดินทางหาคนงานพวกนี้ไม่สะดวกนัก…พวกเจ้าจำชุนหลานได้ใช่ไหม คนนั้นที่…”

“ข้าจำได้ ข้าจำได้” ในที่สุดแม่นางเฉิงเจ็ดก็มีโอกาสพูดแทรก รีบนั่งเหยียดตรงตะโกนออกมา “คนที่ช่วยเก็บวิญญาณพี่ชายสี่คนนั้น”

“ไม่ใช่เก็บวิญญาณ เป็นวิธีรักษาโรคนอกตำรา” แม่นางเฉิงหกแก้ให้

“พี่ชายสี่ไม่ได้ถูกผีสาวล่อวิญญาณ แล้วชุนหลานหลงใหลพี่ชายสี่เลยเก็บ…” แม่นางเฉิงเจ็ดกล่าว

ยังไม่ทันพูดจบ ถูกแม่นางเฉิงหกแม่นางสี่แม่นางห้ายื่นมือมาปิดปากไว้พร้อมกัน

“อยู่ไหนกัน” แม่นางเฉิงหกเลิกคิ้วตะคอก มองดูข้างนอก “ใครเป็นคนอบรมแม่นางเจ็ด”

แม่นมสาวใช้ของแม่นางเฉิงเจ็ดที่อยู่ข้างนอกรีบเข้ามาคุกเข่าโขกหัวด้วยความหวาดกลัว

“ตบปาก!” แม่นางเฉิงหกตะคอก

แม่นมสาวใช้ต่างก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองในทันที

แม่นางเฉิงเจ็ดตกใจตาโต

“แม่นางหก เจ้าตีพวกนางทำไม” นางเอ่ยถาม

“เจ้าได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ นี่เป็นความผิดของพวกบ่าวรับใช้” แม่นางเฉิงหกกล่าวด้วยหน้าตาเคร่งขรึม แล้วมองไปทางแม่นางเฉิงสี่และแม่นางเฉิงห้า “พวกเราหญิงสาวผู้ดี สิ่งที่ไม่สมควรนั้นห้ามฟัง สิ่งที่ไม่สมควรนั้นห้ามดู ต้องจำไว้ อย่าทำตนลดต่ำอีก”

แม่นางเฉิงสี่และแม่นางเฉิงห้าทำหน้าเหยเกเล็กน้อยแล้วขานรับ

บรรยากาศค่อยข้างอึดอัดเล็กน้อย

แม่นางเฉิงหกให้แม่นมและสาวใช้ออกไป

“เมื่อครู่พูดถึงไหนแล้ว ทำไมอยู่ดีๆ เป็นเช่นนี้ไปได้” นางยิ้มเอ่ยถามอีก

“พูดถึงเจียวเหนียงบ้านั่นแล้ว” แม่นางเฉิงเจ็ดกล่าวแล้วทำหน้ามุ่ย “เรื่องวุ่นวายใจเรื่องไหนก็ต้องมีนาง”

เกี่ยวข้องกับนางอีกแล้วหรือ ในห้องนั้นต่างก็คิดดูอีกที ไม่ได้เกี่ยวกับนางทั้งหมดนี่! ให้สาวใช้ เอาสาวใช้ เอาบ่าว เอาขนมของบ่าว…

“เจ้าบอกว่าวัดเสวียนเมี่ยวนั่นไม่ยอมให้ขนมข้า แต่กลับให้คนบ้านั่นหรือ” แม่นางเฉิงหกเลิกคิ้วเอ่ยถาม

เหมือนจะใช่…

เพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ได้ขนมกลับมา และบ่าวคนนั้นก็เป็นของเจียวเหนียง

“เจ้าค่ะ” สาวใช้ขานรับ

“ข้าจะไปหาท่านแม่! หยุดให้เงินบริจาคกับวัดเสวียนเมี่ยวนั่น!” แม่นางเฉิงหกลุกขึ้นยืน ยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไป

แม่นางเฉิงเจ็ดนั่งอยู่ข้างหลังสักพัก เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างจึงลุกขึ้นเช่นกัน

“ท่านป้าให้ของกินดีๆ กับคนบ้านั่นอีกแล้ว! ไม่ให้พวกเรากิน!” นางตะโกน “ข้าจะไปฟ้องท่านยาย!”

ในเรือนบ้านตระกูลเฉิง เหล่าบุตรสาวโหวกเหวกโวยวายแยกย้ายกันไป บนเขาเสวียนเมี่ยว เฉิงเจียวเหนียงได้ตื่นขึ้นแล้ว

พ่อบ้านเฉาและนายสี่เฉินก็ได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องในที่สุด ได้พบกับบุตรสาวบ้านตระกูลเฉิงผ่านฉากกั้น

หลังฉากกั้นนั้นจะเห็นสาวน้อยผู้หนึ่งนั่งอยู่ รูปลักษณ์เลือนลางมองไม่ชัดเจน

“นายหญิง ใช้บ๊วยดำ แอปเปิ้ล ชะเอมนี้จินเกอร์ไปร้านยาซื้อชะเอมเทศแกะเปลือกตามคำสั่ง ผัดกับถั่วขาวแปะเปียงเต่าสองชั่ง แล้วต้มออกมาเป็นเครื่องดื่มนี้ นายหญิงลองชิมสิเจ้าคะว่ารสชาติดีไหม” สาวใช้ยกน้ำถ้วยหนึ่งเดินผ่านพวกเขาไป เข้าไปหลังฉากกั้น แล้วบอกอย่างละเอียด

แค่ฟังส่วนผสมพวกนี้ พ่อบ้านเฉาและนายสี่เฉินก็เปรี้ยวปาก คอแห้งดั่งไฟลน

รสชาติจะต้องดี ต้องแก้กระหายแก้ร้อนในเป็นแน่

เสียงช้อนกระทบถ้วยลอยมาจากด้านใน มองผ่านฉากกั้นเห็นหญิงสาวผู้นั้นกินสองสามคำ

พ่อบ้านเฉาและนายสี่เฉินเป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่าคนเราสามารถกินอาหารได้น่าดูเพียงนี้ พวกเขาไม่กล้าละสายตาไป ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งยิ่งขึ้น

น่าจะต้องยกน้ำชาให้แขกแล้วสิ ไม่มีชา น้ำสักถ้วยก็ยังดี…

นายหญิงและสาวใช้หลังฉากกั้นคนหนึ่งดื่มน้ำคนหนึ่งรับใช้อย่างระมัดระวัง กลับไม่มีใครนึกถึงเรื่องนี้

ถึงได้บอกว่า ในบ้านไม่มีผู้ใหญ่ไม่ได้! ไม่มีกฎระเบียบ!

“อ้อ จริงสินายหญิง มีแขกมาเจ้าค่ะ ให้แขกชิมหน่อยแล้วกันนะเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถามขึ้นกระทันหัน

ทั้งสองในห้องด้านนอกโล่งใจ

“ไม่ได้” เสียงของเฉิงเจียวเหนียงลอยมา “ข้าจะกิน”

พ่อบ้านเฉาและนายสี่เฉินอารมณ์เสียในทันใด หญิงผู้นี้เหตุใดจึงไร้มารยาทเช่นนี้!

“นายหญิงเจ้าคะ” เสียงของสาวใช้อ่อนโยนนัก คล้ายว่ากำลังหว่านล้อมเด็กน้อยอยู่ “เป็นแขกนะเจ้าคะ ต้องแบ่งให้หน่อยเจ้าค่ะ เป็นหลักของการรับรองแขกนะเจ้าคะ”

เป็นคนบ้า…จริงๆ หรือ

ทั้งสองอึ้งงันอยู่ข้างนอก

“อย่างนั้น แบ่งให้แขกเถิด” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว น้ำเสียงแข็งทื่อ ไม่มีความไพเราะของสาวแรกรุ่นโดยสิ้นเชิง ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ

ไม่ว่าอย่างไร ดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อนแล้วค่อยว่ากัน

พ่อบ้านเฉาและนายสี่เฉินโล่งใจ

สาวใช้ผู้นั้นออกมาในไม่ช้า แต่กลับยกเพียงถ้วยเดียวมาวางตรงหน้านายสี่เฉิน

“เชิญเจ้าค่ะ” นางกล่าว “ท่านลองชิมดู นี่เป็นเครื่องดื่มที่พวกข้าทำเองเลยนะเจ้าคะ มีเพียงหนึ่งเดียวดั่งอึแมงป่องเลยเจ้าค่ะ”

ใบหน้าอันยิ้มแย้มของนายสี่เฉินกับพ่อบ้านเฉาสีหน้าเริ่มบิดเบี้ยว

สาวใช้นี่พูดอะไรกัน!

แล้วอึนี้จะกินหรือไม่กินดี!

……………………………………………………..