ตอนที่ 81 เป็นความจริงเหรอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

มีชั่ววูบหนึ่ง ที่ฉินอวี่คิดว่าตัวเองฟังผิดไป

 

 

เธอเลิกคิ้ว เสียงก็เผลอดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “คนตระกูลเฟิง…นายไปเอาข่าวมาจากไหน”

 

 

ฉินอวี่ต้องรู้จักตระกูลเฟิงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นเฉิงอยู่แล้ว เพียงแค่คนในชนชั้นเธอ ไม่เคยเจอผู้นำตระกูลเฟิงมาก่อน คนเดียวที่เคยพูดคุยด้วยคือคุณหญิงเฟิง แม้เฟิงฉือจะเป็นเพื่อนของหลินจิ่นเซวียน ทว่าแม้แต่ตัวฉินอวี่เองก็เคยคุยกับเขาแค่ไม่กี่ประโยค

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฟิงโหลวเฉิง ฉินอวี่เคยเห็นแค่ในโทรทัศน์เท่านั้น

 

 

อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่ตระกูลหลินก็ไม่สามารถคบค้ากับตระกูลเฟิงได้

 

 

“ข่าววงใน เรื่องนี้เธอต้องเก็บเป็นความลับ อย่าพูดออกไปละ” ชายหนุ่มพูดอย่างหวาดระแวง “คุณครูบอกฉันด้วยกับปากเลย”

 

 

ฉินอวี่เม้มปาก หลุบตาต่ำลง นานกว่าเธอจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้ม “นายรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือเปล่า”

 

 

เธอไม่เคยได้ยินฉินหร่านหรือเฉินซูหลานพูดเลยว่าพวกเธอรู้จักเฟิงโหลวเฉิง ฉินอวี่ไม่ค่อยอยากเชื่อ ถ้าฉินหร่านรู้จักเฟิงโหลวเฉิงจริง จะไม่บอกพวกหนิงฉิงเชียวเหรอ

 

 

จะไม่บอกคนอื่นเลยเหรอ

 

 

“เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ” ชายหนุ่มส่ายหน้า จากนั้นเม้มปากทำท่าครุ่นคิดน้อยๆ “ยังไงซะก็คงไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรอก จริงไหม”

 

 

ฉินอวี่ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

 

จากนั้น ฉินอวี่ก็เอาผมทัดหู ยิ้มบางๆ “ก็จริงละมั้ง”

 

 

เรื่องนี้เป็นข่าวดัง แต่เป็นที่พูดถึงน้อย

 

 

อันที่จริงแล้ว ตอนที่รูปเพิ่งถูกปล่อยออกมา มีคนไม่น้อยพากันปลุกปั่น แต่ภายหลังก็มีคนไม่น้อยโพสต์ปกป้องฉินหร่านในเว็บบอร์ดโรงเรียน

 

 

ที่จริงโพสต์ในเว็บบอร์ดโรงเรียนก็ไม่มีประโยชน์มากนัก ทว่าตอนนี้แม้แต่โพสต์ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ก็ถูกลบไปแล้ว

 

 

ตอนนี้ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอินเทอร์เน็ตคงจะเป็นเวยป๋อ

 

 

ฉินอวี่คิดอะไรบางอย่าง มือของเธอกดดูรูปโปรไฟล์ของอู๋เหยียนอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

 

 

เลิกเรียนคาบสุดท้ายของเย็นวันจันทร์แล้ว ฉินหร่านนั่งเก็บหนังสืออย่างเชื่องช้าอยู่บนที่นั่ง

 

 

หลังหลินซือหรานมาถามเธอ ก็เก็บของเสร็จสรรพออกไปโรงอาหารแล้ว

 

 

ฉินหร่านชักช้าเสมอมา คนในห้องเรียนเดินแยกย้ายกันไปตั้งนานแล้ว

 

 

“ฉินหร่าน มีคนรอเธอตรงใต้ตึก!” มีชายคนหนึ่งตะโกนบอกฉินหร่านอยู่นอกประตู

 

 

ฉินหร่านไม่ได้นั่งตัวตรงขนาดนั้น แลดูเกียจคร้านอยู่บ้าง ลักษณะท่าทางเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ตลอดเวลา ผมสั้นนุ่มสลวยปล่อยระต้นคอ ให้ความรู้สึกเย็นสบายอยู่เสมอ

 

 

ชายหนุ่มเห็นฉินหร่านพยักหน้า ในหัวก็มีแต่รอยยิ้มมุมปากอันไม่ยี่หระของอีกฝ่าย

 

 

คนที่รออยู่ใต้ตึกคือมู่หนาน

 

 

“เรื่องในเว็บบอร์ดโรงเรียนไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” มู่หนานสวมเชิ้ตลายสก็อตสีดำแดง ใบหน้าที่เย็นชาในตอนแรกจางหายไปไม่น้อย ปกติเขาเงียบขรึมพูดน้อย ชวนให้คนอื่นรู้สึกไม่กล้าเข้าไปพูดคุยด้วย

 

 

เสื้อผ้าโทนสีอบอุ่นทำให้เขามีความสมดุลอย่างหนึ่งได้พอดี

 

 

ฉินหร่านแปลกใจที่มู่หนานมาหาเธอวันนี้ เธอยิ้ม มือซ้ายถือมือถือไว้ “ไม่เป็นไรแล้ว”

 

 

มู่หนานพยักหน้า มือที่ล้วงกระเป๋าคลายออก

 

 

มู่หนานถูกเลือกให้เป็นเดือนโรงเรียนตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมปีสี่ พอมีชื่อเสียงในโรงเรียนอยู่บ้าน เขาค่อนข้างเย็นชา ทว่าไม่ใช่โอหังอวดดีอย่างสวีเหยากวง แต่เป็นความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากข้างใน

 

 

มู่หยิงกวักมือให้มู่หนานอยู่ไม่ไกล

 

 

“พี่” มู่หยิงรู้เรื่องโพสต์ในเว็บบอร์ดแล้ว ไม่คิดว่าวันจันทร์พอมาโรงเรียน เรื่องจะเงียบไปแล้ว เธอเผลอมองฉินหร่านมากกว่าหนึ่งครั้ง

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า

 

 

เธอจะไปห้องพยาบาล มู่หนานกับมู่หยิงจะกลับบ้าน ทั้งสองห้องแยกกันตรงปากทาง

 

 

“เว่ยจื่อหัง?” มู่หยิงรู้สึกคุ้นหู ปกติเคยได้ยินนักเรียนหญิงคนอื่นในห้องพูดถึง ได้ยินว่าเป็นขาโจ๋ประจำโรงเรียนที่แหย็มไม่ได้เด็ดขาด

 

 

มู่หยิงยืนอยู่ข้างหลังมู่หนานกับหลี่อวี้หัน ทนไม่ไหวแอบมองเว่ยจื่อหังไปหลายที

 

 

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

 

ณ โรงแรมเอินอวี่ ฉินอวี่ลงจากรถ หนิงฉิงยืนรอเธอตรงหน้าโรงแรม

 

 

“มาพอดีเลย” เมื่อเห็นฉินอวี่ มุมปากของหนิงฉิงจะมีรอยยิ้มทุกครั้ง “คุณหญิงเฟิงรออยู่บนตึกแล้ว อยู่กับคุณหญิงดีๆ ละ”

 

 

เรื่องแบบนี้ไม่ต้องรอให้หนิงฉิงพูด ฉินอวี่ก็รู้ดี เธอพยักหน้า เดินตามหนิงฉิงขึ้นไปตลอดทาง

 

 

วันนี้เฟิงฉินไม่มา ตอนแรกจะมา แต่ได้ยินว่ามีธุระกะทันหัน

 

 

แต่หลินจิ่นเซวียนอยู่

 

 

“ได้ยินว่าอวี่เอ่อร์จะไปฝากตัวกับอาจารย์ชื่อดังในเมืองแล้วเหรอ” คุณหญิงเฟิงมองฉินอวี่ยิ้มๆ

 

 

ฉินอวี่เม้มปากน้อยๆ “ค่ะ ช่วงนี้กำลังฝึกเพลงไหว้ครูอยู่”

 

 

หนิงฉิงให้คนไปหยิบไวโอลินของฉินอวี่มา เห็นว่าคุณหญิงชอบ เลยให้ฉินอวี่บรรเลงสดๆ สักท่อน

 

 

ฉินอวี่ก็ไม่ปฏิเสธ บทเพลงที่เธอเรียบเรียงใหม่คุ้นเคยจนบรรเลงได้แล้ว

 

 

นอกจากท่วงทำนองที่แตกต่างไปไม่น้อย แต่ความคล่องแคล่วกับความรู้ขั้นพื้นฐานไม่มีข้อผิดพลาดอะไรแล้ว

 

 

คุณหญิงเฟิงดูฉินอวี่บรรเลงจนจบท่อน น่าแปลกที่ดูใจลอยนิดหน่อย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

“เป็นอะไรไปคะ” เห็นฮูหยินเป็นแบบนี้ ใจของฉินอวี่ก็กระตุกไปทีหนึ่ง

 

 

คุณหญิงเฟิงตื่นจากภวังค์ เธอจิบชาคำหนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร เธอบรรเลงได้ดีจริงๆ ไปทัวร์คอนเสิร์ตได้แล้ว”

 

 

เพียงแต่ว่า…คุณหญิงเฟิงรู้สึกว่าสไตล์มันคุ้นหูนิดหน่อย เธอน่าจะเคยได้ยินมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน

 

 

ได้แต่คิดก็เท่านั้น

 

 

ฉินอวี่ไม่ได้ถูกคนชมแค่คนสองคนแล้ว ความมั่นใจแค่นี้เธอก็ยังพอมีอยู่บ้าง จึงเม้มปาก “จริงสิ คุณแม่ มีเรื่องเกี่ยวกับพี่ไม่รู้ว่า…”

 

 

หนิงฉิงย่นคิ้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฉินอวี่จะพูดอะไร จึงรีบส่งสัญญาณทางสายตาไม่ให้ฉินอวี่พูดต่อหน้าคุณหญิงเฟิง

 

 

ฉินอวี่เม้มปาก มองคุณหญิงเฟิง ท่าทางดูลังเล…

 

 

“เธอว่ามาเถอะ” คุณหญิงเฟิงดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเช็ดมือ

 

 

ดูเหมือนฉินอวี่จะปริปากได้ยาก สุดท้ายก็ลังเลใจ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “คือว่า ได้ยินว่าพี่สาวของหนูรู้จักกับผู้นำตระกูลเฟิง เป็นความจริงหรือเปล่า”