ตอนที่ 80 คนคนนั้นคือเฟิงโหลวเฉิง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ครูผู้หญิงได้รับรายงานความผิดกะทันหัน ถึงได้รีบมาที่โรงเรียน

 

 

ท่าทางถือทิฐิของฉินหร่าน ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย จึงโพล่งออกมาทันทีว่า “เฟิงโหลวเฉิงคือใคร ตอนนี้เธอติดต่อเขาได้ไหม ทำไมเธอต้องไปเจอตอนมืดๆ ค่ำๆ…”

 

 

ครูผู้หญิงยังไม่ทันพูดจบประโยค หัวหน้าฝ่ายวิชาการก็ลุกขึ้นมา “เฟิงโหลวเฉิงที่เธอพูดคือคนเดียวกับที่ฉันคิดเหรอ”

 

 

“ไม่งั้นจะเป็นใครได้ละ” ฉินหร่านพยักหน้า น้ำเสียงราบเรียบ แต่มีมารยาทมาก

 

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” หัวหน้าฝ่ายวิชาการมองฉินหร่านอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไป “เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง เธอกลับห้องเรียนเถอะ”

 

 

“หัวหน้าฝ่าย คุณปล่อยให้เธอไปแบบนี้ได้ยังไง” ครูผู้หญิงไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าเหิมเกริมต่อหน้าหัวหน้าฝ่ายวิชาการ

 

 

เพียงแต่ว่าน้ำเสียงไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการมองภาพด้านหลังของฉินหร่าน ท่าทางครุ่นคิด พลางฟังคำพูดของครูผู้หญิง เขาหรี่ตามอง น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “ถ้าไม่ให้เธอไป คุณเตรียมจะทำยังไงกับเธอ”

 

 

“แน่นอนว่าต้องเรียกผู้ปกครอง ประกาศแจ้งความผิด!” ครูผู้หญิงขมวดคิ้ว “มันกระทบต่อความนิยมของเราไม่ใช่เหรอ”

 

 

“ประกาศแจ้งความผิดงั้นเหรอ” หัวหน้าฝ่ายวิชาการคล้ายๆ ว่าจะยิ้ม จากนั้นก็พยักหน้า “รวมถึงเฟิงโหลวเฉิงด้วยเหรอ”

 

 

“คนอย่างเขาต้องเป็นขยะสังคมเหมือนกันแน่นอน” เมื่อครูผู้หญิงนึกถึงคำวิจารณ์ในโพสต์นั่น ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ทำไมจะวิจารณ์ไม่ได้”

 

 

“ได้สิ” หัวหน้าฝ่ายวิชาการจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง ยิ้มน้อยๆ “คุณไปประกาศสิ คุณไปโพสต์ประกาศเจ้าบ้านแห่งตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองในฟอรัมของโรงเรียนเราสิ วิจารณ์อย่างเปิดเผย คุณสุดยอดไปเลย ใช้ได้นี่นา”

 

 

พูดจบ หัวหน้าฝ่ายวิชาการก็ไม่สนใจเธออีก

 

 

เบี่ยงตัวไปพูดกับครูผู้ชายอีกคนหนึ่งว่า “คุณไปจัดการเรื่องนี้ รูปเพิ่งถูกปล่อยออกมา เรื่องยังส่งผลกระทบไม่มาก ฉินหร่านอายุยังน้อย อย่าให้ได้รับผลกระทบเลย ลบโพสต์ออกไปให้หมด”

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการอายุปูนนี้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนโลกแคบแบบนั้น ตั้งแต่ท่าทางสง่าผ่าเผยของฉินหร่านในตอนแรก เขาก็คิดอยู่แล้วว่าไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่ออีกฝ่ายคือเฟิงโหลวเฉิง เรื่องนี้ฉินหร่านไม่มีทางล้อเล่นส่งเดชเด็ดขาด

 

 

ครูผู้ชายตกปากรับคำ รีบล้วงมือถือออกมาติดต่อคนอื่นๆ

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการพยักหน้าแล้วออกจากห้องพักครูทันที

 

 

ครูผู้หญิงนิ่งอยู่กับที่ มองครูผู้ชายด้วยความงุนงง “เมื่อกี้หัวหน้าฝ่ายพูดว่าตระกูลเฟิงอะไรนะ”

 

 

“คุณลองค้นหาในเว็บดู ไม่ก็เปิดข่าวท้องถิ่นดูตอนกลางคืน อาจจะได้ยินหรือเห็นเขาก็ได้” ครูผู้ชายคุยโทรศัพท์เสร็จก็ส่งยิ้มให้เธอ “ตระกูลเฟิงคุณน่าจะเคยได้ยินนะ ชื่อของผู้นำตระกูลเฟิงน่าจะเจอง่ายมาก”

 

 

ครูผู้หญิงอ้าปากค้าง

 

 

ชื่อเฟิงโหลวเฉิงนี่ มีชื่อเสียงโด่งดังในชนชั้นที่สูงที่สุดของเมืองอวิ๋นเฉิง

 

 

แต่พลเมืองตัวเล็กๆ อย่างเธอ นับนั่งนิ้วให้เวลาผ่านพ้นไปทุกวี่ทุกวัน มีเวลาติดตามเหตุการณ์ของเมืองอวิ๋นเฉิงหรือสนใจผู้มีอิทธิพลพวกนั้นที่ไหนกัน

 

 

จะมีเวลาสนใจว่าผู้นำตระกูลที่กุมอำนาจของวงศ์ตระกูลประจำเมืองเป็นใคร ชื่ออะไรได้อย่างไร

 

 

โดยเฉพาะตระกูลเฟิงที่มีชนชั้นห่างไกลจากสังคมของพวกเขาเหลือเกิน ปกติเธอไม่มีทางได้คลุกคลี ย่อมไม่คิดจะสนใจเรื่องพวกนี้เป็นธรรมดา

 

 

ยิ่งไม่รู้เลยว่าชื่อของผู้นำตระกูลเฟิงคือเฟิงโหลวเฉิง

 

 

เมื่อกี้เธอจะทำอะไรนะ จะประกาศแจ้งความผิดของเฟิงโหลวเฉิงพร้อมฉินหร่านงั้นเหรอ

 

 

ครูผู้ชายยังคุยอะไรบางอย่างกับกลุ่มคนที่ดูแลเว็บอยู่ แต่ครูผู้หญิงไม่มีอารมณ์ไปฟังแล้ว เธอนั่งลงบนเก้าอี้ รู้สึกเย็นสันหลังขึ้นมาทันที

 

 

 

 

ตกเย็น ฉินหร่านไปทำแผลที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน

 

 

สองสามวันนี้ชีเฉิงจวินพักอยู่ในห้องพยาบาลโรงเรียนมาตลอด ท่าทางเฉิงเจวี้ยนก็ดูยุ่งไม่เบา

 

 

พอฉินหร่านทำแผลเสร็จแล้ว พวกเขากำลังกระซิบปรึกษาอะไรกันอยู่ เฉิงมู่จงใจกดเสียงให้เบา เพื่อไม่ให้คนได้ยิน

 

 

ฉินหร่านนั่งอยู่ตรงมุม หยิบโน๊ตบุ๊คที่พวกเขาไม่ใช้กำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

 

 

“ฉินเสี่ยวหร่าน ดื่มน้ำไหม” ลู่จ้าวอิ่งยืนพิงโต๊ะชูแก้วขึ้นถามเธอ

 

 

ฉินหร่านหรี่ตาลงแล้วส่ายหน้า “ไม่ล่ะ”

 

 

“เธอกำลังทำอะไรอยู่” ลู่จ้าวอิ่งถือแก้วน้ำเดินมาด้วยความสงสัยนิดหน่อย

 

 

ฉินหร่านกัดอมยิ้มในปาก มองไอดีที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอในที่สุด

 

 

จากนั้นคลิกอีกที ภาพหน้าจอก็กลายเป็นเว็บเกม เธอยิ้มบางๆ “เล่นเกมน่ะ”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งยิ้ม “เธอก็เล่นเกมท่องยุทธภพเหมือนกันเหรอ ดูการแข่งขันหรือเปล่า”

 

 

ฉินหร่านกัดอมยิ้ม พยักหน้าอย่างส่งๆ

 

 

“งั้นเธอต้องรู้จักหยางเฟย เทพพระอาทิตย์ คนที่ร้องเพลงประกอบเพลงแน่ๆ เขาสุดยอดมาก” ลู่จ้าวอิ่งยิ้ม “เขาเพิ่งได้รางวัลชนะเลิศไปนี่เอง เดือนหน้าจะมีการแข่งรอบตัดเชือกในเมืองอวิ๋นเฉิง คนทั่วไปจ่ายเงินก็ซื้อบัตรไม่ได้ ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งรู้จักพวกเขา ถึงตอนนั้นจะพาเธอไปหาเขา”

 

 

เขาทำท่าบอกเป็นนัยๆ ว่ารีบขอบคุณฉันซะสิ

 

 

ฉินหร่านเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วเงียบไปพักหนึ่ง “…อืม”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งลูบคาง ครุ่นคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนแฟนคลับคนอื่นของหยางเฟยที่เขารู้จักเลย

 

 

เกมท่องยุทธภพแพร่หลายไปทั่วโลก หยางเฟยเป็นผู้เข้าแข่งขันคนแรกของประเทศที่โด่งดังไปถึงต่างประเทศ ชายหนุ่มผู้ฮึกเหิมสร้างปรากฏการณ์อันน่าตะลึง ไม่ได้เป็นที่รักของแฟนคลับเกมท่องยุทธภพในประเทศเท่านั้น แม้แต่ต่างประเทศก็มีกลุ่มแฟนคลับของเขาเช่นกัน

 

 

ช่วงสองปีมานี้ เกมท่องยุทธภพเข้าสู่ยุคใหม่ ‘เทพพระอาทิตย์’ ของยุคนี้

 

 

แม้แต่ลู่จ้าวอิ่งก็ชื่นชอบมากทีเดียว เขามักจะใช้สิทธิพิเศษของตัวเองไปเอาบัตรอยู่บ่อยๆ

 

 

ท่าทางแบบนี้ของฉินหร่าน…เธอคงไม่ใช่แฟนคลับปลอมหรอกนะ

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง เพราะโพสต์ของโรงเรียนโผล่มาแบบแปลกๆ ก็ถูกลบไปอย่างน่าแปลกเหมือนกัน

 

 

คนที่ปล่อยโพสต์ก็ปล่อยออกมาไม่หยุด แต่ก็ถูกลบไม่หยุดเช่นกัน

 

 

เพราะเป็นช่วงปิดเทอม นอกจากคนส่วนน้อยแล้ว ก็มีคนรู้ไม่มาก

 

 

เช้าวันจันทร์ ฉินหร่านลุกขึ้นจากเตียงหอพัก ก็เห็นต้นไม้กระถางหนึ่งวางอยู่ข้างเตียง

 

 

เธอมองไปทางเตียงของหลินซือหราน หลินซือหรานลุกขึ้นมาแล้ว ฉินหร่านกะพริบตา ล้างหน้าล้างตาแล้วจึงไปที่ห้องเรียน

 

 

พอพ้นช่วงเช้า ฉินอวี่ก็มาที่สภานักเรียน

 

 

เว็บบอร์ดของโรงเรียนถูกดูแลโดยกลุ่มคนในสภานักเรียน

 

 

“สวัสดีรุ่นพี่” คนในสภานักเรียนรู้จักฉินอวี่กันหมด ทุกคนต่างก็ทักทายเธออย่างมีมารยาท

 

 

ฉินอวี่พยักหน้า มาถึงฝ่ายเทคนิค หลังคุยเล่นกันไม่กี่ประโยค จึงเผลอพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “มีโพสต์หลายอันของเพื่อนฉันถูกลบไปโดยไม่มีสาเหตุ นายรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

 

ที่จริงแล้วเว็บบอร์ดของโรงเรียนอยู่ในสภาพอิสระมาตลอด

 

 

คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้พอได้ยินคำพูดของฉินอวี่ ก็พอเข้าใจแล้วว่าฉินอวี่หมายความว่าอะไร “เธอหมายถึงโพสต์อุปการะอันนั้นเหรอ”

 

 

เขาลดเสียงต่ำลง

 

 

ฉินอวี่พยักหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย ลดเสียงลงเช่นกัน “มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า ทำไมจู่ๆ ถึงลบทิ้ง เพราะกระทบต่อชื่อเสียงของโรงเรียนเหรอ”

 

 

“เปล่า สรุปก็คือเรื่องนี้เธอไม่ต้องสน” คนรับผิดชอบทำหน้าดูลึกลับ

 

 

“เพราะอะไร”

 

 

คนรับผิดชอบถอนหายใจ กระซิบว่า “เธอรู้ไหมว่าคู่กรณีในเรื่องนี้เป็นใคร”

 

 

ฉินอวี่ไม่ค่อยสนใจมากนัก เธอรู้ที่ไหนกันว่าฉินหร่านรู้จักใครบ้าง แต่ก็เผลอถามไปว่า “ใครเหรอ”

 

 

“ผู้มีอิทธิพลใหญ่ของเมืองอวิ๋นเฉิง คนตระกูลเฟิง”