บทที่ 63 ตัวตนของคนแซ่ถง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

อวี้ฮ่าวหรานรู้อยู่แล้วว่าสวีรุ่ยเป็นคนหัวแข็ง หากเขาไม่พูดขู่เธอไปแบบนั้นเธอคงไม่ไม่ยอมอยู่ที่นี่แน่นอน

“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าคุณไม่ต้องจ่ายให้ผมทุกเดือน ผมขี้เกียจจะต้องมานั่งเก็บเงิน เอาเป็นคุณจ่ายผมสักปีละครั้ง…เอ๊ย ไม่สิสัก 5 ปี 1 ครั้งจะดีกว่า ส่วนจำนวนเงินที่ต้องจ่ายผมขี้เกียจกำหนดให้ เปลืองสมอง เอาเป็นว่าคุณสะดวกจ่ายเท่าไหร่ก็เอามาเท่านั้นก็พอ เอาตามนี้แหละ!”

“หะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดส่ง ๆ ของอวี้ฮ่าวหราน สวีรุ่ยตกตะลึง จนอ้าปากค้าง เงื่อนไขแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับให้บ้านหลังนี้เธอฟรี ๆ ไม่ใช่หรือไง?

สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คืออวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเงิน มากนัก ตราบใดที่เขาสามารถเอาเงินที่เขามีมาสร้างความสุข ความสบายให้กับคนรอบ ๆ กายของเขาได้ เขาก็ไม่เสียดายอะไร

หลังจากจัดการเรื่องที่พักให้สวีรุ่ยแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เดินกลับคอนโดทันที ปล่อยให้สวีรุ่ยทำความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ของเธอไป

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังเดินกลับ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ฮ่าวหราน ตอนนี้ผมเจอที่อยู่ของประธานถงแห่งบริษัทเว่ยไห่แล้ว!”

เสียงของเฉิงกัวอันดังขึ้นจากปลายสาย ทำให้สีหน้าของ อวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที

เขาอยากได้ยินข่าวนี้มาตลอด!

หลังจากคุยโทรศัพท์ไปได้สักพัก อวี้ฮ่าวหรานจึงเรียกแท็กซี่ ไปตามที่อยู่ที่เฉิงกัวอันให้ไว้ทันที

เขาไม่ต้องการเอารถของตัวเองไปเพราะมันอาจจะเป็นการเปิดเผยตัวตนกับฝั่งตรงข้าม

ราว 45 นาที อวี้ฮ่าวหรานก็สั่งให้แท็กซี่จอดที่บริเวณใกล้เคียง กับคฤหาสน์ย่านชานเมืองหลังหนึ่ง

เมื่อแน่ใจว่าแท็กซี่ขับจากไปไกลลิบแล้ว อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ ย่องไปปีนต้นไม้สูงที่อยู่ห่างจากคฤหาสน์ราว 300 เมตรเพื่อที่จะดูสภาพแวดล้อมด้านในหลังกำแพงคฤหาสน์ว่ามีอะไรบ้าง

เมื่อปีนขึ้นไปถึงกิ่งบนสุด อวี้ฮ่าวหรานก็ได้เห็นว่ารอบ ๆ คฤหาสน์มีการวางระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้อย่างแน่นหนามันมีทั้งลวดหนามไฟฟ้า ทั้งเหล่าบอดี้การ์ดหลายสิบคน

จากนั้นเพื่อความแน่ใจ อวี้ฮ่าวหรานได้เปิดใช้เนตรเทวะเพื่อ ส่องดูอีกที

คราวนี้เขาเห็นกับดักมากมายวางอยู่รอบ ๆ กำแพงเต็มไปหมดรวมถึงข้างในรอบ ๆ คฤหาสน์!

หากเป็นคนธรรมดาพยายามบุกเข้าไปคงตายตั้งแต่ยังไม่ทัน พ้นกำแพงแน่นอน!

แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหราน กับดักเหล่านี้มันเป็นแค่ของเล่นเด็กเท่านั้น

เมื่อสำรวจเรียบร้อยแล้ว อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างดูถูกจากนั้นเขาพุ่งตัวไปที่ประตูหน้าทันที

กับดักหลายอย่างที่ถูกวางอยู่บริเวณหน้าประตูถูกทำลายลง ในพริบตาจากหินที่อวี้ฮ่าวหรานเขวี้ยงออกไปทำลายพวกมัน

กับดักที่ถูกวางเอาไว้มีหลายรูปแบบมากไม่ว่าจะเป็นระเบิดพิษ กลไกหลุมหนาม หรือมีแม้กระทั่งกลไกปล่อยใบมีดให้พุ่งออกไปยังทิศทางที่ถูกจัดวางไว้

มองจากรูปแบบกับดักพวกนี้ อวี้ฮ่าวหรานเดาได้ทันทีว่าคนที่ วางพวกมันเอาไว้ต้องเป็นพวกชาวยุทธแน่นอนเพราะรูปแบบของมัน ขัดกับยุคสมัยเหลือเกิน …แต่ถึงแม้ว่ารูปแบบมันจะดูล้าสมัย ทว่าอำนาจการทำลายล้างของมันรุนแรงกว่าที่มนุษย์คนใดจะต้านทานได้

ยกตัวอย่างเช่นกลไกปล่อยใบมีด ความรุนแรงของใบมีดเหล่านั้นที่ถูกปล่อยออกมามันสามารถผ่าครึ่งรถสิบล้อได้แบบสบาย ๆ

แค่เพียง 5 นาทีจากหน้าประตูกำแพงคฤหาสน์ อวี้ฮ่าวหรานก็บุกตะลุยทำลายกับดักทุกอันและฆ่าเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนที่ขวางหน้าไปถึงหน้าห้องที่มีประตูบานใหญ่หรูหราเตะตาที่ชั้น 2 ของคฤหาสน์

หลังจากใช้เนตรเทวะส่องเข้าไป อวี้ฮ่าวหรานพบว่าที่ด้านในมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในแค่เพียงคนเดียว

หลังจากถีบประตูเข้าไป ชายตัวอ้วนที่ดูมีอายุราว 40 กว่า ๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นทักอวี้ฮ่าวหราน

“แกคือคนแซ่ถงใช่ไหม?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้า สงบนิ่ง

“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ของฉัน! ฉัน ถงไห่เว่ย!” ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีความกลัวแม้แต่นิดปรากฏในแววตาของเขา

อย่างไรก็ตาม ถงไห่เว่ยเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเหมือนกัน

ฝั่งตรงข้ามที่สร้างปัญหาให้เขามากมายดูเด็กจริง ๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นหน้าฝั่งตรงข้ามในรูปที่เคยใช้ให้คน ไปแอบถ่ายมากแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าตัวจริงจะดูเด็กกว่าในรูปซะอีก!

ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่ทำลายแผนการทั้งหมดของเขาซะยับเยิน!

และยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มคนนี้กลับสามารถผ่านกับดักนานาชนิดที่เขาวางเอาในคฤหาสน์อย่างหมดจดโดยที่ไม่บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิด

ไอ้หนุ่มคนนี้มันไปฝึกมาจากไหนกัน?

“แกช่วยบอกได้ไหมว่าจริง ๆ แล้วแกเป็นใครกันแน่ แกมาจากสำนักไหน?” ถงไห่เว่ยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจที่จะตอบคำถามฝั่งตรงข้ามกลับเพราะต่อให้เขาตอบไป ฝั่งตรงข้ามก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาเลือกที่จะถามคำถามที่คาใจของเขากลับไป “ทำไมแกถึงต้องตามจองล้างจองผลาญเฉิงกัวอัน? ฉันแน่ใจว่า มันคงไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขันทางธุรกิจแน่นอนจริงไหม?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! แกฉลาดมาก ถึงขั้นมองออกด้วยว่าจริง ๆ แล้วความขัดแย้งของฉันกับเฉิงกัวอันมันลึกกว่าที่เห็น!” ถงไห่เว่ย หัวเราะเสียงดังพร้อมกับปรบมือให้อวี้ฮ่าวหราน

“ถูกต้อง แกเข้าใจได้ถูก จริง ๆ แล้วมันมีเหตุผลมากกว่าการแข่งขันทางธุรกิจ เอาเป็นว่าก่อนแกตายฉันจะบอกให้เอาบุญก็แล้วกัน อันที่จริงไอ้เฒ่าเฉิงกัวอันมันเองก็เป็นหนึ่งในหัวหน้าสาขาขององค์กรอสรพิษเหมือนกัน!”

“แต่ก่อนหน้านี้มันเพิ่งทรยศองค์กรอสรพิษไป ดังนั้นมันก็เลย ถูกตามล่าแบบนี้ยังไงล่ะ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของถงไห่เว่ยก็เปลี่ยนเป็นเดือดดาลขึ้นมา

ส่วนทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็อึ้งไปตามระเบียบ

เฉิงกัวอันเองก็เคยเป็นคนขององค์กรอสรพิษงั้นเหรอ? ถ้างั้นมันก็หมายความว่าจริง ๆ แล้วเฉิงกัวอันก็น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธของโลกนี้เช่นกัน ว่าแต่ทำไมที่ผ่านมาเขาถึงกลับไม่สามารถสัมผัสพลังใด ๆ ที่น่าจะแผ่ออกมาจากร่างของเฉิงกัวอันได้เลย?

เรื่องนี้น่าแปลกจริง ๆ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็ตัดสินใจพักเรื่อง ของเฉิงกัวอันเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขาจำเป็นต้องกำจัดไอ้ตัวปัญหาที่นั่งอยู่หน้าเขาก่อนเป็นอันดับแรก

“เอาล่ะหากแกไม่มีไพ่เด็ดอะไรอย่างอื่นนอกจากไอ้พวกกับดักและคนของแกที่อยู่ข้างนอกนั่น ตอนนี้แกก็เตรียมตัวตายได้แล้ว!”

“ฮ่าฮ่า! นี่แกคิดว่าฉันหวังพึ่งไอ้ของพวกนั้นงั้นเหรอ? ฉันดูเหมือนคนโง่ในสายตาแกรึไง? แต่ฉันไม่นึกจริง ๆ ว่าแกจะรอดจากกับดักมา ได้อย่างราบรื่นขนาดนี้!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่อวี้ฮ่าวหรานปลดปล่อยออกมา สีหน้าของถงไห่เว่ยก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง

“คนของแกถูกฉันฆ่าตายจนหมด ส่วนสาขาขององค์กรอสรพิษที่อยู่ในเมืองที่แกพึ่งพามาเสมอ…หืม เดี๋ยวนะ?”

“แกบอกว่าเฉิงกัวอันทรยศองค์กรอสรพิษก็เลยถูกตามล่า งั้นแล้วแกก็เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังภารกิจล่าเฉิงกัวอัน ถ้างั้นมันก็หมายความว่าแกเป็นคนขององค์กรอสรพิษด้วยจริงไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งถึงนึกถึงประเด็นนี้ออก เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถงไห่เว่ยถึงดูไม่กลัวเขาเลย จริง ๆ แล้วฝั่งตรงข้ามก็น่าจะเป็น ผู้ฝึกยุทธระดับสูงคนหนึ่งแน่ ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่มแกนี่โคตรฉลาดเลยจริง ๆ ฉันขอปรบมือให้ ไอ้คนที่แกฆ่าไปที่ตึกก่วงผิงน่ะจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่หัวหน้าสาขาอะไรหรอก!”

เมื่อพูดจบประโยค ถงไห่เว่ยชี้นิ้วมาที่ตัวเขาเองและพูดว่า

“จริง ๆ แล้วฉันเนี่ยแหละคือหัวหน้าสาขาองค์กรอสรพิษแห่ง เมืองฮ่วยอัน และฉันคือเจ้าตำหนักอสรพิษเขียวขององค์กรอสรพิษ!”

“แต่ปกติแล้วตัวตนนี้ฉันเก็บเป็นความลับเสมอจากคนภายนอก ดังนั้นในเมื่อตอนนี้แกได้รู้แล้วฉันคงทำได้เพียงอย่างเดียวคือฆ่าแกทิ้งตรงนี้ซะ!”

หลังจากจบประโยค ถงไห่เว่ยลุกขึ้นพร้อมกับโคจรพลังปราณ ของตัวเองไปทั่วร่างด้วยสีหน้าเย็นชา

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาพยักหน้าเล็กน้อย ตอนนี้เขาเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ แล้ว ที่แท้เรื่องนี้มันก็มีเบื้องหลังมากกว่า ที่เขาคิด

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเรื่องมันออกจะซับซ้อนอยู่สักหน่อยแต่มัน ก็ไม่ได้เปลี่ยนแผนการของเขาไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะยังไง…วันนี้ถงไห่เว่ยต้องตาย!

มันคือคนที่ทำให้ครอบครัวของเขาเจ็บ เขาปล่อยมันไว้ไม่ได้!

“ถึงแม้ว่าเรื่องราวของแกกับเฉิงกัวอันจะน่าประทับใจอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าวันนี้แกต้องตายแน่นอนหรอกนะ” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันเนี่ยนะจะตาย? ฮ่าฮ่า แกคิดว่าฉันจะอ่อนแอเหมือนไอ้ขยะที่แกเจอที่ตึกก่วงผิงงั้นเหรอ? ฉันคือหัวหน้าสาขาโว๊ย ความแข็งแกร่ง ของฉันเหนือกว่ามันเป็นสิบเท่า!”

หลังจากพูดจบ ถงไห่เว่ยเริ่มลงมือก่อนทันที เขาพุ่งตัวเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยความเร็วที่ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่มีวันมองตามทันแน่นอน!

เมื่อเห็นฝั่งตรงข้ามพุ่งมาอย่างรุนแรง สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตื่นตระหนกแม้เพียงนิด เขาโคจรพลังวิญญาณไปที่แขนและมือพร้อมกับออกฝ่ามือสวนหมัดของถงไห่เว่ยอย่างรวดเร็ว

“ปัง!!”

คลื่นจากแรงปะทะกวาดเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ด้านในกระเด็นกระจายออกไปจนเละเทะ

อย่างไรก็ตาม หลังจากการปะทะของหมัดและฝ่ามือ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ร่างของถงไห่เว่ยกลับกระเด็นถอยหลังไป 10 เมตรเห็นจะได้ “นี่แกเป็นใครกันแน่? ทำไมแกถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้! อายุของแกเพียงแค่ 20 ต้น ๆ เท่านั้น ….แกบรรลุถึงขอบเขตก่อรากฐานได้ยังไง!?”

ถงไห่เว่ยตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาไม่นึกเลยว่าไอ้หนุ่มผู้นี้มันจะมีดีมากกว่าที่เขาเห็น

“มันเป็นไปไม่ได้ที่คนอายุอย่างแกจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ เมื่อครู่แกต้องใช้อะไรบางอย่างที่ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอน!”

หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ถงไห่เว่ยก็ดึงสติตัวเองกลับมาและเอาเหตุผลที่เขาเพิ่งเอ่ยขึ้นมาปลอบใจตัวเอง ว่าแท้จริงแล้ว อวี้ฮ่าวหรานไม่น่าจะแข็งแกร่งกว่าเขาไปได้

บนโลกนี้มันจะมีอัจฉริยะขนาดนั้นอยู่ได้ยังไง! ใช่เมื่อครู่มันต้องเป็นเรื่องแหกตา!

“ฉันไม่สนว่าเมื่อครู่แกใช้อะไรเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองแต่ฉันคิดว่ามันมีผลอยู่ไม่นานแน่ ๆ แล้วหลังจากนั้นแกเตรียมตัวตายได้เลย!”