“ขอบเขตก่อรากฐาน?”

อวี้ฮ่าวหรานทวนประโยคด้วยสีหน้างุนงง เขายังไม่เข้าใจการเรียงลำดับระดับการบ่มเพาะของโลกใบนี้

ถงไห่เว่ยตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นวันนี้เขาต้องฆ่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาให้ได้!

เพราะอายุที่น้อยขนาดนี้และความแข็งแกร่งที่แสดงออกมา….ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

มันน่าสะพรึงกลัวเกินไป!

หากให้เวลาเด็กหนุ่มคนนี้อีกสัก 2 ปี เขาคงรับไม่ได้แม้แต่หนึ่งฝ่ามือจากไอ้หนุ่มนี่แน่นอน! ต้องตัดภัยร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต!

เมื่อตั้งใจแน่วแน่แล้ว ถงไห่เว่ยล้วงเอาถุงมือที่เหน็บอยู่ที่หลังเอวออกมาและใส่มันอย่างรวดเร็ว

มันคือถุงมือสีเงินซึ่งที่ปลายนิ้วทั้งห้ามีใบมีดเล็กแหลมติดอยู่!

จากนั้นถงไห่เว่ยตั้งท่าเตรียมใช้วิชากรงเล็บพญาอินทรีที่เขาฝึกฝนมานานและเป็นวิชาท่าไม้ตายของเขา!

“ไอ้หนุ่ม! จงภูมิใจซะที่แกจะได้ตายด้วยวิชาไม้ตายของฉันผู้นี้!”

หลังจากพูดจบ ถงไห่เว่ยกระโจนตัวไปข้างหน้าและวาดกรงเล็บเข้าไปที่คอของอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว

ด้วยแรงหนุนของพลังปราณในร่าง กรงเล็บทั้งสองของถงไห่เว่ยมีอำนาจที่รุนแรงกว่าปกติถึง 10 เท่าทวีคูณ แถมด้วยความรุนแรงของกรงเล็บมันยังฉีกลมกระชากลมที่อยู่รอบ ๆ ให้ก่อตัวเป็นใบมีดลมพุ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน ก่อนที่กรงเล็บจะตามไปถึงคอเขาอีกต่างหาก!

อย่างไรก็ตามทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขากลับไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกอะไรเลย ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับใบมีดลมที่สามารถบั่นคอคนธรรมดาได้ง่าย ๆ ก็ตามที

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ถงไห่เว่ยซึ่งกำลังวาดกรงเล็บทั้งสองเข้ามาหาด้วยสายตาเย้ยหยัน

ไอ้มดแมลงตัวนี้มันคิดจริง ๆ เหรอว่าวิชาพื้นๆ แบบนี้จะทำอะไรเขาได้? ในทางกลับกัน ถงไห่เว่ยกลับรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจที่เห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ไอ้เด็กโง่นี่มันไม่หลบเลยงั้นเหรอ?

เหอะ! ดีแล้ว งั้นแกก็ตายๆ ไปซะ!

ถงไห่เว่ยมั่นใจในกรงเล็บของเขาเองเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าไม่มีทางที่อวี้ฮ่าวหรานจะรอดจากกรงเล็บของเขาไปได้ ต้องรู้ว่ากรงเล็บของเขาสามารถตัดเหล็กกล้าหนาเท่าแขนคนได้แบบสบาย ๆ เลยนะ!

แต่แล้วก่อนที่ใบมีดลมและกรงเล็บจะพุ่งไปถึงคอของอวี้ฮ่าวหราน ร่างของเขากลับหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ซะอย่างนั้น!

ถงไห่เว่ยตกตะลึงจนตาเบิกโพลงเมื่อเห็นเช่นนี้!

มันหายไปไหน!?

แย่แล้ว!

ในเสี้ยววินาทีต่อมา ถงไห่เว่ยได้ยินเสียงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาดังมาจากข้างหูของเขา

“เหอะ! มดแมลงอย่างแกคิดเหรอว่าจะทำอะไรเทพอย่างข้าได้!”

ร่างของอวี้ฮ่าวหรานปรากฏขึ้นที่ด้านหลังถงไห่เว่ย และออกหมัดเข้าใส่กลางหลังของถงไห่เว่ยอย่างฉับพลัน!

“ปัง!!”

“โครม!!”

ด้วยความรุนแรงของหมัดที่อวี้ฮ่าวหรานปล่อยออกไป มันส่งร่างของถงไห่เว่ยกระเด็นลอยไปกระแทกประตูจนแตกกระจาย

แถมร่างของเขายังพุ่งกระเด็นไปอย่างไม่หยุดและกลิ้ง ๆ ไปหยุดที่ทางเดินห่างออกไปจากหน้าประตูที่พังเละราว 15 เมตร

หลังจากที่ฝุ่นจางลง ร่างของถงไห่เว่ยที่นอนอยู่ในสภาพยับเยิน ก็ปรากฎขึ้นแก่สายตา

“แค่ก ๆ ๆ เป็นไปไม่ได้! นี่แกเป็นตัวอะไรกันแน่!”

หากเทียบกับความเสียหายทางกาย ความรู้สึกภายในใจของถงไห่เว่ยตอนนี้ยับเยินมากกว่า

เขาคือปรมาจารย์ที่อยู่ในขอบเขตก่อรากฐาน!

มันไม่ควรจะมีมนุษย์อายุ 20 กว่า ๆ คนไหนที่แข็งแกร่งกว่าเขามากถึงขนาดนี้!

“ไม่ ไม่ ไม่ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

จิตใจของถงไห่เว่ยยุ่งเหยิงจนเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งไปโดยสมบูรณ์ กว่าที่เขาจะฝึกฝนมาจนถึงขอบเขตก่อรากฐานได้ เขาต้องใช้เวลาทั้งชีวิตแถมมันยากลำบากจนมีนับครั้งไม่ถ้วนที่เขาเกือบตาย แต่แล้วตอนนี้เขากลับโดนเด็กหนุ่มที่ไหนไม่รู้อัดจนเละแบบนี้เนี่ยนะ?

“ปัง!”

เสียระเบิดดังลั่นออกจากร่างของถงไห่เว่ย ตอนนี้เขาโคจรพลังปราณในร่างของตัวเองจนถึงขีดสุดจนร่างกายของเขาพองใหญ่ขึ้นส่งผลให้เสื้อที่เขาใส่ขาดออกเป็นชิ้น ๆ เขาเตรียมจะแลกทุกอย่างที่เขามีเพื่อเอาชีวิตอวี้ฮ่าวหรานให้ได้!

“ตาย!”

ถงไห่เว่ยพุ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานอีกครั้ง และคราวนี้เขาวาดกรงเล็บไปเป็นสิบครั้งติด ๆ กัน!

แต่เสียดายที่กรงเล็บเหล่านั้นไม่โดนตัวอวี้ฮ่าวหรานเลยสักครั้ง

อวี้ฮ่าวหรานหลบไปมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย้ยหยันไปด้วยและเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามเปิดช่องว่าง อวี้ฮ่าวหรานก็ชกหมัดออกไปอีกรอบ

“ปัง!”

“อั่ก!”

เมื่อโดนชกอีกครั้ง คราวนี้ถงไห่เว่ยกระอักเลือดออกมาคำโตพร้อมกับที่พลังปราณของเขาลดลงไปจนแทบหมด

“แค่ก แค่ก นี่แก แกอยู่ระดับไหนกันแน่! ฉันคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐาน แกเอาชนะฉันง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง!?” ถงไห่เว่ยคุกเข่าเงยหน้ามองฝั่งตรงข้ามที่กำลังค่อย ๆ เดินเข้ามาหาด้วยสายตาสิ้นหวังและไม่ยินยอม

ฝั่งตรงข้ามของเขาตอนนี้ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อยซึ่งมันชี้ชัดเลยว่าพวกเขาอยู่คนละระดับกันโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมแผนการทั้งหมดของเขาถึงล้มเหลว ทำไมฝั่งตรงข้ามถึงล่วงรู้ตัวตนของเขาได้ง่ายนัก และทำไมฝั่งตรงข้ามถึงไม่เคยแสดงสีหน้าตื่นตระหนกเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

ที่แท้มันก็เป็นเพราะฝั่งตรงข้ามเหนือล้ำมากกว่าเขาจนทุกอย่าง! และที่เขาทำมันก็เหมือนเป็นการละเล่นของเด็กอนุบาล!!

มันน่าตลกจริง ๆ ที่เมื่อครู่เขาพูดจาเย้ยหยันฝั่งตรงข้ามโดยที่ไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำแบบนั้น

“กร๊อบ!!”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาประชิดตัวถงไห่เว่ยแล้ว เขาไม่พูดมากอะไรอีกต่อไป เขาถีบเข้าไปที่กลางอกของถงไห่เว่ยทำลายหัวใจของฝั่งตรงข้ามทันที

ถงไห่เว่ยมองไปที่กลางอกของตัวที่ถูกถีบจนยุบเข้าไปอย่างน่ากลัว จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นไปมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาอาฆาตและกระอักเลือดออกมาอีกคำโต ก่อนจะค่อย ๆ ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นด้วยลมหายใจที่รวยริน

เมื่อเห็นว่าถงไห่เว่ยค่อย ๆ ขาดใจตาย อวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จบสักที!

นับจากนี้ หลี่หรงและลูกสาวของเขาก็จะไม่โดนลูกหลงจากการที่คนพวกนี้ตามล่าเขาอีก!

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงถัดมา อวี้ฮ่าวหรานก็นั่งอยู่บนโซฟาในออฟฟิศของเฉิงกัวอัน

“หะ! นี่คุณฆ่าถงไห่เว่ยไปแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ?”

เฉิงกัวอันลุกขึ้นจากโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าตกตะลึง

เขาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่ามันเกิดขึ้นจริง!

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!

ในตอนแรก เฉิงกัวอันคิดว่าอย่างมากที่สุดที่อวี้ฮ่าวหรานคงจะทำได้ก็น่าจะเป็นการขับไล่ถงไห่เว่ยให้ออกไปจากเมืองนี้ชั่วคราว

เพราะไม่ว่ายังไง ถงไห่เว่ยก็เป็นถึงเจ้าตำหนักอสรพิษเขียวที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับต้น ๆ เขาไม่ใช่คนที่จะถูกฆ่าตายได้ง่าย ๆ

“ไอ้คนที่ชื่อถงไห่เว่ยนั่นบอกว่ามันเป็นเจ้าตำหนักอสรพิษเขียว”

อวี้ฮ่าวหรานเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่วงท่าสบายๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นและจับจ้องไปที่ปฏิกิริยาโต้ตอบของเฉิงกัวอัน

“หะ? เขาเป็นคนขององค์กรอสรพิษด้วยงั้นเหรอ?”

เฉิงกัวอันถามกลับด้วยสีหน้าตกตะลึง ท่าทางการแสดงออกของเขาดูเป็นธรรมชาติอย่างมากราวกับว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนจริง ๆ

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นท่าทีของฝั่งตรงข้ามที่แสดงออกมาแบบนี้่

“ว่าแต่คุณเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บรึเปล่า?” เฉิงกัวอันเบี่ยงประเด็นถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างรวดเร็ว

อวี้ฮ่าวหรานมองเฉิงกัวอันอยู่สักพักจนท้ายที่สุดเขาถอนหายใจและพูดว่า “เฉิงกัวอัน คุณกับผมรู้จักกันมาได้สักพักแล้ว ผมไม่ต้องการให้คุณปิดบังผมอีกต่อไป ยอมรับความจริงกับผมมา!” “ผ..ผม……”

เมื่อได้ยินอวี้ฮ่าวหรานพูดแบบนี้ เฉิงกัวอันก็รู้ได้ทันทีว่าถงไห่เว่ย คงบอกอวี้ฮ่าวหรานไปแล้วว่าแท้จริงเขาเป็นใคร… “เฮ้อ…เอาเป็นว่าผมขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ปิดบังมาตลอด เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับองค์กรอสรพิษ…”

เฉิงกัวอันรู้แล้วว่าตอนนี้ต่อให้ปิดบังต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแถมมันกลับจะมีแต่แย่ลงต่อความสัมพันธ์ของเขากับอวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฝั่งตรงข้ามฟัง เขาค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง

“ในอดีตผมเคยอยู่ในองค์กรอสรพิษมีตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักในตอนนั้นผมยังหนุ่ม ด้วยความทะเยอทะยานผมฝึกฝนอย่างเอาเป็น เอาตายจนความแข็งแกร่งของผมประจักษ์แก่สายตาทุกคนจนได้ เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นเจ้าตำหนักภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น…”