“เมื่อในอดีต ผมทำสิ่งต่าง ๆ มากมายให้กับองค์กรแต่มันก็มีหลายครั้งที่ผมจงใจปล่อยให้เป้าหมายบางคนหลบหนีไปเพราะความใจอ่อน”

เฉิงกัวอันเอ่ยประโยคนี้ขึ้นพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างรำลึกความหลัง

“คุณคงพอจะเดาออกว่าในองค์กรนักฆ่ามันมีแต่เรื่องราวที่โหดเหี้ยมไร้มนุษย์ธรรม แต่ในทางกลับกันตัวผมเองพอยิ่งอยู่ไปนานเข้าผมก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด ผมใจไม่เหี้ยมพอเหมือนกับพวกคนเหล่านั้นและเมื่อผมปล่อยเป้าหมายไปหลายครั้งเข้าผมก็ถูกเตือนจากองค์กร”

“วันที่ผมตัดสินใจออกจากองค์ก็คือวันที่ลูกสาวของผมเกิดผมพาครอบครัวของผมหนีและไม่ติดต่อกับองค์กรอีกเลยนับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ เฉิงกัวอันหยุดถอนหายใจ

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ มันคงเป็นเพราะถงไห่เว่ยตามหาผมเจอดังนั้นมันก็เลยส่งคนมาตามฆ่าผมอย่างที่เห็น”

หลังจากฟังสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามเล่ามาทั้งหมด อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างเข้าใจ

อันที่จริงอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความหลังของเฉิงกัวอันมากมายนัก ตราบใดที่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ทรยศเขา เขาก็ยินดีที่จะคบหาด้วยต่อไป

“ฮ่าวหราน ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้ให้ลูกสาวของฉันรู้จะได้ไหมลูกสาวของฉันบริสุทธิ์ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีมาก่อน ฉันไม่อยากให้เธอต้องมารับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องราวดำมืดแบบนี้”

เฉิงกัวอันเอ่ยขอขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นห่วง ลูกสาวของเขาที่สุด

“ได้ ผมรับปาก” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ากลับจากนั้นเขาลุกเดินออกไปจากออฟฟิศของเฉิงกัวอันทันที

หลังจากเดินออกมาจากตึกของเฉิงกัวอัน อวี้ฮ่าวหรานหันกลับไปพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ

ถึงแม้ว่าเฉิงกัวอันจะเคยเป็นหนึ่งในแกนหลักขององค์กรอสรพิษ แต่นั่นมันก็เป็นอดีตแถมตอนนี้เขาออกมาเพราะว่ารู้สึกสำนึกผิดคนแบบนี้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกให้การยอมรับอยู่พอสมควร

หลังจากจบเรื่องทั้งหมดแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เรียกแท็กซี่กลับคอนโด

“พ่อจ๋า!”

ในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตู ถวนถวนวิ่งมาหาทันทีด้วยสีหน้าเบิกบาน

“กอด ๆ!”

เด็กน้อยพูดขึ้นพร้อมกับกางแขนอยากให้พ่อของเธอกอด อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะจากนั้นเขาย่อตัวลงไปอุ้มถวนถวนขึ้นมากอดอย่างอ่อนโยน

“พ่อจ๋า วันนี้หนูกับแม่หรงช่วยกันปั้นกระต่ายตัวเบ้อเร่อมาให้พ่อด้วยแหละ!”

ถวนถวนพูดขึ้นพลางทำไม้ทำมือเป็นกระต่ายตัวใหญ่

“โอ้ งั้นเหรอ? ไหนงั้นบอกพ่อทีว่าตอนนี้กระต่ายตัวนั้นอยู่ไหนแล้ว?” อวี้ฮ่าวหรานแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรและถามกลับพร้อมกับยิ้มให้ลูกสาวของเขา

“ตอนนี้มันอยู่ในหม้อ! แม่หรงบอกว่าต้องนึ่งให้มันสุกก่อนถึงจะให้พ่อกินได้! หนูกับแม่หรงตั้งใจปั้นกระต่ายยักษ์หลายตัวให้พ่อคนเดียวเลยนะ!”

ถวนถวนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ซึ่งมันทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นอย่างมาก

หลังจากลูบหัวลูกสาวของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานก็หอมแก้มเด็กน้อยไปอีกฟอดใหญ่

“อึ๊ย ๆ ๆ พ่อ หนวด! เจ็บ ๆ ๆ!”

อวี้ฮ่าวหรานที่เห็นเช่นนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ

มื้อค่ำ ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ได้เห็นซาลาเปาที่ถูกปั้นเป็นรูปตัวกระต่ายซึ่งเป็นผลงานของถวนถวนและหลี่หรง

“พ่อจ๋า คำแรกให้หนูป้อนให้พ่อนะ! ครูสวีเคยบอกว่าพ่อทำงานหนัก หนูต้องดูแลพ่อให้ดีที่สุด!”

ถวนถวนพูดขึ้นพลางหยิบซาลาเปารูปตัวกระต่ายขึ้นมาป้อนให้อวี้ฮ่าวหราน

ภาพเช่นนี้มันทำให้ทั้งหลี่หรงและพี่เลี้ยงหนิงยิ้มอย่างมีความสุข

หลังจากมื้อค่ำและส่งถวนถวนเข้านอนแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อทำการบ่มเพาะต่อ แต่แล้วยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มบ่มเพาะ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“พี่เขย ฉันลืมบอกอะไรพี่ไปอย่างวันนี้”

แน่นอนว่าคนที่มาเคาะคือหลี่หรง แต่วันนี้เธอไม่พลาดใส่ชุดนอนน่าอายมาอีกแล้ว วันนี้เธอใส่ชุดนอนผ้าไหมพร้อมกับใส่เสื้อคลุมไหล่มาด้วย

“มีอะไรงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูและถามขึ้นทันที

“คือ…พ่อของฉันคิดที่จะจัดงานเลี้ยงอีกครั้งพรุ่งนี้ตอนบ่ายเขาอยากจะจัดขึ้นเพื่อขอบคุณพี่อีกรอบแต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับรอบที่แล้ว เพราะครั้งนี้พ่อของฉันจะเชิญญาติทุกๆ คนให้มาร่วมงานด้วย” หลี่หรงเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มให้กับอวี้ฮ่าวหรานอย่างกระอักกระอ่วน เธอไม่คิดว่าพี่เขยของเธอคนนี้จะชอบงานเลี้ยงที่รวมญาติของเธอมาทั้งหมดสักเท่าไหร่

“งานเลี้ยงอีกแล้ว?”

อวี้ฮ่าวหรานแสดงสีหน้างุนงง ไม่นานมานี้ หลี่ชงซานก็เพิ่งจัดงานเลี้ยงขอบคุณให้เขาไป แต่แล้วพรุ่งนี้จะจัดให้เขาอีกแล้ว?

“ใช่ พ่อของฉันบอกว่าวิกฤติครั้งนี้ที่หลี่จิงเทียนทำขึ้นมันหนักหนาสาหัสจริง ๆ หากไม่ได้พี่มันก็คงไม่มีใครในตระกูลที่สามารถกู้บริษัทคืนมาได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณพี่อีกรอบ”

หลี่หรงอธิบายอย่างใจเย็นให้กับอวี้ฮ่าวหรานที่กำลังขมวดคิ้วแน่นได้ฟัง เขาไม่ได้อยากจะร่วมงานเลี้ยงอะไรบ่อย ๆ เพราะในสายตาของเขามันคือการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

มันไม่มีค่าอะไรเลยในการไปร่วมงานแบบนี้

แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปฏิเสธ หลี่หรงที่เดาได้อยู่แล้ว จากสีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานว่าเขาคิดที่จะปฏิเสธแน่นอน เธอจึงรีบจับแขนของเขาเอาไว้ทั้งสองมือและพูดขึ้นด้วยสีหน้าโน้มน้าว “พี่เขยครั้งนี้พี่ต้องไปให้ได้นะไม่งั้นพ่อของฉันจะต้องเสียหน้าต่อญาติทุกคนแน่ พี่กับพ่อเพิ่งจะคุยดีกันได้ไม่นานนี้เอง ถ้าพี่ไม่ไปความสัมพันธ์มันต้องกลับไปแย่แบบเดิมแน่ ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่สายตาอ้อนวอนของหลี่หรงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ถอนหายใจก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ก็ได้ ก็ได้ พี่ยอมไปก็ได้”

“ว่าแต่ เธอคะยั้นคะยออยากให้พี่ไปมากขนาดนี้เธอจำได้ไหมว่าครั้งที่แล้วพ่อของเธอคุยเรื่องอะไรกับพี่? เธออยากให้พ่อของเธอคุยเรื่องนั้นกับพี่อีกรอบเหรอไง?”

“เรื่องไหนกัน…”

หลี่หรงที่กำลังจับแขนของอวี้ฮ่าวหรานอยู่ เมื่อเธอนึกออกว่าอวี้ฮ่าวหรานกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เธอก็หน้าแดงและปล่อยมือจากแขนของเขาด้วยความเขินอายทันที!

รอบที่แล้วแทบจะตลอดเวลาที่อยู่ในงานเลี้ยง พ่อของเธอเอาแต่พูดเรื่องของเธอกับอวี้ฮ่าวหรานแทบทั้งงาน!

หากเป็นไปได้พ่อของเธออยากจะจับเธอแต่งงานกับอวี้ฮ่าวหรานในวันนั้นไปเลยด้วยซ้ำ!

“บ้า! พี่เขย พี่คิดบ้าอะไรของพี่เนี่ย! ฉันเป็นน้องภรรยาของพี่นะ!” เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะด้วยความขบขัน “เอาล่ะ ๆพี่ไม่แกล้งแล้ว เอาเป็นว่าพี่รับปากว่าจะไปงานเลี้ยงกับเธอในวันพรุ่งนี้แน่นอนก็แล้วกัน”

เมื่อได้รับคำตอบที่เธอพอใจ หลี่หรงก็พยักหน้าและรีบวิ่งกลับห้องของเธอไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ