ฟีเรนเทียมองเบเลซักที่ทำตัวเช่นนั้นด้วยความสมเพชอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะบังเอิญสบตากับท่านปู่

 

ทันใดนั้นนัยน์ตาของท่านปู่ที่กระตุกเกร็งก็คลายตัวลงเล็กน้อย

 

ว่าแล้วเชียว ท่านปู่ชอบเธอจริงๆ

 

เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร จิ้มอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า เคี้ยวหงุบหงับ

 

“ฮ่าๆ”

 

ท่าทางแค่ดูของอร่อยเข้าปากหลานสาวก็ชอบใจแล้ว ท่านปู่ถึงได้เอาแต่หัวเราะไม่หยุด กวักมือเรียกพ่อบ้าน

 

“โยฮัน เอากุญแจมา”

 

กุญแจ?

 

หมายถึงกุญแจคลังเหรอ

 

เซรัลเองก็คงจะคิดเหมือนกับเธอนางกำลังจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง สีหน้าดูดีใจ รอรับกุญแจ

 

“หืม?”

 

ทว่าสิ่งที่พ่อบ้านยื่นให้ท่านปู่ มันไม่ใช่กุญแจคลังที่เธอรู้จัก

 

และท่านปู่ก็เอ่ยเรียกเธอ

 

“เทีย มาทางนี้สิ”

 

“ข้าเหรอคะ”

 

อย่างไรท่านก็เอ่ยเรียกแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าท่านปู่

 

ท่านปู่ลูบแก้มเธอด้วยหลังมืออย่างอ่อนโยน ก่อนจะวางกุญแจขนาดใหญ่เล็กน้อยลงบนมือของเธอ

 

“นี่คือกุญแจห้องสมุดที่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดเจ้าเมื่อก่อนหน้านี้”

 

“ห้องสมุด…อ๊า!”

 

ลืมไปเลย

 

คำถามของท่านปู่ที่เคยถามเธอครั้งก่อนว่าจะเอาห้องสมุดเป็นของขวัญวันเกิดดีหรือเปล่า แต่เธอกลับตอบว่ามันก็ดี แต่ก่อนอื่นเธออยากจะขอเป็นให้ท่านรับฟังคำขอร้องของเธอในภายหลังแทน

 

เพราะฉะนั้น ฟีเรนเทียเลยนึกว่าของขวัญวันเกิดของเธอจะจบลงแค่นั้นจริงๆ

 

ดูท่าคงจะต้องใกล้ถึงเวลาใช้สิทธิ์ในการใช้คำขอร้องนั่นแล้วสินะ!

 

คงไม่ใช่ต้องรับอันนี้แทนจริงๆ หรอกใช่มั้ย

 

เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก จึงเอ่ยถามออกไปอย่างร้อนรน

 

“ท่านปู่ แต่ข้ารับของอย่างอื่น…”

 

“รับสิ่งนี้ไปด้วย ปู่คนนี้มอบให้เพราะเห็นว่าเจ้าชอบอ่านหนังสือ อีกอย่างถ้าจะเรียนเพิ่มกับเครย์ลีบัน ก็ต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมไม่ใช่หรือ”

 

“เรียนเพิ่มเหรอคะ”

 

ชานาเนสมองเธอกับท่านปู่สลับไปมาพลางเอ่ยถาม

 

“ฮ่าฮ่า ใช่แล้วละ! เมื่อไม่นานมานี้เครย์ลีบันมาบอกข้า ฟีเรนเทียของพวกเราฉลาดมากเกินไป จึงพร้อมที่จะเรียนเนื้อหาที่ยากขึ้นได้แล้วละ”

 

“นี่มันดีจริงๆ เลยนะ! ”

 

ชานาเนสยินดีราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง พลางลูบศีรษะของเธอไปด้วย

 

“ห้องสมุดห้องนี้มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่ใช้ได้ ดังนั้นอ่านให้เยอะ เรียนให้มากล่ะ ฟีเรนเทีย”

 

“ขอบคุณค่ะ! ข้าชอบมากเลยค่ะ ท่านปู่!”

 

เธอจงใจส่งเสียงร้อง ‘กรี้ด’ กระโดดคว้าคอท่านปู่เข้ามากอด

 

“เด็กคนนี้นี่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

ท่านปู่ตกใจเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ตบหลังเธอเบาๆ ชอบใจการออดอ้อนของหลานสาว

 

ช่างเป็นของขวัญที่ได้รับมาในจังหวะไทมิ่งที่พอเหมาะพอเจาะเสียจริง

 

ฟีเรนเทียกำกุญแจเอาไว้ในมือทั้งสองข้างแน่น พลางแนบมันลงบนหน้าอก ตะโกนเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

 

“ข้าจะเรียนรู้ให้มากในห้องสมุดที่ให้มาเป็นของขวัญ และจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมนะคะ!”

 

 

รับประทานอาหารเช้าเสร็จ ออกมาส่งท่านพ่อไปทำงานที่หน้าประตูใหญ่ หลังจากนั้นเธอก็ถือกุญแจห้องสมุด รีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

 

ตอนที่ได้ยินว่าตำแหน่งที่ตั้งของห้องสมุดอยู่ตรงไหน เธอก็ต้องเอียงคอด้วยความสงสัย

 

“แถวห้องทำงานของท่านปู่เหรอคะ”

 

“ครับ คุณหนู ไปตรงนั้นได้เลยครับ”

 

ฟีเรนเทียเห็นว่าเป็นของขวัญที่มอบให้เธอ เลยคิดว่าก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ กับที่พักของเธอกับท่านพ่อแท้ๆ

 

“ทำไมถึงเป็นที่นั่น…”

 

“ไม่ทราบเลยครับ ท่านเจ้าตระกูลเป็นคนกำหนด”

 

ก็นะ ของขวัญอาจจะทำตามใจคนให้ก็ได้เหมือนกัน

 

เธอเดินมุ่งตรงไปยังชั้นที่มีห้องทำงานของท่านปู่อยู่ด้วยใจที่เต้นตึ้กตั้ก

 

ห้องสมุดของเธออยู่ตรงข้ามเยื้องกับห้องทำงานของท่านปู่ไปสองห้อง

 

และวินาทีที่มาถึง ฟีเรนเทียก็ได้รู้เหตุผลว่า ทำไมห้องสมุดของเธอถึงได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้อยู่ใกล้กับห้องทำงาน

 

“มาแล้วหรือครับ คุณหนูฟีเรนเทีย”

 

อัศวินประจำตระกูลลอมบาร์เดียที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องทำงานของท่านปู่มองเธอแล้วแสร้งทำเป็นรู้จักเธอ

 

บางทีคงจะสั่งให้เวรยามที่คอยเฝ้าห้องทำงานช่วยควบคุมการเข้าออกห้องสมุดของเธอไปด้วย

 

อย่างที่ท่านปู่บอก ห้องสมุดห้องนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเธอคนเดียว

 

ฟีเรนเทียโค้งศีรษะทักทายอย่างมีมารยาท หลังจากนั้นจึงไขกุญแจอย่างระมัดระวัง

 

แกรก

 

เสียงไขประตูดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก

 

เทียบกับห้องสมุดส่วนกลางที่ทุกคนในคฤหาสน์สามารถใช้งานได้ มันเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก แต่มองแค่ปราดเดียวก็เห็นได้ว่ามันเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากมาย

 

ยกเว้นฝั่งหน้าต่าง กำแพงทั้งสามด้านต่างก็เต็มไปด้วยหนังสือ ดูแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายอยู่เหมือนกัน

 

เธอปิดประตูตามหลัง ค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าว ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง

 

“คิดถึงจัง”

 

เธอลูบกำแพงข้างหน้าต่างอย่างเชื่องช้า

 

และหันหลังกลับมามองข้างในห้องหนังสือ

 

“ได้พบกันอีกครั้งแบบนี้สินะ”

 

ความบังเอิญช่างเป็นเรื่องน่ากลัวจริงๆ

 

ห้องที่กลายมาเป็นห้องสมุดส่วนตัวของเธอแบบนี้ ชีวิตก่อนมันเป็นที่ตั้งห้องทำงานของเธอ ในสมัยที่เธอคอยช่วยเหลืองานของท่านปู่

 

มันแตกต่างไปจากในความทรงจำของเธอเล็กน้อย เธอกระซิบเสียงแผ่วในขณะที่มองดูสภาพภายในห้องที่ยังคงมอบความรู้สึกผ่อนคลายให้เหมือนเคย

 

“ครั้งนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะ”

 

ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังก๊อก ก๊อก

 

“เข้ามาเลยค่ะ”

 

ประตูถูกเปิดออกเมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบของเธอ เครย์ลีบันเดินเข้ามา

 

“มารับข้อความครับ คุณหนู”

 

ก่อนจะมาที่นี่ เครย์ลีบันได้รับแจ้งผ่านพ่อบ้านว่าสถานที่เรียนคลาสเพิ่มได้ถูกย้ายมาที่นี่

 

เครย์ลีบันเหน็บหนังสือเล่มหนาไว้ที่สีข้างฝั่งหนึ่ง ราวกับว่ามาเพื่อสอนหนังสือเธอจริงๆ

 

การระมัดระวังสายตาของผู้คนช่างสมกับที่เป็นเครย์ลีบันมาก เธอยิ้มพลางเอ่ยพูด

 

“งั้นมาเริ่มคลาสกันเลยดีมั้ยคะ อาจารย์”