ตอนที่ 93 หักลบกลบหนี้

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 93 หักลบกลบหนี้

ช่วงเวลาที่กงจี้รู้จักเจียงป่าวชิงไม่ถือว่าสั้นมาก แต่เขาไม่เคยเห็นนางแสดงสีหน้าเกรงใจเช่นนี้เลยสักครั้ง

ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะไม่มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อสิ่งของเหล่านั้น แต่นางเคยใช้ชุดที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือในห้องยา อีกทั้งนางยังใช้อย่างสะดวกและลงมือวาดภาพได้อย่างราบรื่น ไม่มีความฝืดแม้แต่น้อย

อันที่จริงเจียงป่าวชิงรู้ว่าสิ่งของเหล่านั้นแพงมากเพียงใด ไม่อย่างนั้นนางคงไม่พูดว่าขอรับเงินค่ารักษาก่อนล่วงหน้าหรอก และสาเหตุที่นางรู้สึกเกรงใจ นอกจากขอให้เขาจ่ายค่ารักษาล่วงหน้าแล้ว ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่นางยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ถ้าหากว่าค่ารักษาของนางไม่เพียงพอกับราคาของปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกชุดนี้ ก็คงจะเก้อเขินมากอยู่พอสมควร

ถึงอย่างไร ถ้าพูดตามความหมายที่แท้จริง ที่นางตกลงว่าจะรักษาขาให้กงจี้ในตอนนั้น ก็เพื่อจะขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิตนางเท่านั้น

สิ่งของที่จัดเป็นค่ารักษา หากว่าเขาให้ก็คือไมตรีจิต แต่ถ้าไม่ให้ นางก็พูดอะไรไม่ได้

เจียงป่าวชิงคิดว่าตามนิสัยที่พูดไม่ดีและชอบถากถางคนอื่นของกงจี้นั้น ไม่แน่เขาอาจจะหยิบยกเรื่องนี้มาเสียดสีนางอีกก็เป็นได้ แต่กงจี้กลับไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงสั่งไป๋จีหนึ่งประโยคว่า “ไปหยิบในห้องหนังสือมาหนึ่งชุด” และไม่ได้พูดอะไรอีก

เจียงป่าวชิงไม่ได้เป็นคนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถามกงจี้ “ค่ารักษาของข้า… เอ่อ… พอจ่ายไหม ?”

กงจี้ชะงักไป จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

เจียงป่าวชิงรู้สึกงุนงงต่อการหัวเราะของกงจี้

กงจี้พูดขึ้น “เจียงป่าวชิง เจ้าจะให้ข้าพูดว่าเจ้าอย่างไรดี เจ้าคิดว่าขาของข้าไม่ได้ดีไปกว่าสิ่งของธรรมดาเหล่านี้อย่างนั้นรึ ?”

เจียงป่าวชิงตาเป็นประกายทันที “ความหมายของเจ้าคือให้ข้าเสนอราคาได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ ?”

กงจี้ “…”

เจียงป่าวชิงหัวเราะคิกคัก “ฮ่า ๆ ๆ ข้าล้อเล่น ข้ารู้ว่าการเป็นคนนั้นไม่ควรที่จะโลภไม่รู้จักพอ ข้าไม่ต้องการเงินค่ารักษาอะไรมากมาย นอกจากปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกชุดนี้แล้ว ข้าเพียงแค่อยากให้คุณชายกงรับปากข้าอีกหนึ่งเรื่องเท่านั้น”

วันนี้กงจี้อารมณ์ดี เขาเลิกคิ้วขึ้นและพูดกับนาง “เจ้าว่ามาสิ”

เจียงป่าวชิงพูดต่อ “ข้าอยากให้คุณชายกงเก็บเรื่องความสามารถในการฝังเข็มของข้าเป็นความลับ”

เจียงป่าวชิงคิดว่าตัวเองต้องใช้เวลาอธิบายความลำบากใจอยู่พอสมควร ฝ่ายนั้นถึงจะยอมรับปาก แต่ไม่คิดว่ากงจี้จะรับปากเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ขยับหัวคิ้วด้วยซ้ำ “ได้”

เจียงป่าวชิงเกือบจะสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่าอยู่รอมร่อ นางกะพริบตาปริบ ๆ มองกงจี้ทั้งอย่างนั้น “มะ… หมายความว่าเจ้าตกลงงั้นหรือ ?”

กงจี้รู้สึกโมโหต่อท่าทางที่เจียงป่าวชิงทำเหมือนไม่เชื่อในตัวเขา สีหน้าของเขาจึงแย่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาก็ผสมไปด้วยการเสียดสีเช่นกัน “หรือเจ้าหวังว่าจะไม่ใช่ล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงที่เข้าใจอารมณ์ร้ายของกงจี้รีบหุบปากลงทันที จากนั้นก็รีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ข้าทราบแล้ว” นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสให้กงจี้ “คุณชายกง เจ้าช่างเป็นคนดีจริง ๆ”

กงจี้ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ผ่านไปไม่นาน ไป๋จีก็ถือกล่องผ้าไหมยาวกลับเข้ามา จากนั้นเขาก็ส่งกล่องใบนั้นให้เจียงป่าวชิง “แม่นางเจียง ปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกอยู่ข้างในแล้ว นอกจากนี้ยังมีกระดาษสำรองอีกชุด เจ้าลองดูว่าพอหรือเปล่า”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “เพียงพอแล้ว ไปตลาดครั้งหน้า ข้าค่อยไปซื้อกระดาษที่ห้องหนังสือในอำเภอมาเพิ่มก็ได้”

กงจี้พูดขึ้น “ไม่ต้องหรอก ที่นี่มีกระดาษเยอะมาก เจ้ามาเอาได้ตามสบาย” เขาชะงักไปเล็กน้อย “แต่หักจากค่ารักษาของเจ้า”

เมื่อเจียงป่าวชิงได้ยินประโยคหน้า เดิมทีนางคิดจะปฏิเสธ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคหลังแล้ว ตาของนางก็เป็นประกายทันที นางรีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ได้เลย ข้าทราบแล้ว”

เจียงป่าวชิงกอดกล่องผ้าไหมกลับไปที่บ้านอย่างสุขใจโดยมีฝูฉูเป็นคนพาไปส่ง

ไป๋จีมองแผ่นหลังของเจียงป่าวชิงผ่านทางหน้าต่าง จากนั้นเขาก็พูดกับกงจี้ “นายท่าน หากว่าข้าน้อยพูดตรง ๆ โปรดนายท่านอย่าโกรธข้า”

กงจี้ส่งเสียง ‘หึ’ เบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องพูด”

สีหน้าที่อดกลั้นของไป๋จีแดงขึ้นนิดหน่อย ทำให้กงจี้ส่งเสียงหัวเราะเยาะแล้วมองไป๋จีทั้งอย่างนั้น ไป๋จีจึงกระแอมไอเล็กน้อย “อะแฮ่ม นายท่านขอรับ ดูเหมือนนายท่านจะดีกับแม่นางเจียงมากกว่าปกติอยู่สักเล็กน้อยนะขอรับ…”

กงจี้ไม่คิดว่าไป๋จีจะพูดเช่นนี้ เขาจึงชะงักไป ทว่าจากนั้นเขาก็พูดอย่างใช้ความคิด “ใช่รึ ?”

ไป๋จีพยักหน้าอย่างขึงขัง “ใช่ขอรับ”

กงจี้ขมวดหัวคิ้ว “แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกล่ะ ?”

“…” ไป๋จีหมดคำจะพูดทันที

……

ตอนที่เจียงป่าวชิงวางปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกลงบนโต๊ะเพื่อเอาให้เจียงหยุนชานดู เจียงหยุนชานก็ตกตะลึงไปทันที “ป่าวชิง นี่มัน…”

เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “พี่ นี่เป็นของที่ข้าแลกมาจากเงินค่ารักษาคนป่วยของข้า ซึ่งข้าได้มาอย่างถูกต้อง พี่อย่าเข้าใจข้าผิด”

เจียงหยุนชานอดที่จะหันไปมองบ้านข้าง ๆ อย่างเสียไม่ได้  ฝูฉูกำลังเดินจากในลานบ้านเข้าไปในบ้านพอดี แม้ว่าการแต่งกายของนางจะเรียบง่าย แต่ก็ยากที่จะปกปิดรูปโฉมที่งดงามของนางได้

เจียงหยุนชานตกตะลึงไปเล็กน้อย “นั่น… นางคือ…”

เจียงป่าวชิงมองตามสายตาของเจียงหยุนชาน จากนั้นนางก็ส่งเสียงอุทานนิดหน่อย “โอ้! นั่นคือแม่นางฝูฉู นางเป็นสาวใช้ของบ้านคุณชายกงเจ้าค่ะ”

เจียงหยุนชานพยักหน้า เขาเบนสายตากลับมาที่ปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกตรงหน้าเหมือนเดิม และเขายังคงรู้สึกลังเล “มันดูแพงเกินไป…”

เจียงป่าวชิงหยิบยกคำพูดเดิมของกงจี้มาพูด “คุณชายกงบอกว่าขาทั้งสองข้างของเขาเทียบไม่ได้กับสิ่งของธรรมดาเหล่านี้ ข้าลองคิดดูแล้วและคิดว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาพูด ข้าวิ่งไปรักษาขาให้คุณชายกงทุกวันและมันต้องใช้สมองอยู่พอสมควร นี่เป็นสิ่งของที่แลกมาด้วยงานที่ชอบธรรมของข้า พี่รับไว้เถอะนะ”

เจียงหยุนชานยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย “ป่าวชิง เจ้าเอาเงินพวกนี้ไปซื้อเครื่องสำอางของเด็กผู้หญิงดีกว่าอีก เหตุใดต้องแลกเป็นสิ่งของเหล่านี้ให้ข้าด้วยล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงเห็นเจียงหยุนชานไม่ยอมรับไปสักที นางจึงต้องขยับเข้าไปใกล้เขาและพูดกับเขาด้วยเสียงเบา “พี่หยุนชาน พี่ลองคิดดูสิว่าคุณชายกงคนนั้นมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ซึ่งถ้าข้าไม่หวังอะไรเลย เขาอาจจะคิดว่าข้ามีแผนการบางอย่างต่อเขาก็เป็นได้ และตอนนี้ที่ข้าเอาปากกา หมึก กระดาษและที่ฝนหมึก อย่างแรกก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาสงสัย อย่างที่สองคือข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาเงินของคุณชายกง ถ้าหากว่าเกิดเรื่องยุ่งยากอะไรขึ้นก็จะย่ำแย่เอาได้ สู้เอาสิ่งของจำพวกปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกมาชดเชยกับเงินค่ารักษาดีกว่า”

เจียงหยุนชานรู้สึกว่าที่น้องสาวพูดมานั้นก็สมเหตุสมผลอยู่พอสมควร แต่จากประสบการณ์ของเขา เขาก็พอที่จะรับรู้ได้ว่าปากกา หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกเหล่านี้เป็นสิ่งของล้ำค่า ซึ่งถ้าหากว่าเขาใช้มัน เขาก็อาจจะรู้สึกว่ามีอะไรแทงมืออยู่ตลอดเวลา…

เจียงหยุนชานพูดพลางฝืนยิ้ม “ป่าวชิง นี่ออกจะฟุ่มเฟือยไปสักหน่อย…”

เจียงป่าวชิงพูดข้างหูเจียงหยุนชานเสียงเบา “พี่ใช้อันนี้เถอะ พี่ไม่ต้องห่วง วันข้างหน้าเราจะต้องดีขึ้นเท่านั้น”

เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของน้องสาว เจียงหยุนชานก็ไม่สามารถปฏิเสธเพื่อโจมตีความกระตือรือร้นของน้องสาวของเขาได้อีกต่อไป

เจียงหยุนชานจึงพยักหน้าอย่างขึงขัง “ข้ารู้แล้ว”

อันที่จริง คำพูดที่เจียงป่าวชิงพูดก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่เลื่อนลอยอะไร เพราะเมื่อวาน นางก็คิดหาวิธีทำเงินได้แล้ว  ตอนที่นางดึงเข็มให้กงจี้ในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ นางเปิดตำราแพทย์ของที่นั่นดู และต้องตกใจเมื่อพบว่าตำราแพทย์ของที่นี่มีใบสั่งยาจำนวนไม่น้อยที่ค่อนข้างจุกจิกวุ่นวายเกินเหตุ ซึ่งเครื่องปรุงยาหลายชนิดในใบสั่งยาก็อาจพูดได้ว่าไม่มีประโยชน์และสามารถขจัดออกได้โดยสิ้นเชิง

ถ้าหากว่าเชื่อมต่อกับประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่รักษาอาการเหงื่อเหลืองให้เฟิ่งเอ๋อร์ รวมถึงอาการประจำเดือนมาไม่ปกติของฉือเชียนเชียน เจียงป่าวชิงคิดว่านางเหมือนจะหาวิธีที่จะเลี้ยงดูครอบครัวในยุคสมัยนี้ได้แล้ว

ข้อได้เปรียบของนางคือนางรู้วิธีใช้เครื่องปรุงยาในปริมาณที่น้อยและไม่ซับซ้อน ในการคิดหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าในที่สุดนางก็พบวิธีทำให้ตัวเองร่ำรวยขึ้น โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับวิธีการฝังเข็มของนางแล้ว …นั้นก็คือการประดิษฐ์ยา

ใบสั่งยาบางตัวที่เจียงป่าวชิงชำนาญนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีที่อยู่ในตำราแพทย์ของต้าหลงในปัจจุบันเสียอีก นางสามารถประดิษฐ์ยารักษาโรคทั่วไปได้โดยใช้ใบสั่งยาของตัวเอง และแน่นอนว่ามีลู่ทางสำหรับการขายแบบสำเร็จรูปอีกด้วย

เจียงป่าวชิงคิดว่าถึงตอนนั้น นางจะต้องทำการปรึกษากับหมอเกิ่งหรือเกิ่งจื่อเจียงเสียแล้ว