รวบรวมกำลังคน โดย ProjectZyphon

ชั้นสองของห้องหนังสือ ณ ภูเขาชำระจิต

สถานะที่เปลี่ยนไปทำให้หลินสวินเงียบ

เสี่ยวเคอมองไปที่เด็กหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลาอายุสิบกว่าปีด้วยความเป็นห่วง และอดเหลือบมองพญาแร้งไม่ได้

พญาแร้งส่ายหัว บอกกลายๆ ว่าหากอยากสวมมงกุฎราชา ก็ต้องแบกรับหน้าที่ให้ได้ เด็กหนุ่มต้องปรับตัวให้ชินกับสถานะเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อน หรือตัวคนเดียว หลินสวินไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรแบกรับ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาอยากปกครองภูเขาชำระจิต ก็จำต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ผ่านไปนานทีเดียว หลินสวินถึงรวบรวมลมหายใจ นัยน์สีตาดำล้ำลึกกลับมาราบเรียบ “ขอบคุณท่านทั้งสองที่ตักเตือน”

พญาแร้งยิ้มบาง ส่วนเสี่ยวเคอชะงัก รู้สึกได้ว่าหลินสวินเปลี่ยนไป แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปตรงไหน

“ตอนนี้ข้ามีสองเรื่องต้องทำ” หลินสวินกล่าวอย่างฉะฉาน “หนึ่ง รวบรวมกำลังคน ไม่ใช่รวบรวมบ่าวไพร่ แต่รวบรวมคนมีความสามารถ”

“สอง ข้าต้องการข้อมูลของตระกูลหลินสายรองทั้งสี่โดยละเอียด ข้าอยากรู้ว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรกับการกลับมาของข้า” เด็กหนุ่มว่าจบก็มองไปที่พญาแร้ง

พญาแร้งใคร่ครวญสักพัก แววตามีแววปราดเปรื่อง ว่าเสียงเรียบ “เรื่องที่สองจัดการง่ายหน่อย ให้เสี่ยวเคอจัดการก็แล้วกัน”

เสี่ยวเคอที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า “แค่สืบข่าวเท่านั้น ให้ข้าจัดการก็พอ”

“ข้ามีข้อแม้เรื่องรวบรวมกำลังคน คนมีความสามารถมีหลายแบบ เจ้าต้องการคนลักษณะใดเล่า” พญาแร้งพูดต่อ

หลินสวินไม่ลังเล “พลังการต่อสู้มากน้อยไม่เป็นไร แค่ซื่อสัตย์ก็พอ”

“เช่นนั้นก็ง่ายดายนัก แต่ก่อนจัดการเรื่องนี้ เจ้าต้องจัดการปัญหาบางอย่างก่อน” หลังจากส่ายหน้าแล้ว พญาแร้งก็กล่าวต่อ

เด็กหนุ่มชะงักงัน “อะไรหรือขอรับ”

“เงิน”

ได้ยินดังนั้นแล้ว หลินสวินก็เงยหน้าขึ้น เขาลืมไปเสียสนิท ยามนี้ภูเขาชำระจิตอัตคัดขัดสนนัก แน่นอนว่าไม่มีกำลังทรัพย์จะไปรวบรวมกำลังคนมาจากที่ใด

“ข้าจัดการเอง” หลินสวินหยัดกายลุก ตั้งใจจะไปอัครการค้าในนครต้องห้าม

“หากอยากได้คนเก่งที่เชื่อถือได้ ก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็ต้องห้าหมื่นเหรียญทอง และหากภายหลังพวกเขาทำงานให้ภูเขาชำระจิตแล้ว ก็ยังมีค่าอยู่อาศัยที่ต้องให้เจ้าดูแล” พญาแร้งเอ่ยเตือน

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก” หลินสวินยิ้ม

“ข้าจะรอดู” พญาแร้งยิ้มน้อยๆ เขาประหลาดใจว่าหลินสวินจะไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากที่ไหน

“คุณชาย มีเรื่องหนึ่งที่บ่าวไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่” หลังออกมาจากห้องหนังสือ หลินสวินเดินลงมาใต้เขา จู่ๆ กลินจงก็โพล่งขึ้นมาระหว่างทาง ท่าทีลังเล

“ลุงจง มีอะไรหรือ” หลินสวินหยุดเดิน ก่อนจะมองไปที่หลินจง

“ถ้าบ่าวมองไม่ผิด พญาแร้งที่ท่านเชิญมามีสถานะค่อนข้างพิเศษนะขอรับ” หลินจงพูดเสียงเบา

หลินสวินชะงัก “พิเศษอย่างไร”

หลินจงลังเลอยู่นาน สุดท้ายจึงถอนหายใจว่า “คุณชาย บ่าวไม่แน่ใจ แต่ว่าบ่าวมองออกว่าเขาโดนพิษที่ชื่อว่ามารพบเคราะห์”

“มารพบเคราะห์หรือ” หลินสวินสงสัย

“ใช่แล้วขอรับ พิษนี้ลี้ลับนัก ว่ากันว่าเป็นของต้องห้ามมาจากจักรวรรดิมืด หากผู้มีปราณต่ำกว่าระดับสังสารวัฏโดนเข้าจะคล้ายธาตุมารแทรก อย่างเบาปราณจะถูกระงับ ไม่สามารถบำเพ็ญต่อได้อีกทั้งชีวิต อย่างหนักร่างกายจะถูกแผดเผาจนแหลกสลาย”

บ่าวชรากระซิบ “บ่าวว่าพญาแร้งคนนั้นต้องพิษนี้อย่างแน่นอน”

เด็กหนุ่มตกใจ ไม่คิดว่าหลินจงจะมองความลับที่เสี่ยวเคอบ่ายเบี่ยงมาตลอดออกในพริบตาเดียว

“พิษนี้มีทางแก้หรือไม่” หลินสวินถาม

หลินจงส่ายศีรษะ “ทั้งจักรวรรดิไม่มีใครสามารถรักษาพิษนี้ได้ เพราะพิษชนิดนี้ร้ายแรงมาก แม้ในจักรวรรดิมืดก็ถือว่าเป็นของต้องห้าม ในเมื่อพญาแร้งโดนพิษชนิดนี้ สถานะของเขาต้องพิเศษมากๆ”

หลินสวินได้ยินดังนั้นก็ยากสงบใจ “ลุงจง ท่านรู้จักพิษชนิดนี้ได้อย่างไร”

ฝ่ายหลินจงชะงัก ตอบคลุมเครือ “บ่าวเคยได้ยินมาเท่านั้น”

หลินสวินมองหลิงจงด้วยดวงตาสีดำล้ำลึก ไม่ได้พูดอะไร

แต่ก่อนออกจากภูเขาชำระจิตไป เด็กหนุ่มพลันหันกลับมาเอ่ย “ลุงจง เสิ่นจิงหลุน ทั่นฮวาม้าขาวเมื่อสิบหกปีก่อนใช่ท่านหรือไม่”

หลินจงตัวแข็ง คล้ายไม่ทันตั้งตัว

เด็กหนุ่มยิ้มพร้อมกับโบกมือ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดหรอก หากมีโอกาส ท่านค่อยบอกข้าด้วยตนเองก็ไม่สาย”

หลังมองส่งหลินสวินจากไปแล้ว หลินจงก็มีท่าทางซับซ้อน ก่อนจะถอนหายใจ ปิดประตูเชื่อมระหว่างภูเขาชำระจิตกับโลกภายนอก แล้วร่างผอมหลังงองุ้มก็เดินจากไป

การตามหาอัครการค้าในนครต้องห้ามนั้นง่ายนัก ด้วยเพราะอยู่ใจกลางเมือง

ที่นี่คือสถานที่เจริญที่สุดของนครต้องห้าม หากไม่มีอำนาจและสินทรัพย์มากพอ ก็ไม่มีทางจะตั้งรกรากอยู่ตรงนี้ได้

ที่นี่ มีสถานที่นัดหมายพบประขึ้นชื่ออย่างหอสุรานัดสหาย

มีโรงฝึกยุทธ์ที่เก่าแก่ที่สุดอย่างสนามประลองยอดยุทธ์

มีแหล่งละลายทรัพย์ที่ผู้ฝึกปราณปรารถนาจะได้ย่างกรายเข้าไปที่สุดอย่างหอสรวญทรัพย์

และแหล่งรวมของมีค่าจากทั่วสารทิศอย่างอัครการค้า

ยามเที่ยงคล้อย รถม้าคันหนึ่งเข้ามาหยุดหน้าประตูใหญ่ของอัครการค้า

ครั้นหลินสวินก้าวลงจากรถม้า เขามองเห็นสถานที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจนต้องหรี่ตา ด้วยครองพื้นที่หลายหมู่ สูงประมาณร้อยจั้ง สิ่งก่อสร้างใสกระจ่างเหมือนทำจากผลึกแก้ว พาให้สะท้อนแสงแดดประกาย หากมองจากบนฟ้าก็จะพบว่าทั้งอัครการค้าเหมือนวังใต้บาดาล ทอประกายแสงระยิบระยับแสบตา

งดงาม หรูหรา ตระการตา คล้ายภวังค์ฝัน

ที่แห่งนี้คือสำนักงานใหญ่ของอัครการค้า ถูกขนานนามว่างดงามที่สุดในจักรวรรดิ

เมื่อหลินสวินมาถึง อัครการค้าคึกคักด้วยผู้คนหลากหลายรูปลักษณ์ มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้เฒ่า มีทั้งหนุ่มสาวมากหน้าหลายตา

ในสองปีนี้หลินสวินผ่านโลกมาเยอะมาก แต่เมื่อหยุดอยู่หน้าสำนักงานใหญ่ของอัครการค้าก็ยังต้องตะลึง

นี่คืออัครการค้า ไม่รู้ว่าโถงทองคำจะต้องพยายามเพรยงใดถึงจะประสบความสำเร็จได้เช่นนี้

หลินสวินก้าวเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล

ภายในของอัครการค้ากว้างขวางคล้ายพระราชวัง ทุกที่มียาลูกกลอน ของล้ำค่า สิ่งของวิญญาณ ผู้ฝึกปราณมากมายเดินขวักไขว่ ทว่าไม่ทำให้สถานที่นี้แน่นขนัดแต่อย่างใด

แม้ชุดที่หลินสวินสวมใส่จะธรรมดา และถึงจะมีท่าทีเรียบนิ่งกับหน้าตาที่ไม่นับว่าโดดเด่น แต่การวางตัวของเขาก็ไม่ทำให้โดนดูถูกหรือเมินเฉย

ไม่นานสาวรับใช้ก็เข้ามารับรอง

“ข้าต้องการพบสืออวี่” หลินสวินบอกออกไป

“หือ ใครนะเจ้าคะ” สางรับใช้หน้าตาสะสวยชะงัก

“คุณชายสามของอัครการค้า” หลินสวินว่า

สาวรับใช้มุ่นคิ้ว ไม่รับปาก “ขออภัยค่ะ ความต้องการของคุณชายยากเกินไป ในแต่ละวัน มีคนมากมายต้องการพบคุณชายสาม หากท่านไม่มีการรับรองเกรงว่า…”

ไม่ต้องพูดจบหลินสวินก็เข้าใจ พลางหยิบแผ่นป้ายส่งให้ สาวรับใช้เห็นแล้วตาโตด้วยความตกใจ “นี่มัน…แผ่นป้ายประจำตัวของคุณชายใหญ่นี่เจ้าคะ”

หลินสวินว่า “ใช่แล้ว แต่ข้าอยากพบคุณชายสามสืออวี่ ไม่ใช่คุณชายใหญ่สือซวน”

สายตาที่หญิงรับใช้มองหลินสวินเปลี่ยนไป มีความนอบน้อมมากขึ้น “คุณชายรอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าต้องไปเรียนให้ผู้ใหญ่ทราบก่อน”

เด็กหนุ่มพยักหน้า

สาวรับใช้รีบจากไป ไม่นานนางก็พาชายวัยกลางคนคล้ายคนดูแลมาด้วย

“ข้าหลูชวน คารวะคุณชาย ไม่ทราบว่านามของท่านคือ” ชายวัยกลางคนประสานมือยิ้ม

“หลินสวิน” หลินสวินบอกชื่อตัวเองไป

“ที่แท้ก็คุณชายหลินสวิน เชิญขอรับ” หลูชวนนำหลินสวินมาที่หน้าห้องหรูหราทรงโบราณ

หลูชวนอธิบาย “คุณชายหลินคงจะไม่ทราบ คุณชายสามของข้ากำลังจัดการสะสางธุระอยู่ อีกเดี๋ยวข้าไปรายงานให้คุณชายสามทราบ เชิญคุณชายหลินรออยู่ที่ห้องนี้ก่อน”

หลินสวินร้องรับ ก่อนจะพยักหน้า “รบกวนแล้ว”

ครั้นหลูชวนจากไป หลินสวินก็เข้าไปรอในห้อง

เด็กหนุ่มแปลกใจที่ในห้องมีคนนั่งรออยู่แล้วหลายคน มีทั้งหญิงและชาย ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกปราณ

เมื่อเห็นหลินสวิน ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นก็มองมา หลังจากเห็นว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีในชุดเสื้อผ้าปอนๆ ก็ละสายตาออกไป

“มีคนมาเข้าพบคุณชายสามอีกแล้ว”

“เฮ้อ ข้ามารออยู่เป็นเดือนแล้วก็ยังได้แต่นั่งรอ ไม่เคยโดนคุณชายสามเรียกพบเลยสักครั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”

“เจ้ามาแค่เดือนเดียว ข้ามาครึ่งปีแล้วก็ยังไม่เคยเจอหน้าคุณชายสามเลย”

“บ่นแล้วได้อะไร คุณชายสามเป็นถึงบุตรของเทพเศรษฐี ได้รับความรักเอ็นดูจากเทพเศรษฐี บุคคลเช่นนี้ไม่ใช่ว่าอยากพบก็จะได้พบหรอกนะ”

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นสนทนากัน บางคนถอนหายใจ บางคนคร่ำครวญ บ้างก็ฝืนยิ้ม

หลินสวินถึงรู้ว่า คนในห้องนี้ล้วนมีจุดหมายเดียวกันกับเขา ทำเอาเด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ดูท่าแล้ว จะพบหน้าสืออวี่คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

“ช่างเถิด ในเมื่อมาแล้วก็รอไปก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เปลี่ยนร้านก็ได้” หลินสวินคิดในใจ หาที่ว่างนั่งรอ

เขามาขายของสกปรกอย่างอาวุธที่ได้จากการต่อสู้ แลกเป็นเงินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรวบรวมกำลังคน