ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงตอนนี้ คุณบรูชนั้นนอกจากจะชมโปรเจคนี้ ก็ยังพูดชม ไม่ว่าจะการออกแบบ ควบคืบหน้าของการผลิต จนได้ตัวอย่างออกมาเร็วกว่าที่คิด เขานั้นพอใจมาก
“แล้วเตรียมที่จะเปิดตัว ?”ฮ่อหยันเอนหลังลงแล้วเอ่ยปากถาม
“คุณบรูชนั้นพอใจกับตัวอย่างมาก รอให้ถ่ายโฆษณาเสร็จ ฉันจะจัดงานแถลงข่าว เชื่อเมื่อถึงตอนนั้นจะต้องได้รับผลตอบรับดีมากแน่ “หน้าของซูฉิงยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
“น้ำแข็และไฟ”ตั้งแต่การออกแบบจนมาถึงการผลิตล้วนเป็นเธอที่รับผิดชอบเข้ามาติดตามความคืบหน้า ซูฉิงเชื่อมั่นว่า ตามความสามารถของเธอแล้วจะต้องทำให้”น้ำแข็งและไฟ”ดังเป็นพลุแตกแน่
ฮ่อหยุนเฉิงส่งเสียงขรึม “แล้วแบรนด์แอมบาสเดอร์ล่ะหารึยัง”
แบรนด์แอมบาสเดอร์งั้นหรอ?
ซูฉิงตากระตุก ที่ฮ่อหยุนเฉิงเรียกเธอมา คงไม่ใช่ว่าจะถามเธอเรื่องที่ว่าทำไมถึงเอาแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นเฉินจุนเหยียนหรอกนะ!
เธอคิดสงสัยอยู่สักพักก็เอ่ยปากพูด”ดาราหญิงเป็นดาราใหม่ คือแอนนี่ เป็นแฟนของคุณบรูช ส่วนดาราชายที่หามาได้คือ…..เฉินจุนเหยียน”
ฮ่อหยุนเฉิงที่พอใจยินชื่อเฉินจุนเหยียนใบหน้าก็เคร่งขรึม
“เฉินจุนเหยียน?” ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาลงแววตาสีหน้านิ่งขรึม “ซูฉิงเธอตั้งใจใช่มั้ย ที่จะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน”
ผู้หญิงคนนี้ใจร้ายใจดำขนาดนี้เลย
กล้าที่จะเอาเฉินจุนเหยียนมาเป็นแอมบาสเดอร์หรอ
คิดที่จะสานสัมพันธ์กับชายอื่นอย่างเปิดเผยต่อหน้าเขางั้นหรอ
ซูฉิงนวดตรงขมับ รู้สึกเริ่มจะหมดความอดทน
เธอรู้ตั้งแตกแรกแล้วว่าฮ่อหยุนเฉิงจะต้องมีท่าทีอย่างนี้
เห็นสายตาเย็นชาของเขา ซูฉิงก็เอ่ยเสียงเบาว่า”ฮ่อหยุนเฉิง ในหัวของนายมีแต่ความคิดสกปรกรึไง ที่ต้องเอาเฉินจุนเหยีนมาเป็นแอมบาสเดอร์นั้นเพราะเป็นการตัดสินใจของคุณบรูช หรือว่าพวกเราไม่ควรที่จะทำตามความต้องการของลูกค้าให้ลูกค้าพอใจหรอ และยิ่งกว่านั้น เฉินจุนเหยียนไม่ดียังไง ทั้งรูปร่างหน้าตา หุ่นก็ดี มีชื่อเสียงอีกต่างหาก ฉันคิดว่า เลือกเขาเหมาะสมที่สุดแล้ว”
ใบหน้าแข็งกร้าวของฮ่อหยุนเฉิงที่แสดงสีหน้าโกรธ
ในความคิดของซูฉิง เฉินจุนเหยียนเพอร์เฟคขนาดนั้นเลยหรอ
เขาลุกขึ้นแล้วก็ก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหาซูฉิง”ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่เธอชอบเฉินจุนเหยียนงั้นหรอ”
ซูฉิง:???
เธอไปชอบเฉินจุนเหยียนตั้งแต่เมื่อไหร่!
“ฮ่อหยุนเฉิง ตอนนี้พวกเรากำลังคุยเรื่องงานกันอยู่นะ”ซูฉิงไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว “ถ้าหากว่าไม่มีธุระอื่นแล้ว ฉันของตัว”
เพื่อที่จะไม่เจอกับความประหม่าเมื่อเจอหน้ากับฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงเลยตัดสินใจทำงานล่วงเวลา
เวลาค่ำมืดดึกดื่น แผนกเลขาเหลือเพียงซูฉิงที่กำลังทำงานอยู่คนเดียว
ซูฉิงที่กำลังแก้ไขกำหนดการเทสหน้ากล้องพรุ่งนี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นคุณปู่โทรมา
ซูฉิงกดรับสาย “คุณปู”
“หลานรัก ทำไมไม่โทรมาหาปู่เลยล่ะ สบายดีไหม “น้ำเสียงสบายของคุณปู่ซู ดังตามสายมา
ซูฉิงก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ
ใช่แล้ว เธอไม่ได้โทรหาคุณปู่เลย
“คุณปู่คะ หนูสบายดีค่ะ เพียงแต่ว่าช่วงนี้งานยุ่งมาก “ซูฉิงยิ้มตอบ
“ยุ่งก็ดี “คุณปู่ซูหัวเราะออกมา “เป็นไงบ้าง หลานเขยที่ปู่หามาไม่เลวใช่มั้ย”
“คุณปู่หมายถึงฮ่อหยุนเฉิงหรอคะ “ซูฉิงเม้มปากถาม แล้วก็พูดอ้อน”คุณปู่คะ คุณปู่หามายังไงเนี่ย ผู้ชายคนนี้ทั้งใจแคบ เจ้าอารมณ์ อารมณ์ไม่คงที่ ชอบรังแกคนอื่น”
“ยังมีคนกล้ารังแกเธออีกหรอ ไม่เลวๆ “คุณปู่ลูบเคราแล้วก็พูดอย่างจริงจังว่า”หลานรัก อยู่กับหยุนเฉิงดีๆ นะ เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง ปู่มองคนไม่ผิดหรอก”
คุณปู่พูดจบก็กดวางสายไป
ซูฉิงที่ได้แต่ฟังจนได้ยินเสียงดังตุ๊ดๆ แสดงว่าปลายสายกดวางสายไปแล้ว
ก็ไม่รู้ทำไมคุณปู่ถึงได้มองฮ่อหยุนเฉิงในแง่ดีนัก
ผู้ชายคนนี้เอารมณ์ไม่คงที่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทำให้คนคาดเดาไม่ออกเลย
เธอไม่อยากให้สามีในอนาคตต้องมาเป็นคนไม่ปกติเหมือนชาวบ้านเขา
ซูฉิงที่จะเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีเงาคนอยู่ตรงหน้า เธอก็มองไป และก็เป็นเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏต่อหน้าเธอ
เป็นผู้ชายสวมชุดสูทสีดำกลืนไปกับความมืด ตัวสูงใหญ่ของเขายืนพิงอยู่ที่กำแพง กระดุมถูกปลดลงมาสองเม็ด เผยให้เห็นหน้าอดแน่น ๆ ที่โผล่ออกมา
ซูฉิงมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความตกใจ
ฮ่อหยุนเฉิง?
เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวดเป็นปม แผ่รังสีเย็นเยือกออกมา ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดฮวบลงไปเป็นศูนย์แล้ว
ใจแคบ นิสัยแย่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชอบรังแก……
นี่คือสิ่งที่ซูฉิงให้ความคิดเห็นต่อเขางั้นหอ?!
ในสายตาของคนอื่น เขานั้นเป็นเจ้าชายที่อยู่สูงส่ง เป็นบุตรแห่งฟ้าผู้ทะนง ทำให้คนอยากอยู่ด้วย
แล้วทำไมในสายตาของซูฉิง ล้วนไม่มีอะไรดีเลย
เขามีตรงไหนสู้เฉินจุนเหยียนไม่ได้บ้าง
“ฮ่อหยุนเฉิง นายมาได้ยังไง “ซูฉิงลุกขึ้น มองดูผู้ชายที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ด้วยความตกใจ
ที่เธอคุยกับคุณปู่เมื่อกี้ไม่รู้ว่าเขาได้ยินทั้งหมดมั้ย
เชื่อเลยจริงๆ…….
ไอ้คนใจแคบนี่ต้องได้ยินหมดแล้วแน่ ไม่งั้นคงไม่ทำท่าทางโกรธอย่างนี้แน่
ฮ่อหยุนเฉิงกลับพูดเสียงเรียบว่า”กลับกันเถอะ”
กลับ?
ฮ่อหยุนเฉิงหมายความว่ายังไง
ให้เธอกลับบ้านไปพร้อมกับเขางั้นหรอ
นึกถึงเรื่องน่าอายวันนั้น ซูฉิงก็รีบส่ายหน้า “นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันยังต้องทำงาน คืนนี้คงไม่กลับแล้ว”
“เธอลืมไปแล้วหรอว่าเธอน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าหากเป็นลมขึ้นมาจะทำไง ฉันคงไม่อยากจะหามเธอส่งโรงพยาบาลยามดึกดื่นอีกหรอกนะ “ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ผู้หญิงคนนี้เพื่อที่จะหลบเขา จนต้องทำงานล่วงเวลา แม้แต่สุขภาพตนเองก็ไม่สนใจหรอ
เธอไม่อยากจะเจอเขาจริงๆ หรอ
ซูฉิงที่ได้ยินฮ่อหยุนเฉิงพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก ก็รู้สึกประหม่า “จะเป็นลมง่ายๆ ได้ยังไงกัน ครั้งนั้นก็แค่อุบัติเหตุเฉยๆ หรอก นายอย่าพูดถึงเรื่องวันนั้นอีกได้มั้ย”
“รีบไปเถอะ!”ฮ่อหยุนเฉิงก้มหน้าลงมองเวลา ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว คิ้วขมวดพูด”ในฐานะเจ้านาย ฉันสั่งเธอว่าตอนนี้ให้กลับบ้าน”
น้ำเสียงทรงพลังอำนาจ ทำให้คนไม่กล้าขัดได้
โอเค……
ที่ซูฉิงทำงานล่วงเวลาก็เพื่อที่จะหลบหน้าฮ่อหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงทำท่าทางเหมือนกับว่าถ้าเธอไม่กลับเขาก็ไม่กลับ งั้นซูฉิงก็ไม่จำเป็นต้องทำงานต่อแล้ว
ฝนที่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว
ซูฉิงนั่งอยู่บนรถของฮ่อหยุนเฉิง มองน้ำฝนที่ตกลงมากระทบกับกระจกรถ ที่ปัดน้ำฝนก็กำลังทำงานอยู่ ความคิดก็เตลิดไปไกล
เธอมาอยู่ที่เมืองa ใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าในเมื่อรับปากคุณปู่ไว้แล้ว ว่าสามเดือนนี้ทำย่างนี้ ถึงยังไงเธอกับฮ่อหยุนเฉิงต่างก็เกลียดขี้หน้ากัน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนไปในทิศทางที่เธอคาดไม่ถึง
ตอนที่ฮ่อหยุนเฉิงทำเพื่อเธอเกินที่ตกลงกันไว้ บางครั้งเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เผยความแข็งแกร่งออกมา โดยไม่สนอะไร บางครั้งก็เป็นห่วงเธอ
ครั้งที่แล้ว ตอนที่เซี่ยซิงซิงจะแทงเธอ ฮ่อหยุนเฉิงก็เอาตัวเข้ามาบังเธอไว้โดยไม่คิดถึงตัวเองเลย
และวันนี้ ฮ่อหยุนเฉิงกลัวว่าเธอเหนื่อยที่ต้องทำงานล่วงเวลา เลยมาบังคับให้เธอกลับบ้าน
ถึงแม้ว่าเขาจะมีท่าทีบังคับ แต่อย่างนี้ก็ไม่ใช่เป็นความเป็นห่วงแบบหนึ่งหรอ
แล้วเขามาเป็นห่วงเธอทำไมกัน
หรือเป็นเพราะว่าเธอเป็นคู่หมั้นในนามของเขาเท่านั้นหรอ
แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยนะ
ซูฉงที่มองคนออกมาตลอด แต่เวลานี้ เธอกลับมองผู้ชายข้างๆ ไม่ออก
ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หลังจากสามเดือน เธอจะสามารถยกเลิกงานแต่งกับฮ่อหยุนเฉิงได้ง่ายๆ จริงๆหรอ
ซูฉิงแอบชำเลืองมองฮ่อหยุนเฉิงก็เห็นเขาทำหน้าเคร่งขรึม มือกำพวงมาลัยแน่น ตั้งใจขับรถ แววตาจดจ้องไปทางข้างหน้า
ในรถทั้งสองคนไม่มีใครเอ่ยปากพูด ทำให้รถที่แคบอยู่แล้ว ยิ่งเงียบยิ่งทำให้รู้สักหายใจไม่ออก
ซูฉิงหลับตา ทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวัน ก็รู้สึกล้าจริงๆ
และหล่อนที่จะหลับเพื่อพักสายตา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกของฮ่อหยุนเฉิง”ซูฉิง ฉันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”