ตอนที่ 51 น้ำป่า

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 51 น้ำป่า

ฝนยังคงกระหน่ำตกอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

ฟู่เสี่ยวกวนได้มาถึงเรือนซีชานเป็นวันที่สามแล้ว ฝนก็ยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง

ราวกับสวรรค์ถูกเจาะเป็นรู และมีน้ำไหลลงมาอย่างบ้าคลั่ง แทบจะมิมีโอกาสหยุดพัก

ในวันรุ่งขึ้นฟู่เสี่ยวกวนได้ไปที่ทุ่งนาอีกครา หนนี้เขาพาคนไปมากมาย เพื่อสร้างเพิงให้กับป้ายจึเหล่านั้น เพื่อที่จะทำให้หวางเอ้อและคนอื่น ๆ ปลีกตัวออกมาได้

แต่หวางเอ้อและคนอื่น ๆ ก็มิยอมผ่อนปรน คอยเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าทุ่งนาเหล่านั้นจะถูกพายุฝนพัดไปหรือไม่ และเพิงเหล่านั้นจะถล่มลงมาหรือไม่

ในวันนี้ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ที่ชั้นสองและกำลังเขียนเกี่ยวกับการจัดตั้งกองคาราวานซีชาน เพราะต้องไปเขตเหยาเพื่อขนกากแร่ จำต้องใช้รถม้าและเกวียนเป็นจำนวนมาก คิดมาคิดไป เขาก็รู้สึกว่าต้องจัดตั้งกองคาราวานของตนเองขึ้นมา

ในขณะนั้นเอง ชุนซิ่วก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีลนลาน

“คุณชายเจ้าคะ แย่แล้ว ! หมู่บ้านหวังเจียชุน หมู่บ้านหวังเจียชุนถูกน้ำท่วมเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ ! ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนผุดลุกขึ้น และปรี่ลงจากจวนไปในทันที

หมู่บ้านหวังเจียชุนตั้งอยู่ที่ภูเขาไต้ชานและอยู่ข้าง ๆ แม่น้ำไป๋สุ่ย มีทั้งหมด 28 ครัวเรือนมีชาวบ้านอาศัยอยู่ทั้งหมด 170 คน ชุนซิ่วกล่าวว่าหมู่บ้านหวังเจียชุนถูกน้ำเข้าท่วมแล้ว… แต่ก็ยังหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย

ฟู่เสี่ยวกวนเรียกหาทหารยามและคนงานทั้งหมดทันที คนหลายร้อยคนวิ่งตรงไปทางหมู่บ้านหวังเจียชุน

ระดับในแม่น้ำไป๋สุ่ยขึ้นสูง แทบจะเลยสะพานหินขึ้นไป ทันทีที่ข้ามสะพานหินมาได้ก็ได้ยินเสียงตะโกนแว่วดังท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง

มันคือน้ำป่า

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนพาทุกคนข้ามผ่านแม่น้ำไป๋สุ่ย ก็พบกับโศกนาฏกรรมที่เกิดจากภัยพิบัติในครานี้

 “ช่วยคน ไปเร็ว ทั้งหมดเข้าไปช่วยชาวบ้านให้ข้า ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนคำรามลั่นท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ ซูม่อปรี่เข้าไปเป็นคนแรก และฟู่เสี่ยวกวนก็ตามหลังไปติด ๆ

ภูเขาไต้ชานมิได้สูง พืชพันธุ์บนภูเขาก็หาได้ยากยิ่ง หินและดินบนภูเขาก็ไม่แน่นพอ ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำลงมาหลายวัน บนยอดเขาจึงมีน้ำสะสมเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นทะเลสาบ หลังจากนั้นก็พังทลายลงมาจากภูเขา ไหลเทลงมาตลอดทาง หมู่บ้านหวังเจียชุนแทบจะถูกกวาดจนราบเรียบ

บ้านลูกสะใภ้ของหวางเฉียงที่อยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้านมิได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ฟู่เสี่ยวกวนมิรู้จักนามของสตรีผู้นั้นจึงตะโกนเรียกชื่อหวางเฉียงดังลั่นท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ

ใจฟู่เสี่ยวกวนราวกับถูกมีดกรีด คนหลายร้อยคนเริ่มลงมือตามหาผู้คนในหมู่บ้านที่ถูกโคลนทับถม

หวางเอ้อที่ออกลาดตระเวนอยู่ในทุ่งนาก็ได้ยินว่าน้ำป่าไหลหลากจึงวิ่งกลับมาเช่นกัน เหม่อมองไปทางภูเขาโคลนสีเหลือง ชายร่างกำยำมิได้หลั่งน้ำตา เพียงแต่เขาใช้มือขุดในตำแหน่งบ้านของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากนั้นเขาก็ขุดออกมาได้หนึ่งคน นั่นคือแม่ยายของเขา สตรีที่มีความสามารถจัดการงานบ้านได้เป็นอย่างดี

 “ช่วย… ช่วย… ช่วยลูกข้า!”

หญิงสาวยังมิตาย ฟู่เสี่ยวกวนรีบปรี่เข้าไปและตะโกนเสียงดัง “อุ้มนางออกไป ล้างโคลนในปากออกให้สะอาด เร็วเข้า!”

หลายร้อยคนต่างก็ใช้มือกวาดโคลนและย้ายหินออกเยี่ยงนี้ มีคนได้รับความช่วยเหลือและถูกส่งออกไป หวางเฉียงเองก็ถูกขุดออกมาด้วย และในตอนนี้ลมหายใจของเขาก็รวยรินแล้ว

 “หวางเฉียง ข้าคือคุณชาย ข้าขอสั่งให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ ได้ยินหรือไม่ ! ”

ฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องได้ชำระล้างโคลนบนใบหน้าของเขา เขาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก และฉีกยิ้มขึ้นมา “ข้า ได้ยินแล้ว… ข้ายังต้อง… ปกป้อง.. ป้ายจึเหล่านั้น… ป้ายจึเล่า”

 “ดี เจ้าคือลูกสะใภ้ของหวางเฉียงใช่ไหม? เจ้าไปกับเขา ดูแลเขาให้ดี ห้ามให้ผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย!”

เหตุเพราะคนของเรือนซีชานมาถึงกันอย่างรวดเร็ว คนมากมายในหมู่บ้านหวังเจียชุนจึงได้รับความช่วยเหลือในทันที การค้นหายังคงดำเนินไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากการตรวจสอบคราสุดท้าย 170 คน เสียชีวิตไป 15 คน และสูญหาย 8 คน

ทุกคนถูกเคลื่อนย้ายไปยังเรือนซีชาน ภายใต้คำสั่งของฟู่เสี่ยวกวน ห้องที่ยังว่างอยู่ภายนอกตัวเรือนทุกห้องถูกทำความสะอาด และใช้เป็นที่พักพิงแก่ผู้ประสบภัย

มอบเรื่องไว้ให้จางเช่อ ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวกับจางเช่ออย่างเคร่งเครียดว่า เชิญหมอทั้งหมดในหมู่บ้านเซี่ยชุนมาให้ข้า ต่อแต่นี้ไปนี่จะเป็นบ้านของพวกเขา จนกว่าหมู่บ้านหวังเจียชุนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ อย่าลืมดูแลเรื่องอาหารการกินของพวกเขาด้วย หากขาดแคลนเสื้อผ้าให้ส่งคนไปซื้อที่หลินเจียง หลังจากที่ทำงานสำเร็จแล้ว ก็บรรเทาความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียบ้านเหล่านั้น หากมีเด็กกำพร้า ให้ลงนามไว้ และรับเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมซีชาน

จางเช่อย่อมมิกล้าคัดค้าน เขาจึงทำไปตามความเหมาะสม

เพียงแค่เขานั้นมิเข้าใจว่าเหตุใดคุณชายต้องปฏิบัติต่อผู้ประสบภัยเหล่านั้นเยี่ยงนี้ ในหลายปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องแบบนี้นับครั้งมิถ้วน นายท่านมิเคยจัดการเฉกเช่นคุณชายมาก่อน

นายท่านจะมอบเสบียงส่วนหนึ่งให้แก่ผู้ประสบภัยหลังภัยพิบัตินี้ นี่คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในสายตาของผู้ประสบภัยเหล่านั้น นี่ก็เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากผู้เป็นนายแล้ว

ไหนเลยจะออกมาเคลื่อนไหวช่วยเหลือคนหลายร้อยคนเยี่ยงคุณชาย ทั้งยังให้ผู้ประสบภัยมากมายเข้ามาพักที่เรือนซีชาน ในอดีตหากบ้านพังแล้วพวกเขาจะสร้างเพิงขึ้นมา รอจนกระทั่งภัยพิบัติผ่านพ้นไป พวกเขาจะทำงานหนักยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็เก็บเงินอีกเล็กน้อย แล้วสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ เป็นเยี่ยงนี้มาตลอด เหมือนว่าตั้งแต่นี้ไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว

ครอบครัวของหวางเอ้อได้พักอยู่ที่ชั้นหนึ่งของเรือนปีกตะวันตก ฟู่เสี่ยวกวนได้ทราบนามลูกสะใภ้ของหวางเฉียงแล้ว นั่นคือจางเสี่ยวเหมย

จางเสี่ยวเหมยเองก็ถูกฟู่เสี่ยวกวนสั่งให้พักอยู่ที่นี่ ให้นางอยู่ดูแลหวางเฉียงได้อย่างสบายใจ และหลี่ซื่อ ภรรยาของหวางเฉียง แม่สามีในอนาคตของจางเสี่ยวเหมย

เป็นสตรีที่รูปร่างค่อนข้างท้วม แต่จิตใจนั้นละเอียดอ่อนยิ่ง

ชุนซิ่วพานางไปยังห้องครัว กล่าวว่าหากจะทำอันใดให้บอกกับพ่อครัวก็พอแล้ว หากมิคุ้นชิน จะทำเองก็ย่อมได้ ทั้งยังจงใจกล่าวอีกว่า นี่คือคำสั่งของคุณชาย ห้ามมิให้หวางเฉียงเจ็บป่วยโดยเด็ดขาด

จางเสี่ยวเหมยมิกล้าใช้ห้องครัวของคุณชาย หลังจากที่ออกมาก็กล่าวกับซิ่วเอ๋อร์เสียงแผ่ว “คุณหนูเจ้าคะ มิอย่างนั้น…ให้คนที่บ้านส่งมาจะดีกว่า”

ชุนซิ่วหัวเราะขึ้นมา “ข้ามิใช่คุณหนูหรอก ข้าเป็นสาวใช้ของคุณชาย เจ้าเรียกข้าว่าพี่ซิ่วเอ๋อร์ก็พอ นอกจากนี้ ข้ามิกล้าขัดคำสั่งลับหลังคุณชาย คุณชายตระกูลเรามิเหมือนกับผู้อื่น ต่อแต่นี้ไปเจ้าจะรับรู้เอง ดังนั้นตามสบายเถิด อย่าได้ระมัดระวังถึงเพียงนั้น หากมีใครกล้ารังแกเจ้า เจ้าจงบอกข้า ข้าจะถลกหนังมันออกเอง”

 “นั่น…”

 “เอาล่ะ ๆ ข้าเองก็ต้องตุ๋นไก่ให้คุณชาย เจ้าดูสิว่าคนของเจ้าจะทานสิ่งใด ห้องครัวใหญ่ถึงเพียงนี้ พวกเรามาทำด้วยกันเถอะ”

ฟู่เสี่ยวกวนและหวางเอ้อนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก

 “อยู่ที่นี่ให้สบายใจก่อนเถิด รอจนกระทั่งฝนหยุดสักสองสามวันแล้วค่อยออกไปทำความสะอาดโคลน นอกจากนี้… เรื่องสร้างบ้านใหม่คงต้องรอไปอีกเล็กน้อย”

หวางเอ้อครุ่นคิดและพยักหน้า การสร้างบ้านใหม่มิใช่เรื่องง่าย ทั้งหมดถูกทำลายลงไปในพริบตาเดียว เสบียงและเครื่องเรือนต่างก็มิมีเหลือแล้ว หากจะสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ อย่างน้อยก็ต้องรอหนึ่งปี และยังต้องมีเงินออมอยู่ในมือของตนเองอีกสักเล็กน้อย

รอจนกระทั่งฝนหยุดและหลังจากชำระล้างโคลนออกไปแล้ว คงต้องตั้งเพิงขึ้นมาเพื่อพักอาศัยไปก่อน สวรรค์ช่างน่าชังนัก!

 “ข้าคิดเยี่ยงนี้ กำแพงดินเก่าของพวกเจ้าคงใช้การไม่ได้แล้ว แบกไม่อยู่ นอกจากนี้ทำเลยังไม่ดี อยู่ใกล้ภูเขาไต้ชานเกินไป รอจนกระทั่งข้าทำซีเมนต์จากภูเขาซีชานสำเร็จแล้ว อิฐและกระเบื้องของช่างอิฐถังน่าจะอบออกมาแล้วไม่น้อย เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะสร้างบ้านให้พวกเจ้าในคราเดียว บ้านอิฐกระเบื้อง สดใสและสวยงาม อีกทั้งยังสะดวกสบาย”

หวางเอ้ออ้าปากค้าง “อ่า คุณชายขอรับ พวกข้ามิมีเงินมากถึงเพียงนั้น”

 “พวกเจ้าเป็นคนของตระกูลฟู่ มิต้องใช้เงิน คุณชายจะสร้างให้พวกเจ้าเอง!”

 “ต่อจากนี้ไป คนงานที่ทำงานให้แก่จวนฟู่ของข้าทั้งหมด จะได้อาศัยอยู่ในบ้านอิฐและกระเบื้อง”