อันหลินอาศัยพลังชีวิตปานแมลงสาบ รอดมาได้อีกแล้ว
เขามองชายหญิงชั่วช้าตรงหน้าคู่นี้ เจ็บใจจนกัดฟันกรอด
แดนมนุษย์ย่อมมีรักแท้บ้าอะไรกัน มีเพียงความเกลียดชังต่อโลกเท่านั้น!
เซียนจิ้งจอกไม่เจอสาเหตุอะไรจากเลือดของเขา
จากนั้น เธอก็วิ่งไปวินิจฉัยศพของเจ้าแห่งผีดูดเลือด
ส่วนเซียนกระบี่ชิงเหอกลับมองอันหลินอย่างนับถือ ชื่นชมว่า “สหายอันหลิน เลือดของนายมีประโยชน์ดีจริงๆ หากว่าต่อไปเจอเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดอีกละก็…”
เซียนกระบี่ชิงเหอยังพูดไม่ทันจบ อันหลินก็ขัดจังหวะทันที
“ไม่มี ไปให้พ้น!”
เซียนกระบี่ชิงเหอเห็นปฏิเสธอย่างหนักแน่นขนาดนี้ ก็เกาหัวอย่างเก้อเขิน จากนั้นเปิดประเด็นในกลุ่ม
ในกลุ่มนักพรตทั่วโลกร่วมมือกันพิทักษ์โลก
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘ฮ่าๆ เอาคืนสำเร็จแล้ว ราชาปีศาจหนึ่งตนกับเจ้าแห่งผีดูดเลือดสองตนถูกสังหารหมดแล้ว!’
เมื่อสิ้นประโยคนี้ของเซียนกระบี่ชิงเหอ นักพรตในกลุ่มก็พากันโผล่หัวออกมา บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นมา
ผู้พิทักษ์โลก ‘คุณพระ นี่มันผลสำเร็จครั้งใหญ่ ฆ่าแล้วจริงๆ เหรอ!’
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘ชายหญิงคู่กันสรรสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ!’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘สร้างปาฏิหาริย์ได้ไม่พอ ยังสร้างชีวิตได้อีกด้วย!’
เซียนหญิงหยวนจื่อต้าน “…”
จินอวี้จื่อ “…”
เซียนกระบี่ชิงเหอส่งอิโมติคอนหน้ายิ้มมา จากนั้นบอกว่า ‘เทพพยากรณ์ เจอกันครั้ง ฉันทำลายชีวิตหนึ่งได้นะ’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘…ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดจริงจังเลย’
ขณะนั้นเอง เซียนจิ้งจอกแดงก็โผล่มากะทันหัน และส่งอิโมติคอนหน้ายิ้มมาด้วยเช่นกัน
เซียนจิ้งจอกแดง ‘ชายหญิงคู่กัน สามารถทำลายชีวิตได้จริง เทพพยากรณ์ รอฉันก่อนนะ’
เมื่อเทพพยากรณ์เห็นข้อความนี้ ก็ลนลานแทบจะร้องไห้
เซียนกระบี่ชิงเหอยังหยอกเย้าได้ แต่นิสัยอย่างเซียนจิ้งจอกแดง เป็นคนที่พูดจริงทำจริง!
เทพพยากรณ์ตกใจจนตั้งใจว่าจะปลีกตัวหลีกหนีปัญหาแล้ว แต่ตอนนั้นเอง เซียนกระบี่ชิงเหอก็พูดต่อว่า
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘แต่ว่า ที่สามารถสังหารราชาปีศาจกับเจ้าแห่งผีดูดเลือดได้นั้น ที่จริงแล้วต้องยกความดีความชอบให้สหายอันหลิน เรียกได้ว่าเขามีคุณูปการเยอะที่สุด!’
เมื่อประโยคนี้ถูกส่งมา เหล่านักพรตก็เริ่มให้ความสนใจกันขึ้นมาโดยพลัน
แม้อันหลินจะแข็งแกร่ง แต่การต่อกรกับศัตรูระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ น่าจะต้องฝืนพยายามเป็นอย่างมาก ทำไมเซียนกระบี่ชิงเหอถึงบอกว่ามีคุณูปการเยอะที่สุดล่ะ
เถียนหลิงหลิง ‘ไม่หรอกมั้ง นักพรตจอมปลอมไปเป็นก้างขวางคอไม่ใช่เหรอ’
ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘อ้อ สหายอันหลินมีความดีความชอบเยอะที่สุด หมายความว่ายังไง’
เซียนหญิงจิ้งซิน ‘หรือเพราะอันหลินช่วยอะไรบางอย่างในจังหวะคับขันระหว่างรบ’
นักพรตในกลุ่มคาดเดากันไปต่างๆ นานา เซียนกระบี่ชิงเหอจึงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘ฉันจะบอกทุกคนแบบนี้แล้วกัน ราชาปีศาจหนึ่งตนกับเจ้าแห่งผีดูดเลือดสองตน เรียกได้ว่าเป็นฝีมือของอันหลินทั้งหมด!’
ผู้พิทักษ์โลก “…”
จินอวี้จื่อ “…”
เถียนหลิงหลิง “…”
เป็นฝีมือเขาหมดเลยงั้นเหรอ สุดท้ายนักพรตในกลุ่มก็ตกอยู่ในความเงียบ
ท้ายที่สุด ผู้รู้แจ้งหลิวหลีก็ทนไม่ไหว ‘ชิงเหอ นายไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม อันหลินอยู่แค่ระดับกายแห่งมรรคขั้นสิบไม่ใช่เหรอ’
ผู้รู้แจ้งหลิวหลีพูดแทนความในใจของนักพรตทุกคนไปแล้ว นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบคนหนึ่ง ต้องทำอย่างไรถึงจะฆ่าศัตรูระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณได้ถึงสามคน
หรือว่าใกล้ตายกันหมดแล้วเขาเป็นคนซ้ำมีด
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘อันหลินกำจัดราชาปีศาจหลังบาดเจ็บสาหัสเพราะฉันกับเซียนจิ้งจอกแดงด้วยตัวเอง
เจ้าแห่งผีดูดเลือดอีกสองตน ตนหนึ่งตายเพราะดูดเลือดของเขา อีกตนเพราะฉันป้ายเลือดของเขาที่กระบี่แล้วฟันผีดูดเลือด จากนั้นก็ตายเพราะเลือดของเขาเป็นพิษ’
เถียนหลิงหลิง ‘…ผีดูดเลือดสองตนตายเพราะเลือดพิษของเขางั้นเหรอ’
ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘หา ตายเพราะพิษ? ฉันยอมเชื่อว่าเขาฟันผีดูดเลือดสองตนนั้นตายยังดีซะกว่า!’
เซียนหญิงจิ้งซิน ‘เซียนกระบี่ชิงเหอ นายหมายความว่า อันหลินวางยาในเลือดงั้นเหรอ’
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘ไม่ ฉันหมายความว่า เขามีพิษทั้งตัว! นี่เป็นสิ่งที่ฉันชื่นชมในตัวเขา!’
เถียนหลิงหลิง ‘ว้าว นักพรตจอมปลอมสุดยอด!’
เซียนหญิงหยวนจื่อต้าน ‘ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่สหายอันหลินสุดยอดมากจริงๆ!’
ผู้พิทักษ์โลก ‘เอาอย่างนี้ เรามาตั้งฉายาเจ้าแห่งพิษให้สหายอันหลินกันเถอะ’
นักพรตมู่หนิว ‘เห็นด้วย’
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘+1’
นักพรตทั่นอวิ๋น ‘+1’
…
อันที่จริงอันหลินก็กำลังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เช่นกัน เมื่อเห็นฉายา ‘เจ้าแห่งผี’ ของตัวเอง ชั่วขณะที่ได้รับการยอมรับจากนักพรตในกลุ่ม ก็กดปิดหน้าจอด้วยนัยน์ตาที่ชื้นแฉะ
เขาแหงนหน้ามองฟ้า ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา
จากนั้น เซียนจิ้งจอกแดงที่พูดไม่ได้ ก็แบกศพของผีดูดเลือดเดินทางกลับแดนพิศวงเขาเขียว
เซียนกระบี่ชิงเหอตบบ่าอันหลิน พูดอย่างเป็นมิตรว่า “เจ้าแห่งพิษ ฉันจะขี่กระบี่ส่งนายกลับเมืองหรงเฉิงเอง!”
ปากของอันหลินกระตุก เจ้าแห่งพิษกับผีน่ะสิ!
เขาที่เสียเลือดมากไป หมดเรี่ยวแรงจะสบถแล้ว ทำได้แค่พยักหน้าช้าๆ…
อันหลินกับเซียนกระบี่ชิงเหอจึงเหาะกลับเมืองหรงเฉิง
…
ตอนแรกอันหลินคิดว่า เมื่อกลับมาถึงเมืองหรงเฉิง จะได้พักผ่อนหย่อนใจตามใจชอบ
แต่ทว่า สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ
ในยุคแห่งเทคโนโลยีแบบนี้ ฉายาเจ้าแห่งพิษก็กระจายไปทั่ววงการบำเพ็ญเซียนภายในเวลาวันเดียว!
วันต่อมา สี่เจ้าสำนักแห่งสิบสำนักใหญ่ของประเทศอย่างอู่ตัง คุนหลุน หลงหู่และซ่างชิง ต่างก็พากันมาเยี่ยมเยียนเจ้าแห่งพิษ
เจ้าสำนักทั้งสี่ เป็นยอดฝีมือระดับแปลงจิตเพียงสี่คนของประเทศ
พวกเขามาหาเจ้าแห่งพิษ ย่อมไม่ใช่การมาเยือนธรรมดา
อันที่จริงพวกเขามาเพื่อศึกษาเลือดพิษ…
อันหลินจึงปล่อยโฮด้วยประการฉะนี้
“เจ้าแห่งพิษ ให้ฉันจับหน่อยนะ…”
ปรมาจารย์ซวีอวิ๋นเจ้าสำนักอู่ตังยื่นมือจะมาลูบอันหลิน
“หยุดเล่นได้แล้ว ลูบบ้าบออะไรกัน!” ในตอนนั้นเอง ชายชราผมขาวโพลนคนหนึ่งก็ตวาดขึ้นมา
อันหลินมองชายชราคนนี้ด้วยความซาบซึ้ง เขาคือปรมาจารย์จางแห่งเขาหลงหู
“ตามหลักแล้ว หากต้องการศึกษาให้ถ่องแท้ ต้องพึ่งสิ่งนี้!”
ปรมาจารย์จางหยิบกระบอกฉีดยาออกมา มองอันหลินด้วยแววตาเปี่ยมเมตตา
เมื่ออันหลินเห็นกระบอกฉีดยาก็หน้ามืด
ให้ตายสิ! จะดูดเลือดเหรอ
อย่าโหดเหี้ยมขนาดนี้ได้ไหม
เมื่อวานเป็นเพราะเขาเสียเลือดมากไป ตอนนี้เมื่อเห็นเลือดก็หน้ามืดตาลาย คิดว่าตัวเองเป็นโรคกลัวเลือดไปแล้วด้วยซ้ำ
ไม่สิ ต้องเป็นอาการกลัวเลือดอย่างรุนแรงต่างหาก แค่พูดถึงเลือดก็กลัวแล้ว!
“เจ้าแห่งพิษไม่ต้องกลัว พวกเราดูดไม่เยอะหรอก เอาแค่นิดหน่อย”
ชายชุดเขียวอายุราวๆ ห้าสิบคนหนึ่งปลอบใจอันหลิน
เขาคือเจ้าสำนักสือหลิงจื่อแห่งเขาคุนหลุน ขณะที่พูดก็เริ่มวาดค่ายกลศึกษาไปด้วย…
“โธ่ เจ้าแห่งพิษ เป็นผู้ชายอกสามศอก หลั่งเลือดหน่อยจะเป็นอะไรไป ถ้านายรู้สึกว่าไม่สบายใจที่จะหลั่งเลือดคนเดียว ฉันจะหลั่งเลือดไปพร้อมกันนาย!”
นักพรตโหยวมู่เจ้าสำนักซ่างชิงพูดจาโผงผาง พูดไปพูดมาก็ชักมีดออกมา ทำท่าจะกรีดที่แขนของตัวเอง
ตอนแรกอันหลินคิดว่าชายฉกรรจ์คนนี้แค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น
จากนั้น เลือดก็สาดกระเซ็นเต็มใบหน้าของเขา…
บัดซบ! เจ้าบ้านี่มาจากไหนกันแน่!!!
อันหลินแผดร้องในใจไม่หยุด จากนั้นก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็ว
เสร็จกัน…โรคกลัวเลือดของเขากำเริบอีกแล้ว
…………………………….