ตอนที่ 187 นำบ้านมาใช้หนี้ / ตอนที่ 188 จำนำหยก

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 187 นำบ้านมาใช้หนี้

ลู่จ่างชุนส่งหนังสือแสดงหนี้ให้เจ้าหน้าที่ “ตัวหนังสือสามารถปลอมได้ แต่รอยนิ้วมือจะปลอมได้อย่างไรกัน อีกทั้งตอนที่นางประทับรอยนิ้วมือ ก็มีคนในหมู่บ้านเห็นมากกว่าหนึ่งคน ทุกคนเป็นพยานให้กับข้าได้”

เจ้าหน้าที่อ่านหนังสือแสดงหนี้ในมือ แล้วกวักมือเรียกหญิงชรา “มานี่”

หญิงชราเกิดความรู้สึกกลัว ไม่อยากเข้าไปใกล้ จึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ

เจ้าหน้าที่เห็นดังนั้น ก็เดินหน้าเข้าไปหานางเองเสียเลย มือข้างหนึ่งจับมือของหญิงชราไว้ เพื่อเทียบนิ้วมือของนาง

การเปรียบเทียบครั้งนี้ ได้ผลสรุปชัดเจนแล้ว

เจ้าหน้าที่วัยกลางคนสะบัดมือของหญิงชราทิ้งอย่างแรง ก่อนจะแค่นหัวเราะ “เจ้ามีอะไรอยากพูดอีกหรือไม่”

หญิงชราส่ายหน้าไม่ยอมหยุด “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ข้าฉีกหนังสือแสดงหนี้แผ่นนี้ไปแล้วแท้ๆ ฉีกจนเป็นเศษด้วยซ้ำ!”

หมอลู่หัวเราะเย้ย “มีอะไรเป็นไปไม่ได้ เจ้ารู้จักฉีกหนังสือเพื่อหนีหนี้ แล้วข้าจะเปลี่ยนหนังสือแสดงหนี้เพื่อรักษาหลักฐานไม่ได้หรืออย่างไร”

สตรีสูงวัยสกุลไป๋โมโหจนสะอึก เมื่อรู้ดีแล้วว่าไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ในใจก็เกิดความเคียดแค้นขึ้นมา ลู่จ่างชุนผู้นี้เล่นลูกไม้กับนางโดยแท้ หนังสือแสดงหนี้ที่เขานำมาครั้งก่อนเป็นของปลอมอย่างคาดไม่ถึง นางถึงได้เผลอดีใจจนนานขนาดนี้ คิดว่าลู่จ่างชุนไม่ได้มาหานางเพราะหาหลักฐานไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องผ่านไป

เจ้าหน้าที่วัยกลางคนกล่าวด้วยความโมโห “ติดเงินไม่คืน ในสายตาเจ้ายังมีกฎหมายอยู่หรือไม่”

หญิงชราคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าหน้าที่ดัง ‘ปั้ก’ “ข้าเพียงเลอะเลือนไปชั่วขณะ อย่าจับข้าเลยนะเจ้าคะ พวกท่านอย่าจับข้า ข้าจะหาเงินมาคืนอย่างแน่นอน”

เจ้าหน้าที่เหล่มองลู่จ่างชุน ราวกับกำลังขอความเห็นของเขา

ลู่จ่างชุนพยักหน้าให้เขา “เช่นนั้นก็ให้โอกาสนางอีกสักครั้งขอรับ”

เจ้าหน้าที่วัยกลางคนหันไปมองหญิงชราและหลิวซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พลางกล่าวเสียงแข็ง “ข้ากำหนดเวลาให้พวกเจ้าวามวัน ภายในสามวันนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคืนหกตำลึงเงินให้กับหมอลู่ ไม่เช่นนั้นข้าจะนำบ้านของพวกเจ้ามาชดใช้หนี้แทน”

อะไรนะ นำบ้านของนางมาชดใช้หนี้?

หญิงชราโมโหจนแทบจะเป็นลมไป แม้แต่ลู่จ่างชุนและเจ้าหน้าที่สองคนก็ไม่รู้ว่าจากไปตั้งแต่เมื่อใด

“ท่านแม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ พวกเขาจะนำบ้านของพวกเราไปชดใช้หนี้ หากพวกเขานำบ้านของพวกเราไปจริงๆ เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเราจะไปอยู่ที่ใด” หลิวซื่อลนลานโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่สองคนเมื่อครู่นี้ พวกเขาไม่เหมือนกำลังพูดเล่นเลย

จางซื่อก็ทำหน้าดำคร่ำเคร่งเช่นกัน ถึงสกุลไป๋จะไม่ดีอย่างไร แต่อย่างน้อยก็มีที่อยู่อาศัย ยังไม่ถึงขั้นหิวตาย แต่หากแม้แต่บ้านก็ไม่มีอยู่ เช่นนั้นครอบครัวของนางจะทำอย่างไร

สายตาของนางมองไปยังเชือกสีแดงบนคอของแม่สามี เจ้ารองเคยบอกกับนางว่า บนคอของหญิงชราห้อยพู่หยกไว้ชิ้นหนึ่ง เป็นสิ่งของที่หาเจอภายในชั้นไม้ เจ้าสามเป็นคนซื้อชั้นไม้มาในราคาถูกจากร้านขายของมือสอง หลังจากเจ้าสามตาย หญิงชราผู้นี้ก็นำชั้นไม้มาใช้ในห้องโถง พู่หยกนั้นอาจจะซ่อนอยู่ภายในโดยเจ้าของคนเก่าของมัน

ด้วยนิสัยของหญิงชรา ไม่ช้าก็เร็วต้องมอบพู่หยกนี้ให้บ้านใหญ่ บ้านรองอย่างพวกเขาอย่าได้คิดหวังว่าจะตกมาถึงมือ

ในเมื่อพวกเขาบ้านรองไม่มีทางแตะต้องพู่หยกได้ เช่นนั้น…

จางซื่อตัดสินใจ ก่อนจะเดินไปตรงหน้าแม่สามี “บ้านของพวกเราใหญ่ขนาดนี้ บวกกับที่ดินอีก อย่างไรก็เป็นเงินมากกว่าหกตำลึงเงินนะเจ้าคะ!”

หลิวซื่อกล่าว “เจ้าพูดไร้สาระอะไร บ้านใหญ่เช่นนี้ เงินหกตำลึงเงินไม่มีทางซื้อได้แน่นอน”

“ดังนั้นพวกเราต้องรีบคืนเงิน ไม่เช่นนั้นหากถูกริบบ้านไปจริงๆ พวกเราทั้งครอบครัวก็ต้องไปขอทานเป็นแน่แท้” จางซื่อเอ่ย

……….

ตอนที่ 188 จำนำหยก

ไม่เพียงแค่ต้องขอทาน ที่ซุกหัวนอนยังไม่มี

หลิวซื่อชำเลืองมองไปยังแม่สามี พูดอ้ำอึ้งว่า “แต่ตอนนี้พวกเราจะหาเงินหกตำลึงเงินได้หรือเจ้าคะ”

หญิงชราถลึงตามองนางครั้งหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าว่าตอนนี้ข้าเหมือนมีเงินหกตำลึงเงินหรือ”

ในใจนางไม่รู้ว่าสาปแช่งลู่จ่างชุนไปกี่รอบแล้ว ตกลงกันไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะคืนเขาเพียงสี่ตำลึง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหกตำลึงแล้ว เห็นว่าเงินของพวกนางสกุลไป๋ได้มาจากลมพัดหรืออย่างไร

สะใภ้ใหญ่ตาแดงก่ำในทันที ต้องทนหิวทุกวันยังพอว่า ทว่าตอนนี้แม้แต่บ้านก็ใกล้จะกลายเป็นของคนอื่นแล้ว เช่นนั้นแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร จะยังใช้ชีวิตต่อไปได้อีกหรือ

หญิงชรากล่าวด้วยความเกลียดชัง “ล้วนต้องโทษนางเด็กน่าตายนั่น เหตุใดนางไม่ตายๆ ไปเสียเลย เหตุใดถึงยังฟื้นขึ้นมาได้ ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมา พวกเราสกุลไป๋พบเจอหายนะไม่เว้นแต่ละวัน ทุกอย่างเป็นเพราะนาง”

ทีแรกเสียเงินสองตำลึงรักษานางสารเลวจ้าวหลาน ต่อมาก็ถูกบีบให้เขียนหนังสือแสดงหนี้หกตำลึงเงิน จากนั้นในบ้านก็ถูกนักเลงหัวไม้จากหมู่บ้านไป๋หยางจำนวนหนึ่งมาทุบทำลาย ทั้งยังยั่วโมโหขุนนางเข้าอีก ต้องถูกโบยเสียหนึ่งยก มิหนำซ้ำตอนนี้แม้แต่บ้านก็ใกล้จะไม่เหลือ ล้วนเป็นเพราะนางเด็กไป๋จื่อทั้งสิ้น

หลิวซื่อร้องไห้ไปพลาง ก่นด่าไปพลาง “นางเด็กน่าตายผู้นี้ ขอนางอย่าได้ตกมาอยู่ในกำมือของข้า ไม่เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะจัดการนางให้ตาย”

สตรีสองคนเบื้องหน้า จนถึงตอนนี้ยังคงกล่าวโทษผู้อื่น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดว่าตนเองทำอะไรไปบ้าง ถึงเกิดเรื่องเลวร้ายมากมายถึงเพียงนี้

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องพวกนี้กระมัง พวกเราควรคิดหาวิธี ว่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร” จางซื่อลอบถอนใจ จนใจอย่างยิ่ง

หลิวซื่อร้องไห้พลางกล่าว “จะมีวิธีอะไรอีก หกตำลึงเงินเชียวนะ นำไปขอสะใภ้แต่งเข้ามาสักคนได้เลย ตอนนี้พวกเราจะหาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากที่ใดได้”

จางซื่อมองไปทางแม่สามี บนใบหน้าคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม “ได้ยินเจ้ารองพูดว่าก่อนหน้านี้พวกท่านพบหยกชิ้นหนึ่งในบ้าน สู้นำมันไปจำนำ แลกเงินกลับมาสักหน่อย ไม่เพียงคืนเงินค่ารักษาของท่านหมอลู่ได้ ยังซื้อข้าวและเสบียงอาหารมาได้ทันท่วงที ท่านก็เห็นว่าทั้งบ้านล้วนกินแต่ผักป่าทุกวัน จนหน้าจะกลายเป็นผักกันหมดแล้ว”

หลิวซื่อตาเป็นประกาย นึกถึงความล้ำค่าของพู่หยกชิ้นนั้นทันที นั่นเป็นหยกคุณภาพสูง จะต้องได้เงินมาไม่น้อยแน่นอน

หญิงชรากดพู่หยกที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าอย่างแน่นหนา พู่หยกชิ้นนี้เป็นของดีจริงๆ ใส่ไว้กับตัวแล้วรู้สึกเย็นกายตลอด แต่ไหนแต่ไรมันไม่เคยร้อน ต้องเป็นหยกคุณภาพสูงอย่างแน่นอน ตลอดทั้งชีวิตนี้ของนางไม่เคยเห็นของดีเช่นนี้มาก่อน นางยังไม่ทันใส่จนชินเลย จะนำออกไปขายได้อย่างไร

“ไม่ได้ๆ นี่เป็นของข้า ใครก็คิดจะนำมันไปไม่ได้” หญิงชราหันหลังให้สะใภ้รอง มือขวากดหน้าอกไว้ไม่ยอมปล่อย

จางซื่อกล่าวว่า “ท่านแม่ หากถึงวันที่ท่านหมอลู่นำบ้านเราไปแล้ว ท่านใส่หยกชิ้นนี้ไปขอทานอยู่กับพื้นดิน ดูสิว่าท่านจะยังรักษามันไว้ได้หรือไม่”

ข้างนอกนั่นมีโจรขโมยไม่รู้มากมายเท่าไร ไม่ต้องพูดถึงพู่หยกคุณภาพสูงเช่นนี้ ถึงแม้เป็นเพียงปิ่นปักผมสำริด ก็คงจะถูกคนแย่งไปเช่นกัน

จางซื่อเห็นสีหน้าของแม่สามีอ่อนลงบ้าง จึงกล่าวต่อว่า “ได้ยินว่าช่วงนี้ทางใต้มีน้ำท่วม ผู้ประสบภัยหลายคนมาที่พื้นที่ของพวกเรา เหล่าผู้ประสบภัยนั่นมีชีวิตอย่างยากลำบาก ยังจะมีเรื่องอะไรที่ทำได้นอกจากขโมยอีกเล่า”

หลิวซื่อก็ถือโอกาสโน้มน้าวเช่นกัน “จริงด้วยเจ้าค่ะ หากพวกเราไม่มีแม้แต่บ้าน ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ประสบภัย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่หยกชิ้นนี้เลย เสื้อผ้าติดตัวพวกเราก็อาจจะถูกคนแย่งไปทั้งสิ้น”

หญิงชราอายุปูนนี้แล้ว นางใช่ว่าจะเป็นคนโง่ แม้รู้ว่าสะใภ้ทั้งสองกำลังขู่ให้นางกลัว แต่ก็เป็นจริงดังคำขู่นั้น หากไม่เหลือแม้แต่บ้าน เช่นนั้นแล้วเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น