ตอนที่ 86 : 100 อันดับแรก

“หวังเย่า แกอย่าได้ใจไปนักเลย รอให้เอาชนะฉันได้ซะก่อนแล้วค่อยพูด”  ฉินเหลยรู้ว่าตั๊กแตนนั้นบาดเจ็บหนัก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไป เขาโกรธเป็นอย่างมาก ตอนที่เขาเรียกอสูรกลับไปที่กำไล เขาก็ได้ควบคุมวัวให้ต่อสู้อีกครั้ง

“ช่องว่างระหว่างเลเวลไม่ใช่สิ่งที่จะทดแทนกันได้ง่าย ๆ แม้ว่าแกจะได้เปรียบ แต่สุดท้ายฉันนี่แหละที่จะชนะ”  ฉินเหลยไม่ยอมแพ้ แม้ว่าวัวของเขาจะถูกหงอคงรับมือเอาไว้ได้ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าวัวเป็นสัตว์อสูรที่อึด ตราบใดที่เขาทนได้นานพอ คนที่จะยืนหยัดเป็นคนสุดท้ายก็คือเขา

ส่วนสัตว์อสูรอีกตัวของหวังเย่า เขาไม่คิดจะใส่ใจ เพราะเขารู้สึกว่ามันคงไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าเจ้าลิงนี่อีกแล้ว

หวังเย่าไม่ตอบกลับอะไร เขาตัดสินใจลงมือทันที เขาเพ่งสมาธิพร้อมกับพลังจิตที่ก่อตัวเป็นกระบี่บินแล้วพุ่งเขาใส่ฉินเหลย

ฉินเหลยอึ้ง เขารู้สึกว่าวิญญาณเขาถูกทิ่มแทงซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเวียนหัวขึ้นมาและไม่อาจจะสนใจสิ่งรอบตัวได้

หวังเย่าฉวยโอกาสนี้ ใช้ความว่องไวของการ์ฟิลด์ทะยานออกไป ร่างของเขากลายเป็นเงาและปรากฏตัวตรงหน้าฉินเหลย ก่อนจะชกไปที่ท้องของอีกฝ่าย จนทำให้ฉินเหลยตัวงอเป็นกุ้งแล้วกระเด็นตกจากลานไป

เมื่อฉินเหลยได้สติกลับมา เขาก็กระอักเลือดก่อนจะมองไปที่หวังเย่า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลุกขึ้น และเรียกอสูรของตัวเองกลับไป จากนั้นเขาก็กลับไปยังที่นั่งตัวเอง

หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ยังไงซะ ฉินเหลยและคนอื่น ๆ ก็แค่คนที่ผ่านมาในชีวิตเขา เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

จากนั้นกรรมการก็ได้ประกาศออกมา  “หวังเย่าเป็นฝ่ายชนะ และเข้าสู่อันดับพยับเมฆอย่างเป็นทางการ ได้อันดับ 978 ของฉินเหลยไป”

หวังเย่ายิ้มออกมาก่อนจะลงจากเวทีไป

“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะขึ้นอันดับได้ง่าย ๆ แบบนี้ เขาน่าจะไปต่อได้”

ทุกคนพากันพูดถึงเรื่องหวังเย่า พวกเขาไม่กล้าดูถูกหวังเย่าอีก

วันต่อมา หวังเย่าก็โดนท้าอีกครั้งจากเด็กปี 2 ผลก็คือกินเวลาไม่ถึง 2 นาที อีกฝ่ายก็โดนเตะกระเด็นออกจากเวที

ในวันที่ 3 ขาที่เจ็บของหวังเย่าก็ฟื้นฟูจนหายดี เลเวลของการ์ฟิลด์ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 43 จนกลายเป็นอสูรระดับราชา  หงอคงเองก็เลเวลเพิ่มขึ้นเป็น 35

ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันขอท้าเจี่ยงเฟยไป๋ สาขาหน่วยรบพิเศษ”  เมื่อถึงตาหวังเย่าขึ้นเวที เขาก็ได้ตะโกนออกมา

สาขาหน่วยรบพิเศษนั้นเน้นทักษะการต่อสู้และความแข็งแกร่งเฉพาะตัว  ส่วนสาขาตรวจสอบนั้นเน้นทักษะเอาชีวิตรอด

“พระเจ้า หวังเย่านี่ใจกล้าจริง ๆ เขากลับท้าคนที่อยู่ 100 อันดับแรก”

เจี่ยงเฟยไป๋เป็นเด็กปี 3 และเป็นหัวหน้าห้องชั้น B ของสาขาหน่วยรบพิเศษ

ทุกคนพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

 เจี่ยงเฟยไป๋เลือกที่จะไม่ปฏิเสธ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนลาน

“หวังเย่า ฉันอยากถามนายว่าทำไมนายถึงเลือกฉัน ? ”  เจี่ยงเฟยไป๋ไม่มัวอ้อมค้อมและถามออกมาตรง ๆ

หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น  “ก็ไม่มีเหตุผลพิเศษอะไร ฉันแค่รู้สึกว่าใน 100 อันดับแรกนั้น ฉันมีโอกาสที่จะชนะนายได้มากกว่าคนอื่น ๆ “

เมื่อได้ยินแบบนั้น เจี่ยงเฟยไป๋ก็โกรธขึ้นมาทันที  เขากำหมัดแน่นและพูดขึ้นมา  “ได้ นายกล้าดีนี่ ฉันไม่คิดจะรังแกใคร แต่นายเป็นคนหาเรื่องเจ็บตัวเอง”

แต่การต่อสู้กินเวลาไม่ถึง 5 นาที เจี่ยงเฟยไป๋ก็พ่ายแพ้ไป  เจี่ยงเฟยไป๋ที่เก่งเรื่องการต่อสู้ระยะประชิด กลับถูกหวังเย่าต่อยเข้าที่จมูกจนเลือดไหล

“ฉันยอมแพ้”  เจี่ยงเฟยไป๋ตะโกนออกมา เขายอมแพ้ทันที แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ทนรับมือกับหวังเย่าได้แค่ไม่กี่นาที ถ้าขืนสู้ต่อสุดท้ายเขาคงเสียเปรียบและคงมีสภาพที่น่าอนาถกว่านี้

หลังจากที่หวังเย่าชนะเจี่ยงเฟยไป๋ได้ เขาก็ขึ้นไปที่อันดับ 95

เจี่ยงเฟยไป๋กลับไปอยู่อันดับ 978 แทน

“ฉันล่ะทึ่งจริง ๆ หวังเย่ายังไม่แพ้เลย เขาน่าทึ่งจริง ๆ ”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเด็กใหม่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้”

“คนแข็งแกร่งแบบนี้กลับควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ฉันเดาว่าพวกนั้นคงโอ้อวดตัวเองไปนานแล้ว”

ความสามารถของหวังเย่าได้ลดความเกลียดชังของผู้คนที่มีต่อเขาไป หลายคนเริ่มมองเขาเปลี่ยนไป เมื่อมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ งั้นอนาคตก็ควรจะสดใส การที่เขาเป็นแฟนของจ้าวเมิ่งซีนั้นก็ถือว่ายอมรับได้

หลังจากงานประชุมนี้จบลง ชื่อเสียงของหวังเย่าก็โด่งดังขึ้นมา เขาไม่ใช่เต่าในกระดองอีกต่อไปแต่กลับเป็นยอดฝีมือที่ไม่คิดจะแสดงตัว

จ้าวเมิ่งซีได้ส่งข้อความมาให้กับหวังเย่า  “ยินดีด้วยพี่เย่าที่ได้ขึ้น 100 อันดับแรก ฮ่าฮ่า  ฉันว่าเราต้องจัดงานเลี้ยงแล้วล่ะ”

หวังเย่าลูบจมูก เทอมนี้เขาสนใจแต่การฝึกซ้อม ความแข็งแกร่งของเขาเลยพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก แต่นอกจากการฝึกแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย อย่างการทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ

อย่างที่รู้ชีวิตในมหาลัยนั้นการทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ในสังคมนั้นมันเน้นเรื่องความสัมพันธ์และเส้นสาย

แน่นอนด้วยความแข็งแกร่งที่หวังเย่ามีแล้ว ทำไมเขาต้องเสนอตัวผูกมิตรกับคนอื่น ๆ ก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเพราะจ้าวเมิ่งซีจึงทำให้คนอื่น ๆ พากันอคติกับเขา

ดังนั้นทั้งเทอมนี้เขาจึงรู้จักคนน้อยมาก แม้แต่อาจารย์ก็มีแค่จี้กวงเฮ่อเท่านั้นที่ดีต่อเขา

“ที่รัก เราจะไปเชิญใครมางานเลี้ยง เราไม่รู้จักใครเลย พอจบงานเราไปดูหนังกันดีกว่า”  หวังเย่าตอบกลับ

“นั่นนายน่ะสิ ฉันน่ะรู้จักคนเยอะ นายสบายใจได้ ฉันจะเชิญคนอื่น ๆ มาเอง”

“จะดีหรือ ? ”  หวังเย่าพอใจอย่างมาก เขารู้ว่าในเทอมนี้จ้าวเมิ่งซีรู้จักคนเพิ่มขึ้นเยอะ ส่วนใหญ่เป็นสาวสวย แถมพวกเธอยังแข็งแกร่งอีกด้วย พวกเธอมักจะจับกลุ่มกัน ซึ่งหากมีพวกเธออยู่ด้วยคงดูมีชีวิตชีวาน่าดู

“ฉันมีเรื่องจะถาม”  น้ำเสียงของจ้าวเมิ่งซีจริงจังขึ้นมา  “นายอยากกลับบ้านตอนฤดูหนาวไหม ? ”

หวังเย่าคิดและตอบกลับ   “ฉันไม่อยากกลับ มันเสียเวลาและฉันก็ตัวคนเดียว คิดไปแล้วก็เศร้า”

“ก็ได้ งั้นฉันจะอยู่กับนายเอง”  จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้น

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่คนเดียวได้”  หวังเย่าตื้นตันขึ้นมา

“ไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยหรือ ? นายอยากไปหาสาวอื่นสินะ ? ”

“เธอคิดมากไปแล้ว ฉันเป็นคนแบบนั้นรึไง แม้ว่าจะมีสาว ๆ มาเสนอตัวให้ แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก” หวังเย่าลูบจมูกด้วยท่าทีเขินอาย

การประชุมยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้การต่อสู้ดุเดือดขึ้นไปอีก เหล่าคนที่แข็งแกร่งปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ 100 อันดับแรกก็ยังต้องตัดสินกันจนถึงวินาทีสุดท้าย

หวังเย่าผ่อนคลายอย่างมาก เขาไม่จำเป็นต้องสู้ต่ออีก ดังนั้นเขาจึงเอาแต่ส่งข้อความพูดคุยกับจ้าวเมิ่งซี และดูการต่อสู้ไปด้วย

“คนจากสาขานายที่ชื่อเย่ฉิวเกาขึ้นเวทีแล้ว เขาจะสู้กับฮวงจินเทียน”  จ้าวเมิ่งซีแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

หวังเย่าเองก็ตื่นเต้นตามไปด้วย “เย่ฉิวเกาอยากจะแสดงฝีมือต่อหน้าฟ่านฉิงเหมย เขาคงไม่คิดจะพลาดโอกาสนี้ ลือกันว่าฟ่านฉิงเหมยให้โอกาสเขา ตราบใดที่เขาชนะได้ เธอก็จะยอมพูดคุยกับเขาดู”

“แต่ว่าฮวงจินเทียนน่ะแข็งแกร่ง แม้ว่าเย่ฉิวเกาจะอยู่อันดับที่ 5 แต่ก็ยังมีช่องว่างกับฮวงจินเทียนอยู่”