ตอนที่ 85 : วัวอสนีกับตั๊กแตนมีดแปดขา

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่  85 : วัวอสนีกับตั๊กแตนมีดแปดขา

แม้ว่าความสามารถของหวังเย่าจะทำให้ทุกคนตะลึง แต่การแข่งขันก็ยังต้องดำเนินต่อไป

การแข่งขันนี้สามารถสรุปผลได้ในวันเดียว แต่ตารางกลับยืดเยื้อถึง 3 วัน

ตอนบ่ายในที่สุดก็ถึงสาขาตรวจสอบ ชื่อของหวังเย่าเองก็ปรากฏขึ้นมาบนจอด้วย

“ตอนนายขึ้นไปสู้ นายจะท้าใคร ? ”  หยู๋เจิ้งเฟิงถามขึ้นมา

หวังเย่าลุกขึ้นยืนพร้อมเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา  “นายอยากให้ฉันสู้กับใคร ? ”

หยู๋เจิ้งเฟิงอึ้งไป แต่เขาก็คิดถึงคน ๆ หนึ่งขึ้นมาทันที  “ฉินเหลย”

หวังเย่าก้าวขึ้นไปบนลานก่อนจะมองไปรอบ ๆ สายตานับไม่ถ้วนต่างก็จับจ้องมาที่เขา

“ฉินเหลย จำที่เราตกลงกันได้มั้ย ? ”  หวังเย่าพูดขึ้นมา

สีหน้าของฉินเหลยเปลี่ยนไปทันที ที่ผ่านมาเขาอยากจะอัดหวังเย่า แต่หลังจากที่ได้เห็นหวังเย่ากับจงโฮ่วสู้กันแล้ว เขากับคนอื่น ๆ ก็รู้ตัวว่าไม่อาจจะเป็นคู่มือของหวังเย่าได้

ตอนนี้หวังเย่าโดนท้าสู้ไปแค่ 1 ครั้งเท่านั้น

แต่ละคนจะโดนท้าสู้แค่ 3 ครั้ง  เมื่อจงโฮ่วท้าสู้ไป 1 ครั้ง  ดังนั้นคนที่เหลือที่อ่อนแอกว่าจงโฮ่วรึแข็งแกร่งพอ ๆ กัน จึงไม่กล้าจะท้าสู้กับหวังเย่าอีก ดังนั้นหวังเย่าจึงมีโอกาสโดนท้าอีก 2 ครั้ง

ตอนนี้ฉินเหลยรู้สึกร้อนรน เขาคิดว่าความแข็งแกร่งของตัวเองไม่เลวเลย แต่ต่อหน้าหวังเย่าแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าจะเหนือกว่าอีกฝ่ายได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เขาอยู่ปี 2 และฐานะทางบ้านก็ค่อนข้างมีเงิน เขามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น ในการประชุมครั้งก่อนเขาก็ทำได้ดีจนอยู่ในรายชื่อพยับเมฆ แม้ว่าจะได้อันดับมากกว่า 900 ก็ตาม ดังนั้นจงโฮ่วที่เป็นเด็กปีหนึ่งหน้าใหม่ก็ไม่อาจจะเทียบเขาได้

ดังนั้นเขาจึงไม่เลือกที่จะปฏิเสธ เขาแอบให้กำลังใจตัวเองและพูดขึ้น  “เด็กนี่ไม่ได้แกร่งอะไร มารอดูแล้วกันว่าฉันจะอัดมันยังไง”

ฉินเหลยเดินขึ้นไปบนลานก่อนจะมองไปที่หวังเย่าแล้วฮึดฮัดออกมา  “ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเย่อหยิ่งถึงขนาดนี้ อย่าคิดว่าเอาชนะจงโฮ่วได้แล้ว ก็จะเอาชนะฉันได้”

“ฉันรู้ว่าแกแข็งแกร่งไม่เลวและมีชื่อติดในอันดับเมื่อปีก่อน”  หวังเย่าส่ายหน้าและพูดขึ้น  “แต่แกไม่อาจเป็นคู่มือของฉันได้”

หวังเย่าไม่ได้หลงตัวเอง

“ของจริงมันต่อจากนี้”  เขามองไปที่กรรมการและส่งสัญญาณบอกว่าพร้อมแล้ว

“เริ่มได้” กรรมการประกาศออกมา

หวังเย่าเรียกหงอคงออกมา แม้ว่าเขาจะดูเยือกเย็นแต่ก็ยังจริงจังกับการต่อสู้นี้ ยังไงซะอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งพอตัว

ฉินเหลยมองไปที่หงอคง เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังระดับทองจากหงอคง  เขาใจเต้นขึ้นมาเมื่อรู้ว่าลิงนี่เลเวลแค่ 33 อสูรของเขาวัวอสนีเลเวลมากกว่าอีกฝ่ายถึง 6 เลเวล

เขาได้เรียกอสูรของตัวเองออกมา  มันคือวัวอสนีเลเวล 39  ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นมา มันก็ได้พุ่งเข้าใส่หวังเย่าทันที

หวังเย่าหรี่ตาลง เขาได้อ่านสถานะของมันและรู้ว่ามันมี 3 สกิล หนึ่งคือเสียงสายฟ้า สองคือพุ่งชน สามคือกระทืบ กีบเท้าของมันทำลายได้แม้กระทั่งเหล็ก

“โชคร้ายที่อ่านสถานะของฉินเหลยไม่ได้ ระบบใช้ได้กับสัตว์อสูรเท่านั้น ไม่สามารถใช้กับคนได้ “  หวังเย่ารู้ว่าฉินเหลยฝึกทักษะต่อสู้มาบ้าง  การต่อสู้ระยะประชิดนั้นน่าจะค่อนข้างดี แต่ถึงอย่างนั้นหวังเย่าก็จัดอยู่ในระดับ B แต่ฉินเหลยอย่างมากก็อยู่แค่ระดับ D มันยังต่างชั้นกัน

“หงอคง จัดการวัวนั่นซะ”

การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทันที  ฉินเหลยได้สั่งการให้วัวของตัวเองพุ่งเข้าชน  หงอคงเองก็พุ่งเข้าใส่เช่นกัน ไม่นานอสูรทั้งสองก็ปะทะกัน เสียงปะทะดังสนั่นขึ้นพร้อมกับพลังที่ระเบิดออกมา ตัวของวัวสั่นไหวและเกือบจะร่วงลงไปนอนกับพื้น

หวังเย่าอยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของหงอคง จึงเลือกที่จะไม่ลงมือ ยังไงซะในฐานะเจ้านายของมันแล้ว ถ้าเขาใช้สกิลของหงอคง ก็จะทำให้ความสามารถในการตอสู้ระยะประชิดของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก แต่คงไม่มีแรงมากพอที่จะจัดการกับวัวนี่ได้

วัวที่เซไปนั้นมองไปที่หงอคง ปากของมันอ้าออกก่อนจะคำรามออกมา โชคดีที่ลานนี้มีโล่พลังกันเอาไว้แล้ว โล่พลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสัตว์อสูรไม่ใช่มนุษย์ โล่พลังนี้ป้องกันพลังจากคลื่นเสียงได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นคนดูภายนอกจึงรับพลังที่เหลือได้ แต่ก็ยังมีหลายคนที่แสดงท่าทีอึดอัดออกมา

ตอนนั้นเองในใจของหวังเย่าและหงอคงกลับเกิดความกลัวและสับสนขึ้นมา แต่มันคงอยู่ไม่นาน เมื่อพวกเขาได้สติก็กำจัดผลของสกิลนี้ไป

หงอคงนั้นเกิดมาจากหิน มันมีความสามารถหลายอย่างและมีหัวใจเป็นหิน มันยากที่จะได้รับผลกระทบจากสกิลทางจิตใจ

ส่วนหวังเย่าได้ฝึกทักษะกระบี่บินมา จนพลังจิตรวมตัวกันเป็นกระบี่บินได้ เมื่อเขามีพลังจิตและวิญญาณที่แข็งแกร่ง สกิลนี้ไม่อาจจะใช้กับเขาได้ผล

เมื่อเห็นว่าสกิลคำรามใช้กับหวังเย่าไม่ได้ผล ฉินเหลยก็ผิดหวังอย่างมาก เขาคิดเล็กน้อยก่อนจะเรียกอสูรตัวที่สองออกมา

อสูรนี่คือตั๊กแตน มันคือตั๊กแตนมีดแปดขา ขาของมันเป็นใบมีดที่คมกริบ แขนแต่ละข้างยาว 2 เมตรและสามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็ขนลุก  เขารีบอ่านสถานะของมันทันที

****

สายพันธุ์ : ตั๊กแตนมีดแปดขา

ระดับ :  ทองขั้นกลาง

เลเวล  :  42

สกิล  :  ตัด, ฉีก, บิน

จุดอ่อน  :  ร่างกายหักได้ง่าย

****

หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันที แม้ว่าตั๊กแตนนี่จะมีความเร็วและโจมตีได้รุนแรง แต่ต่อหน้าหงอคงแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไร

แน่นอนว่าฉินเหลยสั่งให้วัวโจมตีก่อน เขาอยากยื้อหงอคงเอาไว้และให้ตั๊กแตนพุ่งโจมตีหวังเย่า

“หวังเย่า ไม่คิดเลยว่าอสูรของแกจะแข็งแกร่งจนมองข้ามระบบเลเวลได้ แต่ฉันยังมีอสูรอีกตัว แกจะได้ลิ้มรสใบมีดของมัน” ฉินเหลยตะโกนออกมา

หวังเย่ามองไปที่อีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ และปล่อยให้ตั๊กแตนพุ่งเข้าใส่ ตอนที่ใบมีดกำลังจะฟันลงมา หวังเย่าก็เตะออกไป เขาใช้สกิลร่างคิงคองและพลังธรรมชาติของหงอคง ทำให้เขาไม่ต้องสนใจใบมีดที่พุ่งเข้ามา อย่างมากมันก็สร้างความเสียหายให้เขาได้แค่เล็กน้อย แต่การเตะของเขาที่มีพลังธรรมชาตินั้นเพียงพอจะทำให้ตั๊กแตนบาดเจ็บหนักได้

ตอนนั้นตั๊กแตนกลับกรีดร้องออกมา ตัวของมันกระเด็นออกไปเร็วยิ่งกว่าตอนที่มันพุ่งเข้ามาเสียอีก ตัวของมันตกลงไปที่พื้นอย่างแรงพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา

หวังเย่าเองก็ใช่ว่าจะไม่เป็นอะไร ที่ขาของเขามีรอยเฉือนที่มีเลือดไหลออกมาอยู่

แต่นั่นแค่อาการบาดเจ็บที่ผิวหนังชั้นนอกก็เท่านั้น ตราบใดที่ทายาก็หายได้ง่าย ๆ

“ฉินเหลย แกมีดีแค่นี้รึไง ? ชิมรสชาติใบมีดหรือ ฮ่าฮ่า กระจอกจริง ๆ มันฝ่าการป้องกันของฉันแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันรู้ว่าแกอยากยอมแพ้ แกคงไม่รอให้ฉันเรียกอสูรตัวที่สองออกมาหรอกนะ แกทำอะไรฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ” หวังเย่าพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น