บทที่ 69 ท่านเดาสิว่าข้าจัดการมันอย่างไร

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 69 ท่านเดาสิว่าข้าจัดการมันอย่างไร?
คุณชายซ่งโมโหจนตัวสั่น “เยี่ยม! ตาแก…ท่านพ่อ ในที่สุดพ่อก็บอกข้าสักที!”

เถ้าแก่ซ่งมองคุณชายซ่งด้วยสายตาอ่อนประกายลง “พ่อไม่ได้บอกเจ้าเป็นครั้งแรกสักหน่อย รอฝ่าบาทองค์ชายหกกินไปเม็ดหนึ่งแล้ว เจ้าก็ต้องกินด้วยเม็ดหนึ่ง”

คุณชายซ่งมุมปากกระตุก “เพราะเหตุใด เหตุใดต้องกินด้วย กลัวว่าข้าจะไม่ระวังพูดเรื่องนี้ออกไปรึ ท่านวางใจ ข้าจะปิดปากให้เหมือนขวด!”

เถ้าแก่ซ่งส่ายหน้าช้าๆ ก่อนอดมองไปที่ไม้กางเขนกับแส้ข้างๆ มิได้

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าฟังฐานะท่านเซียนเพี้ยน มันจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่เช่นนี้หรือ ไอ้ลูกอกตัญญู เจ้าคิดว่าก่อนที่พ่อจะให้เจ้ากินโอสถลบความจำ จะไม่ทุบตีเจ้าในสิ่งที่สมควรโดนรึ”

คุณชายซ่งงุนงง

บัดซบ ตาแก่นี่โหดร้ายกับข้าเช่นนี้เลย

ข้ายังเป็นบุตรชายแท้ๆ ของเขาอยู่หรือไม่

……

เมื่อเห็นการแสดงของพ่อลูกตระกูลซ่งแล้ว เสิ่นเอ้ากับเสิ่นเทียนมองหน้ากัน

ต้องพูดว่าเถ้าแก่ซ่งท่านนี้เป็นคนโฉดเลย!

ทุบตีบุตรชายตนเองเสร็จยังให้กินโอสถลบความจำ ให้บุตรชายรับการขัดเกลาจากสังคมก่อน?

ไม่มีอุปสรรคก็สร้างอุปสรรคขึ้นมาเองหรือ

เป็นความสามารถที่สุดยอดจริงๆ!

เสิ่นเอ้ารู้สึกขนหัวลุกนิดๆ

ไม่กลัวคู่ต่อสู้แกร่ง แต่กลัวสมองไม่ปกติ

สมองเถ้าแก่ซ่งนี่เป็นวงจรกลับ เสิ่นเอ้าไม่เข้าใจเลย

เขาคิดว่าตนรีบกินโอสถลบความจำไปก่อนจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า

“ในเมื่อเถ้าแก่ซ่งมีโอสถลบความจำ ก็รีบให้ข้ากินสิ!”

เถ้าแก่ซ่งส่ายหน้าน้อยๆ “ขวดนี้คือโอสถลบความจำขั้นหนึ่ง มีผลแค่กับผู้บำเพ็ญช่วงหลอมปราณ ฝ่าบาทองค์ชายหกทะลวงช่วงสร้างฐานแล้ว สามารถใช้วิชาสลายฤทธิ์ยาได้ทั้งหมด”

เสิ่นเอ้ารีบพูด “ข้ารับปากว่าจะไม่สลายฤทธิ์ยาเด็ดขาด จริงๆ”

เถ้าแก่ซ่งเอ่ย “แต่ว่าฝ่าบาทสลายฤทธิ์ยาหรือไม่สลายแล้วใครจะรู้ล่ะ!”

เสิ่นเอ้าอยากจะอธิบายต่อ ทันใดนั้นก็รู้สึกกระเทือนที่หลังศีรษะ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะหมุนวน

…….

ตึง!

“เอาละ จะเถียงกันทำไม! ลังเลลีลาอยู่นั่น ทุบให้หลับก็จัดการได้แล้วไม่ใช่รึ”

เสิ่นเทียนเก็บค้อนม่วงทองที่เปล่งแสงสายฟ้ากลับเข้าแหวนเวหาอย่างนิ่งๆ

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เขาซัดค้อนนี่แล้วให้ความรู้สึกมากจริงๆ เหมือนว่าวินาทีนั้น ข้าคือร่างสถิตของเทพเจ้าสายฟ้า!

สัมผัสมือกับความรู้สึกที่ฟาดลงไปมันเยี่ยมอะไรเช่นนี้!

เห็นเสิ่นเอ้าตาเหลือกขาว บนศีรษะยังเปล่งแสงสายฟ้าแล้ว พ่อลูกเถ้าแก่ซ่งมองหน้ากัน แอบคิดในใจว่าท่านเซียนสมกับเป็นท่านเซียนจริงๆ

คำก็พี่น้อง อีกค้อนก็ลูกพี่ลูกน้อง จัดการได้สะอาดเรียบร้อยมาก

จะว่าไปโดนค้อนฟาดหลังศีรษะแบบนี้ ยังต้องให้กินโอสถลบความจริงอีกหรือไม่

ช่างเถอะ เพื่อความปลอดภัย ให้กินสักเม็ดดีกว่า!

เถ้าแก่ซ่งง้างปากเสิ่นเทียนออกก่อนยัดโอสถลบความจำเข้าไปหนึ่งเม็ด

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “พวกเจ้าบอกว่าพี่หกเพิ่งมาถึงสวนหมื่นวิญญาณวันนี้ โอสถลบความจำเม็ดนั้นทำให้เขาลืมในวันนี้ก็พอแล้ว แต่ว่ารอยฝ่ามือกับซาลาเปาบนหน้าเขานั่น จัดการยากนิดๆ นะ”

เสิ่นเทียนขบคิดก่อนจะหยิบลูกกลอนย้อนวสันต์ขวดนั้นที่เสิ่นเอ้าให้เขามาเมื่อก่อนออกมาจากอกเสื้อ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ โลกบำเพ็ญเซียนก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องกงเกวียนกำเกวียน ‘เอามาจากพี่ ก็ต้องใช้มันกับพี่’

ต้องให้ความสำคัญ~

…….

หลังจากลูกกลอนย้อนวสันต์เม็ดหนึ่งลงท้องไปแล้ว เสิ่นเทียนเห็นชัดเลยว่าสีหน้าเสิ่นเอ้ากำลังฟื้นฟูกลับมา อย่างน้อยใบหน้าที่เดิมทีมีแต่รอยฝ่ามือหายบวมอย่างรวดเร็ว

“มัวเหม่ออะไร รีบส่งเขาไปสิ!”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจนปัญญา “เรื่องในวันนี้ให้ถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน”

เถ้าแก่ซ่งรีบพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ต้องโทษข้าที่สอนลูกไม่ถูกวิธี ทำให้ท่านเซียนลำบากแล้ว ท่านเซียนวางใจเถอะ รอข้าจัดการฝ่าบาทองค์ชายหกแล้ว จะสั่งสอนไอ้ลูกไม่รักดีให้หนักเลย

จากนั้นให้ไอ้ลูกไม่รักดีนี่กินโอสถลบความจำหนึ่งเม็ด รับรองว่าจะไม่มีบุคคลที่สามรู้เรื่องในวันนี้อย่างแน่นอน!”

คุณชายซ่ง “ข้า…”

เถ้าแก่ซ่งเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าอะไร ครั้งนี้เป็นเจ้าก่อเรื่องมาเอง!

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ท่านเซียนต้องจำใจลงมือกับพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองหรือ ท่านเซียนเสียสละให้สาวกเช่นนี้ หรือว่าเจ้าไม่ควรถูกโบยกัน?”

คุณชายซ่งรู้สึกแปลกๆ ตรงไหนสักที่ แต่ก็ได้แต่พูดด้วยความจำใจ “ข้าควรถูกโบย”

เถ้าแก่ซ่งแค่นเสียงขึ้นจมูกอีกครั้ง “เรื่องในวันนี้เกี่ยวไปถึงชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของท่านเซียน ถ้ามีคนรู้เพิ่มมาคนหนึ่งก็มีความเสี่ยงเพิ่มตามมา

พ่อทำการค้ามาหลายปี ปิดปากเงียบเหมือนขวด ไม่มีทางเลินเล่อปากพล่อยออกไปอย่างแน่นอน แต่ปากเจ้าไม่มีหูรูด ถ้าเกิดไม่ระวังพูดพล่อยออกไป เจ้าจะทำให้จากนี้ท่านเซียนจะคบหากับพี่น้องฝ่าบาทองค์ชายหกอย่างไร”

คุณชายซ่งเอ่ย “ท่านพ่อไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะกินยา”

……

เสิ่นเทียนพยักหน้า “พวกเจ้าจัดการพี่หกข้าแล้วกัน! ข้าขอตัวก่อน”

หลังเสิ่นเทียนกำชับแล้วก็ก้าวไวๆ เดินตรงออกไปนอกห้องลับ

พวกกุ้ยกงกงเห็นเสิ่นเทียนออกมาก็ตาเป็นประกายกัน

“ฝ่าบาทท่านออกมาแล้ว เถ้าแก่ซ่งคงไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใจหรอกกระมัง!”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากร้านวิญญาณสวรรค์ไปโดยไม่หันกลับมามองเลย

กุ้ยกงกงกับฉินเกามองหน้ากันด้วยสีหน้ากังวลใจ มันแปลกๆ นะ!

สองคนตามเสิ่นเทียนมาก่อนถามด้วยความเป็นห่วง “ฝ่าบาท ทรงมีเรื่องด่วนอะไรหรือไม่”

เสิ่นเทียนตอบนิ่งๆ “จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์เกี่ยวกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าอย่างมาก ตอนนี้สวนหมื่นวิญญาณไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่แล้ว จะอยู่นานไม่ได้ เก็บของ เราจะกลับวังคืนนี้”

กุ้ยกงกงพยักหน้า “คำพูดของฝ่าบาทคือที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

……

ความจริง ก่อนหน้านี้กุ้ยกงกงก็อยากจะเตือนเสิ่นเทียน

แก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามีค่ามากเกินไปจริงๆ ประกอบกับช่วงสองวันนี้ฝ่าบาทโดดเด่นเหนือใคร ล้ำเลิศยืนหนึ่งแล้ว

ถ้ายังค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ผู้มีวาสนาแบบเมื่อหลายวันก่อนต่อไป จะเป็นที่สนใจเอาได้ เกรงว่าไม่นานก็คงมีผู้บำเพ็ญชั่วร้ายที่แกร่งยิ่งกว่าผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยจับจ้องและปองร้ายฝ่าบาท

ไม่นึกเลยว่าบ่าวยังไม่ทันเอ่ยปากเตือน ฝ่าบาทก็เข้าใจในจุดนี้แล้ว

ฝ่าบาทเติบใหญ่แล้วจริงๆ รู้ความแล้ว

หากพระสนมหลานมีจิตวิญญาณบนสวรรค์ ก็น่าจะยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลก

พวกเสิ่นเทียนสามคนรีบกลับโรงเตี๊ยมมาเก็บของแล้วออกจากสวนหมื่นวิญญาณในคืนนั้น

…..

อีกด้านหนึ่ง พ่อลูกเถ้าแก่ซ่งรอจนดึกดื่นไม่มีคนแล้วถึงแอบยัดเสิ่นเอ้าใส่กล่องใหญ่ ก่อนจะขนย้ายออกไปนอกสวนหมื่นวิญญาณ

วางเสิ่นเอ้าไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกสวนหมื่นวิญญาณแล้ว สองคนก็มองอยู่ไกลๆ

หลายชั่วยามผ่านไป ในที่สุดเสิ่นเอ้าก็ฟื้นขึ้นมา

เขามองร่างตนเองด้วยความมึนงง ‘นี่ข้าเป็นอะไร เหตุใดข้ามาอยู่ที่นี่ จำอะไรไม่ได้เลย หรือจะธาตุไฟเข้าแทรก?

แต่ว่าธาตุไฟเข้าแทรกก็น่าจะเจ็บจุดตันเถียนนี่ เหตุใดข้ารู้สึกว่าตันเถียนไม่เป็นไร กลับรู้สึกหน้าชาเหมือนเคยโดนคนตบตี ที่หลังหัวยังมีเสียงหึ่งๆ ด้วยล่ะ’

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเสิ่นเอ้าก็ฟื้นแล้ว ซ้ำยังเหมือนจำอะไรไม่ได้ด้วย พวกเถ้าแก่ซ่งสองคนก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นหมุนตัวกลับบ้าน

…….

ครั้นกลับมาถึงบ้าน เถ้าแก่ซ่งหยิบโอสถลบความจำออกมาอีกเม็ด “ครั้งนี้จะไม่ทุบตีเจ้า กินยาเสีย!”

คุณชายซ่งซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว “ท่านพ่อ ท่านพูดจริงรึ”

เถ้าแก่ซ่งลูบหัวบุตรชาย “เจ้าเด็กโง่ พ่อจะหลอกเจ้าได้อย่างไรกัน เรื่องนี้เกิดเพราะเจ้า หากพ่อไม่พูดไปแบบนั้น ท่านเซียนจะระงับโทสะได้รึ

กินโอสถลบความจำแล้วกลับไปพักผ่อนห้องเจ้าเถอะ!”

แม้คุณชายซ่งจะรู้สึกแปลกๆ ที่ใดสักที่ แต่ไม่ถูกทุบตีก็ดีแล้ว

เขารับโอสถลบความจำมา กินในคำเดียวแล้วเดินไปทางห้องของตน

เถ้าแก่ซ่งเห็นบุตรชายไปแล้วก็ถือว่าโล่งอก

เขาจะตีบุตรชายเมื่อไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรีบ

ตอนนี้รีบให้เขากินโอสถลบความจำ แก้ปัญหาก่อนสำคัญที่สุด

……

“จะได้หลับสบายจริงๆ สักที”

เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว เถ้าแก่ซ่งรู้สึกอ่อนเปลี้ยหมดแรง เขาล้างหน้าบ้วนปากง่ายๆ ก่อนเอาหัวทิ่มหมอนหลับลึกไป

วันที่สอง เถ้าแก่ซ่งลืมตาขึ้นช้าๆ

สิ่งที่เห็นคือคุณชายซ่งที่มีสีหน้าตื่นเต้นมาก

“ท่านพ่อ เหตุใดวันนี้ท่านหลับลึกเช่นนี้ล่ะ! นี่เที่ยงวันแล้วนะ ท่านเดาสิว่าวันนี้ข้าไปเจออะไรมา เมื่อครู่ข้าเจอโจรกระจอกอยู่คน เจ้านั่นไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำ กล้าปลอมเป็นท่านเซียนต่อหน้าข้า!

เหอะๆ ดีเลวอย่างไรบุตรชายท่านก็เป็นสาวกที่เคยได้รับบุญคุณของท่านเซียน ข้าเห็นเจ้าคนไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำนั่นดูหมิ่นท่านเซียน ท่านเดาสิว่าบุตรชายแสนฉลาดของท่านจัดการมันอย่างไร!”

เถ้าแก่ซ่ง “?!”

………………………….……..