บทที่ 71 ริมฝีปากของสาวงามไม่น่าจูบเลย! Ink Stone_Fantasy
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยกำลังยืนอยู่กลางห้องโถง ตอนนี้เย่เทียนเฉินยังคงไว้ด้วยท่าทางถอยหลังเล็กน้อย ส่วนฉีหรูเสวี่ยกลับเอนตัวไปข้างหน้า สองมือจับที่แขนซ้ายขวาของเย่เทียนเฉินตามลำดับ ริมฝีปากประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ทั้งคู่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างตื่นตระหนกไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกระทันหันเกินไป แถมยังเกิดต่อหน้าหลัวเยี่ยนและเย่เฉี่ยนเหวิน ทั้งหมดต่างก็ทำอะไรไม่ถูก
เวลาราวกับจะหยุดนิ่ง เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยต่างก็จ้องตากัน หลัวเยี่ยนและเย่เฉี่ยนเหวินอ้าปากค้างทั้งดวงตาเบิกกว้าง มองเหตุการณ์นี้อย่างตกใจ ใครก็คิดไม่ถึงว่า ณ เวลานี้ เย่เทียนเฉินจะจูบกับฉีหรูเสวี่ย คู่รักคู่แค้นคู่นี้ อาจจะเป็นเป็นฟ้าลิขิตจริงๆ ก็ได้!
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เย่เทียนเฉิน หลัวเยี่ยน และเย่เฉี่ยนเหวินสามคนถูกลากกลับมายังความเป็นจริง เห็นเพียงใบหน้าอันงดงามของฉีหรูเสวี่ยแดงก่ำด้วยความเขินอาย รวมกับท่าทางงามล่มเมืองอีกหลายส่วน ดูแล้วยิ่งสวยเตะตาผู้คน
“ไอ้…ไอ้คนชั่ว นายจะมากไปแล้ว!” ฉีหรูเสวี่ยอายจนใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ ใช้สายตาอันโกรธเคืองจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินพลางคำรามลั่น
“ฉัน…ฉันเกินไปแล้ว?” เย่เทียนเฉินที่ยังคงดูไม่มีสติกล่าวถามอย่างตะกุกตะกัก
“ไปตายซะ…”
“อ๊ะ!”
ถูกฉีหรูเสวี่ยเหยียบขาอย่างโหดเหี้ยมครั้งหนึ่ง เย่เทียนเฉินเจ็บจนแยกเขี้ยว รองเท้าส้นสูงของผู้หญิง เป็นเครื่องมือที่มีพลังทำลายล้างสูงมาก รอจนเย่เทียนเฉินได้สติกลับมา ฉีหรูเสวี่ยก็อายจนวิ่งขึ้นไปชั้นสองแล้ว พุ่งเข้าไปในห้องนอนพลางปิดประตูห้องของตัวเองเสร็จสรรพ
“เฮ้ย เป็น เป็นเธอที่โถมตัวเข้ามาจูบฉันเอง โอเคไหม? ฉันยังถูกเธอตบถูกเธอเหยียบอีก เธอจำเป็นต้องอยุติธรรมแบบนี้ด้วยเรอะ?” เย่เทียนเฉินได้สติกลับมาก็ตะโกนเสียงดังลั่นไปยังชั้นสอง
หากจะบอกว่าในใจเย่เทียนเฉินไม่ตื่นเต้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ในชาติก่อนแม้ว่าข้างกายเย่เทียนเฉินมีหญิงงามชั้นเลิศอยู่มาก สำหรับผู้หญิงแล้ว เย่เทียนเฉินก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอ หญิงที่งามหยดย้อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยร่วมหลับนอนกันมาก่อน เพียงแต่ในโลกนี้ เย่เทียนเฉินยังไม่เคยคิดถึงปัญหาเรื่องผู้หญิงมาก่อน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะพบผู้หญิงหลายคน ทุกคนต่างก็ไม่เลว ต่างก็เป็นหญิงเกรดพรีเมี่ยม แต่ว่าเย่เทียนเฉินนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ตั้งแต่เขากลับมาเกิดใหม่ในโลกนี้ ก็คิดเพียงปกป้องญาติมิตรของตนเอง และเสพสุขไปกับชีวิตดีๆ อย่างน้อยจนปัจจุบันนี้ก็ไม่เคยคิดที่จะมีแฟนมาก่อน
ที่เย่เทียนเฉินตื่นเต้นจนไร้สติไปครึ่งค่อนวันนั้น เป็นเพราะจะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ตนเองจะถึงกับจูบกับฉีหรูเสวี่ยไปได้ ตั้งแต่ที่เจอหน้ากับฉีหรูเสวี่ยที่เครือไห่หวาง ก็ราวกับว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ได้กับคุณหนูใหญ่ผู้ป่าเถื่อนคนนี้ ทั้งสองเพียงแค่เจอหน้าก็ต้องทะเลาะถกเถียง ทนเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ จะต้องเหน็บแนมกัน
ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะจูบกัน ต่อไปนี้จะเข้าหน้ากันอย่างไร? เจอยามเจอหน้าจะยังทะเลาะกันดั่งคู่รักคู่แค้นหรือไม่? เกรงว่าจะมีความกระอักกระอ่วนใจอยู่น่ะสิ?
หลัวเยี่ยนเห็นเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกชายตกตะลึงจนอ้าปากค้างอยู่ที่เดิม เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ในใจนั้นหัวเราะขึ้นมาแล้ว จูบครั้งนี้ ภายหน้าไม่แน่ว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกและฉีหรูเสวี่ยใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยจะมีพัฒนาการอย่างไรกันแน่ นี่ทำให้ผู้คนเฝ้ารอเหลือเกิน ยอดเยี่ยมเสียจนไม่อาจพลาดได้โดยเด็ดขาด!
“ลูก ร้ายกาจมาก จับไว้ให้ดีๆ หรูเสวี่ยหญิงคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ” หลัวเยี่ยนยิ้มพลางตบบ่าเย่เทียนเฉิน
“พี่ชาย หนูดูไม่ออกเลยจริงๆ ที่แท้พี่ก็เปิดเผยตรงไปตรงมาขนาดนี้เลย ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ร้ายจริงๆ ทำเอาน้องสาวอย่างหนูที่ดูอยู่ข้างๆ หน้าแดงไปหมดเลย!” เย่เฉี่ยนเหวินเองก็หัวเราะฮี่ๆ พลางกล่าว
“แม่ น้อง ผมนี่…ไม่ใช่ผมนะ น้อง ไม่ใช่เป็นว่าเธอที่ตะโกนว่ามีแมลงสาบเหรอ? บอกมา ยัยตัวแสบตั้งใจใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินเพิ่งจะคิดออก ตอนที่เขากับฉีหรูเสวี่ยไม่มีใครยอมถอย เป็นเย่เฉี่ยนเหวินน้องสาวที่ตะโกนเสียงดังว่ามีแมลงสาบ จึงทำให้ฉีหรูเสวี่ยตกใจจนโถมตัวเข้าหาเขา จึงทำให้ทั้งคู่จูบกัน
“ฮี่ๆ พี่ชาย ยังไม่ต้องพูดว่ามันจริงไม่จริง พี่ต้องขอบคุณน้องสาวคนนี้ไม่ใช่เหรอ หากไม่ใช่เพราะหนูตะโกนประโยคนั้น พี่จะจะได้ดอมดมกลิ่นหอมนั้นได้ยังไง? หนูว่าพี่ควรจะต้องให้ค่าขนมหนูแล้วล่ะ” เย่เฉี่ยนเหวินยิ้มอย่างดงามพลางกล่าว
เย่เทียนเฉินมองเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้องอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นไปได้มากว่าเจ้าเด็กตัวแสบคนนี้จะจงใจ จึงเคาะลงไปบนหัวของเธอเบาๆ พลางกล่าวว่า “ยังจะมาทวงค่าขนมอีก เด็กน้อยกล้ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่อย่างพวกเรา ไม่รู้จักลำดับอาวุโส แม่ ผมแนะนำให้หักค่าขนมของน้องสาวครึ่งหนึ่ง”
“พี่ชาย พี่อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ หนูช่วยพี่ไว้นะ พี่นี่ไม่รู้จักบุญคุณเอาซะเลย…” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
หลัวเยี่ยนเห็นว่าเย่เทียนเฉินสองพี่น้องทะเลาะกันขึ้นมา ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาหารเย็นคืนนี้แม่ทำไว้แล้ว เนื่องจากเมื่อกี้เฉี่ยนเหวินมีความดีความชอบที่ตะโกนออกมา ทุกคนเดือนจะให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองร้อยหยวน ถือว่าเป็นรางวัล”
“โอ้แจ๋วไปเลย คุณแม่เยี่ยมที่สุดเลย พี่ชายขี้งกที่สุด ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด…” เย่เฉี่ยนเหวินโห่ร้องออกมา พลางทำหน้าทะเล้นใส่พี่ใหญ่เย่เทียนเฉิน
เจอกับหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้องทั้งสองคนนี้ ดูพวกท่าทางเช่นนี้ของพวกเธอ เย่เทียนเฉินก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรดี เดิมทีพวกเธอก็เข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของตนและฉีหรูเสวี่ย ตอนนี้จูบนี้ยังอาจนำปัญหามาอีก แม้ว่าข้างกายตนเองจะมีหญิงงามโคจรอยู่ แต่นั่นก็ยังเป็นการอยู่คนเดียวเพียงลำพัง มีอิสระเสรีคนเดียว อยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ มีความสุขมาก การแต่งงานก็เหมือนกับหลุมฝังศพ ตรงจุดนี้ต่อให้เป็นเย่เทียนเฉินที่มาจากชาติที่แล้วก็กระจ่างชัด
เย่เทียนเฉินถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง นั่งลงดูทีวีบนโซฟาที่ห้องโถง ส่วนแม่และน้องสาวทั้งสองคนกลับเริ่มยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัว ถึงอย่างไรก็ยังมีอาหารเย็นที่ต้องกิน
เพิ่งจะนั่งลงแทะเมล็ดแตงไปไม่กี่เม็ด โทรศัพท์บ้านภายในห้องโถงก็ดังขึ้น เย่เทียนเฉินยกหูโทรศัพท์ขึ้นพลางกล่าวว่า “ต้องการพูดกับใครครับ?”
“เทียนเฉิน นี่ปู่เอง!” เสียงของเย่หย่วนซานดังออกมาตามสาย
“โอ้ ผู้อาวุโสนี่เอง มีเรื่องอะไรหรือครับ?” แม้ว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมายกับเย่หย่วนซาน แต่เย่หย่วนซานจะอย่างไรก็เป็นเจ้าของตระกูลเย่ ดีร้ายอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสในบ้าน ยังคงต้องให้ความเคารพ หากเป็นเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วเจ้าสองคนนั้นโทรมา เช่นนั้นเย่เทียนเฉินคงจะไม่สบอารมณ์
“ปู่ได้ยินมาว่าหลานทำร้ายฉินเหิงจากตระกูลฉินเหรอ?” เย่หย่วนซานเปิดปากถาม
“ใช่ครับ ผู้อาวุโส เรื่องนี้ปู่วางใจได้ ผมจะจัดการด้วยตัวเอง จะไม่ให้เกี่ยวพันมาถึงคนในตระกูลเย่หรอกครับ” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเรียบ
“ฮ่าๆ เทียนเฉิน ปู่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ปู่แค่อยากจะบอกหลานว่า หลานจะทำอย่างไร ปู่ก็จะสนับสนุนหลาน แม้ว่าหลายปีมานี้ปู่จะใส่ใจครอบครัวของหลานไม่มากพอ แต่ว่าเป็นลูกหลานตระกูลเย่เหมือนกัน เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ปู่เองก็อยากจะเห็นหลานทำให้ตระกูลเย่รุ่งเรือง ทำให้เต็มที่เถอะ!” เย่หย่วนซานพูดพลางหัวเราะผ่านทางโทรศัพท์
เย่เทียนเฉินชะงักไปชั่วครู่ เขาคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเย่หย่วนซานจะถึงกับกล่าวคำนี้ ทั้งทำให้เขาตกใจและซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ทั้งเย่หย่วนซานยังเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้อาวุโส เขาสามารถพูดคำนี้ออกมาได้ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความรู้สึกต่อครอบครัวของตนจริงๆ
“วางใจเถอะครับผู้อาวุโส ทำให้ตระกูลเย่รุ่งเรืองนั้นผมไม่กล้าพูด แต่ผมจะไม่ยอมให้ตระกูลเย่เสียหน้า” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดี งั้นก็ดีแล้ว พวกเราตระกูลเย่จะได้ไม่ตกต่ำ ถูกคนดูถูก และถูกผู้คนสบประมาทแล้ว ปู่ก็แก่แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญ แต่ตระกูลเย่ของพวกเรา เคยเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจเรียกลมฝน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าตระกูลอื่นๆ จะมากจะน้อยก็ทำให้คนแก่อย่างปู่ไม่เต็มใจอยู่บ้าง…” เย่หย่วนซานเปิดปากกกล่าความในใจออกมา
“ฮี่ๆ ผู้อาวุโส พักผ่อนเร็วหน่อยนะครับ อายุมากแล้ว ต้องใส่ใจสุขภาพให้มาก อย่าคิดอะไรมากนะครับ ผมรู้สึกได้ลางๆ ว่าดวงชะตาของตระกูลเย่กำลังเปลี่ยนไปดีขึ้นแล้ว จะต้องรุ่งเรืองรุ่งโรจน์แน่นอน!” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดี ดี เทียนเฉิน หลานลงมือให้เต็มที่เถอะ ปู่สนับสนุนหลาน!” เย่หย่วนซานกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ครับผม ผู้อาวุโส แล้วเจอกันนะครับ ฝันดีครับ!”
หลังจากที่วางโทรศัพท์ไป มุมปากของเย่เทียนเฉินก็ปรากฏรอยยิ้มสายหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาพูดคุยกับผู้อาวุโสเย่หย่วนซานอย่างมีความสุขมากมายอะไร แต่เป็นเพราะคิดถึงเย่หงผู้เป็นบิดา หากรู้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสเอาใจใส่ลูกชายทั้งสามคนขนาดนี้ จะต้องดีใจมากแน่
ความจริงแล้วคนเรามีชีวิตหนึ่งชีวิตนี้ เพื่ออะไรกัน? ไม่ใช่เพื่ออยู่ด้วยกันกับครอบครัวอย่างเบิกบานใจ ทำให้ครอบครัวมีความสุขหรอกหรือ? ไม่ว่าจะเพื่อชื่อเสียง หรือเพื่อเป็นข้าราชการที่ร่ำรวย ทั้งหมดก็เพื่อผ่านวันเวลาไปให้ดียิ่งขึ้น เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ดังนั้นสามารถเห็นพ่อแม่และน้องสาวยิ้มอย่างมีความสุขได้ ก็เป็นเรื่องของเย่เทียนเฉิน
“เทียนเฉิน ใครโทรมาหรือ?” หลัวเยี่ยนถือตับหมูทอดจานหนึ่งออกมาจากห้องครัว วางไว้บนโต๊ะอาหารพลางกล่าวถาม
“เป็นผู้อาวุโสครับ ผมคุยกับเขาหลายประโยค ใช้เวลาไปสักพักแล้ว!” เย่เทียนเฉินกล่าวตามสบาย
“ผู้อาวุโส? ลูกคุยกับเขาหลายประโยค?”
หลัวเยี่ยนไได้ยนคำพูดของเย่เทียนเฉินก็ยิ่งตกใจ แต่ไหนแต่ไรผู้อาวุโสเย่หย่วนซานไม่เคยโทรมาหา คืนนี้นึกไม่ถึงว่าจะโทรมา ทั้งยังคุยกับหลานชายอย่างเย่เทียนเฉินไปหลายประโยค ดูจากท่าทางของเย่เทียนเฉิน เหมือนว่าจะคุยกันได้ไม่เลวเลย นี่ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ต้องทราบว่าเมื่อก่อนผู้อาวุโสเย่หย่วนซาน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใส่ใจใยดีครอบครัวนี้ของตนเองเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแสดงความใส่ใจด้วยตัวเอง พระอาทิตย์คงไม่ขึ้นทางทิศตะวันตกหรอกนะ?
“ใช่ครับ รู้สึกไม่เลวเลย กินข้าวกันเถอะ ท้องผมหิวไปหมดแล้ว ตับหมูทอดนี่ต้องอร่อยแน่ๆ!”
เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ พลางเดินไปข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมลงมือกิน แต่กลับถูกแม่ตีมือครั้งหนึ่งพลางกล่าวว่า “ลูกก็รู้แต่กินอย่างเดียว รีบไปเรียกหรูเสวี่ยลงมาสิ”
“ไม่เรียก อยากเรียนแม่กับน้องก็ไปเรียกสิครับ ผมขี้เกียจสนใจเธอ” เย่เทียนเฉินปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
ตั้งแต่จูบเมื่อสักครู่ หลังจากฉีหรูเสวี่ยทั้งตบทั้งเหยียบตนเองก็พุ่งไปที่ห้องนอนของตนเองบริเวณชั้นสอง ปิดประตูสนิท ไม่ได้ออกมาอีกเลย นี่ทำให้เย่เทียนเฉินกลัดกลุ้มมาตลอด เป็นฉีหรูเสวี่ยที่กลัวแมลงสาบเองแท้ๆ ถึงได้โถมตัวเข้ามา ทำให้จูบกัน แล้วยังตบตนเหยียบตนเอง ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่?
แม้ว่าชายที่ดีไม่ทะเลาะกับผู้หญิง ไม่หาเรื่องคุณหนูป่าเถื่อนอย่างฉีหรูเสวี่ย แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่อยากจะพูดกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ผู้หญิงป่าเถื่อนมิอาจหาเรื่องได้
…………………………………………………………