บทที่ 72 ฉีหรูเสวี่ยเสียจูบแรกไปแล้ว Ink Stone_Fantasy
วันนั้นตอนกลางคืน บนโต๊ะอาหารมีเพียงเย่เทียนเฉิน เย่เฉี่ยนเหวินและหลัวเยี่ยนสามคนกินข้าวกัน ส่วนฉีหรูเสวี่ยเพราะว่าเขินอายจึงหลบอยู่ในห้องนอนของตนเองไม่ออกมา หลัวเยี่ยนและเย่เฉี่ยนเหวินต่างก็เข้าไปดูมาแล้ว พบว่าฉีหรูเสวี่ยกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง
ตอนนี้เอง ฉีหรูเสวี่ยที่อยู่บนเตียงในห้องนอน ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว และก็เป็นเพียงการจูบเบาๆ เท่านั้น ในสายตาของคนจำนวนมากในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย เป็นสิ่งที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้หัวใจของฉีหรูเสวี่ยเต้นตึกตักไม่หยุด เนื่องจากนั่นเป็นจูบแรกของเธอ ถูกเย่เทียนเฉินขโมยไปเช่นนี้ จะไม่ให้ฉีหรูเสวี่ยใจเต้นหน้าแดงได้อย่างไร ถึงขนาดโกรธเคืองเล็กน้อยอีกด้วย
ฉีหรูเสวี่ยเติบโตมาในต่างประเทศโดยตลอด จนถึงปีนี้ที่เรียนที่ต่างประเทศจนจบการศึกษาถึงได้กลับประเทศมา รวมกับการหมั้นหมายของเย่เทียนเฉินในสมัยก่อน พวกนี้ล้วนแต่เป็นตระกูลที่ตัดสินใจตามอำเภอใจ ไม่ได้ผ่านฉีหรูเสวี่ยเลย ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่ฉีหรูเสวี่ยเจอหน้าเย่เทียนเฉินที่เครือไห่หวางและไม่ยอมถอนหมั้นขึ้น เธอไม่ใช่ว่าจะเกิดรักแรกพบกับเย่เทียนเฉิน แต่เพราะไม่อยากถูกตระกูลผูกมัด อยากจะพิสูจน์ว่าเรื่องของตัวเองก็จะทำด้วยตัวเอง ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความสุขชั่วชีวิตของตน
ตอนที่อยู่ต่างประเทศ ก็มีหนุ่มหล่อมากมาย หรือกระทั่งลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์มาตามจีบตนเอง แต่ว่าในนี้ไม่มีสักคนเดียวที่จะทำให้ฉีหรูเสวี่ยใจเต้น เนื่องจากคนที่ตามจีบตนเองเหล่านี้ หากไม่อวดอ้างบารมีภูมิหลังของตระกูล หรือยะโสโอหัง ก็มองแต่ความงดงามของตนเอง อยากจะขึ้นเตียงกับเธอฉีหรูเสวี่ยก็เท่านั้น สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยงามคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การยินดีอะไร แต่เป็นการดูถูกอย่างหนึ่ง นี่เป็นสาเหตุที่ฉีหรูเสวี่ยกลับประเทศมา
เป็นเพราะเหล่าคุณชายที่มาตามจีบตนเอง ไม่เข้าตาฉีหรูเสวี่ยสักคนเดียว ดังนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้สัมผัสเธอในระยะใกล้เลย กระทั่งหอมแก้มหรือจับมือก็ยังไม่เคย ที่ทำให้เธอแม้ตายก็คิดไม่ถึงก็คือ จูบแรกของเธอจะถูกเย่เทียนเฉินเจ้าคนชั่วเกินพิกัดคนนี้ขโมยไป ช่างทำให้ผู้คนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ
“เย่เทียนเฉิน เจ้าคนชั่ว ไอ้บ้ากาม ไอ้กุ๊ยสมควรตาย ฉันฉีหรูเสวี่ยไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ แน่ กล้าขโมยจูบแรกของคุณหนูใหญ่อย่างฉัน จะต้องให้นายจ่ายราคาแห่งความเจ็บปวดแน่นอน!” ฉีหรูเสวี่ยกัดฟันพูดด้วยความโกรธ
เย่เทียนเฉินกำลังกินข้าวอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่ง พลันรู้สึกหูของตนเองเห่อร้อน จึงเงยหน้ามองไปที่ชั้นสองครู่หนึ่ง ในใจคิดว่าต้องเป็นฉีหรูเสวี่ยกำลังด่าตนเองอยู่แน่ๆ เดิมทีต้องการที่จะแอบกระตุ้นพลังพิเศษแห่งการรับรู้ คิดไปคิดมาว่าอยู่ในบ้านตัวเองก็เลยช่างมันเถอะ ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย และก็ไม่อยากมีปัญหากับผู้หญิงอัปลักษณ์ป่าเถื่อนอย่างฉีหรูเสวี่ยด้วย
“พี่ชาย มีอะไรเหรอ? กลัวว่าพี่สาวหรูเสวี่ยจะหิวเหรอ อยากขึ้นไปส่งข้าวด้วยตัวเองเหรอ?” เย่เฉี่ยนเหวินเห็นเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่มองไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ก็พูดอย่างสนอกสนใจ
“ยัยตัวแสบ วันๆ ไม่เล่าเรียนให้ดีๆ ทำไมเอาแต่ขลุกอยู่กับเรื่องพวกนี้นะ? พูดมา มีแฟนอยู่ที่โรงเรียนใช่ไหม? สารภาพมาซะดีๆ ไม่งั้นถูกพี่กับแม่รู้เข้า น้องแย่แน่” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางยิ้มร้าย
“มะ…มีที่ไหนกันล่ะ หนูไปเรียนตรงเวลาทุกวัน กลับบ้านก็ตรงเวลา จะไปเหมือนพี่ที่ไหนกัน กลับบ้านดึกมาหลายวันแล้ว” เย่เฉี่ยนเหวินได้ยินคำพูดของพี่ชาย ใบหน้าก็แดงระเรื่อ รีบกล่าวออดมาพลางทำหน้ายู่
“งั้นเหรอ? จริงหรือหลอก? พรุ่งนี้พี่ไปถามที่โรงเรียนน้องก็รู้แล้วล่ะ…” เย่เทียนเฉินถามอย่างบีบบังคับพลางแย้มยิ้มชั่วร้าย
“แม่ แม่ดูพี่สิคะ เขารังแกคนอื่น!” เย่เฉี่ยนเหวินคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะมาไม้นี้ จึงรีบหาแม่มาช่วย
เห็นว่าในที่สุดเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้องก็รู้จักหวาดกลัว เย่เทียนเฉินยิ่งหัวเราะอย่างสะใจมากขึ้น แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างอับจนคำพูดว่า “ไม่หรอกมั้ง ดูเหมือนน้องกำลังรังแกพี่อยู่เลย? ตอนนี้ถึงกับให้แม่มาช่วย ดูท่าแล้วต้องมีข่าวของน้องที่โรงเรียนแน่ๆ”
“ไม่มี เห็นชัดๆว่าพวกเรากำลังพูดถึงเรื่องของพี่กับพี่สาวหรูเสวี่ย แต่พี่ดึงหัวข้อมาเป็นเรื่องของหนู นี่ก็เป็นการรังแกคน เฮอะ ไม่สนใจพี่แล้ว!” เย่เฉี่ยนเหวินทำปากยู่ สะบัดหัวไปอีกทางหนึ่งพลางกล่าว
“งั้นเหรอ? ตอนนี้พี่ชายใหญ่อย่างพี่สนใจเรื่องภายในโรงเรียนของน้องมาก…” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ พลางกล่าวต่อไป
“แม่ แม่ดูพี่สิเขา…” ใบหน้าของเย่เฉี่ยนเหวินมีอาการอายจนแดงเล็กน้อย รีบดึงแขนของหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่พลางกล่าว
“เอาล่ะ เอาล่ะ เทียนเฉิน แม่อยากจะถามลูกมาตลอด ตกลงแล้วลูกมีความรู้สึกต่อหรูเสวี่ยรึเปล่า? ถ้าหากว่ามี งั้นก็จีบเถอะ หรูเสวี่ยเด็กคนนี้ไม่เลวเลย ไม่ต้องคิดให้มากจนเกินไป หากว่าไม่มี ก็รีบทำให้ชัดเจนแต่เนิ่นๆ การที่หรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเรา ไม่ใช่ว่าจะเป็นวิธีเดียว ในเมื่อผู้อื่นเขายังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน และถ้าตระกูลฉีมาถามหาคนถึงที่บ้าน พวกเราต้องส่งคืนไปไม่ใช่หรือ?” หลัวเยี่ยนกล่าวถามพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างจริงจัง
“ไม่มีครับ ไม่มีอย่างแน่นอน แม่ครับ คำถามนี้ของแม่นับว่าถามได้ถูกจุดแล้ว ผมบอกแม่กับน้องไปนานแล้วว่าผมไม่ได้มีความรู้สึกต่อฉีหรูเสวี่ยแม้แต่น้อย อีกอย่างหญิงคนนี้ก็หลอกลวงพวกคุณแม่ เธอก็แค่ไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากหมั้นกับตระกูลฉิน ไม่งั้นจะมาอยู่ที่บ้านพวกเราได้ไง!” เย่เทียนเฉินเห็นว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่กล่าวถามออกมาอย่างจริงจัง ก็รีบเปิดปากพูด
หลัวเยี่ยนคิดครู่หนึ่ง กล่าวตามจริง ในใจลึกๆ เธอยังมีความหวังว่าฉีหรูเสวี่ยจะสามารถมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอได้ ได้ผ่านการใช้เวลาอยู่ร่วมกันช่วงระยะหนึ่ง หลัวเยี่ยนพบว่า ฉีหรูเสวี่ยไม่ได้มีท่าทีเฉกเช่นคุณหนูสูงศักดิ์ ไม่ว่าจะการทำการพูด ล้วนแต่สบายๆ อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อน เบื้องหน้ารับแขก เบื้องหลังเข้าครัว รวมกับโตมาอย่างงดงามขนาดนั้น เป็นหญิงดีงามที่หาได้ยากจริงๆ
แต่ว่า ช่วงนี้หลัวเยี่ยนก็พบว่าเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูก ดูราวกับว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อฉีหรูเสวี่ยจริงๆ นี่ทำให้เธอสงสัยอยู่บ้าง
หากว่าฉีหรูเสวี่ยเป็นเด็กจากครอบครัวธรรมดา มีหลายเรื่องที่พูดกันได้ แต่เธอกลับเป็นคุณหนูสูงศักดิ์จากตระกูลฉี เคยหมั้นกับเย่เทียนเฉินและเคยถอนหมั้นอีกด้วย ตอนนี้ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านของตน ความสัมพันธ์เหล่านี้นับวันก็ยิ่งซับซ้อน นับวันก็ยิ่งกล่าวได้ไม่ชัดเจน ภูมิหลังครอบครัวของฉีหรูเสวี่ยยิ่งใหญ่กว่าตระกูลเย่มาก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะฉีหรูเสวี่ยมาอยู่ที่ตระกูลเย่จริงๆ ทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหาย ตระกูลฉีย่อมไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ ถึงตอนนั้นอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ก็เป็นได้
ดังนั้นหลังจากผ่านการพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังปรึกษาเย่หงผู้เป็นสามีแล้วนั้น ก็เตรียมที่จะถามเย่เทียนเฉินให้ชัดเจน ถ้าหากเขาชอบจริงๆ เช่นนั้นก็จะสนับสนุนลูกชายอย่างเต็มที่ ถ้าหากว่าไม่ได้ชอบ เช่นนั้นก็ให้ฉีหรูเสวี่ยกลับบ้านไปตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงข่าวลือไม่ดีในภายหลังจนสร้างความขัดแย้งระหว่างตระกูลฉีและตระกูลเย่
“ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ งั้นลูกก็ไปพูดกับฉีหรูเสวี่ยให้ชัดเจน ให้เธอกลับบ้าน อย่าทำให้ชื่อเสียงของฝ่ายหญิงต้องด่างพร้อย” หลัวเยี่ยนเปิดปากกล่าว
“นี่…แม่ครับ นี่ให้แม่ไปพูดเถอะครับ ผมไม่อยากสนใจผู้หญิงป่าเถื่อนคนนั้นแล้ว!” เย่เทียนเฉินยังคงรู้สึกว่าใบหน้าฝั่งซ้ายเห่อร้อนจนปวด การตบของฉีหรูเสวี่ยนั้นช่างรุนแรงจริงๆ
“แม่เองก็ไม่สะดวกที่จะพูด จะอย่างไรผู้มาก็เป็นแขก จะให้บอกใบ้ให้กลับไป ก็ทำไม่ลงจริงๆ” หลัวเยี่ยนกล่าวอย่างลำบากใจ
ตอนนี้เอง เย่เฉี่ยนเหวินที่ฟังอยู่ด้านหนึ่ง หัวเราะฮี่ๆ มองเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่อย่างร้ายกาจพลางกล่าวถามว่า “พี่ชาย พี่พี่อยากให้พี่สาวหรูเสวี่ยจากไปมากๆ เลยใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าอยากอยู่แล้ว มีวิธีอะไรดีๆ แล้วเหรอ?” เย่เทียนเฉินรีบกล่าวถาม
“ฮี่ๆ นี่ก็ต้องดูการแสดงออกของพี่แล้ว…” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวพลางยื่นมือขวาออกไป ทำท่าทางบอกใบ้ว่าต้องการธนบัตร
เย่เทียนเฉินมองเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้องอย่างหดหู่ กล่าวอย่างอับจนคำพูดว่า “ผิดหรือเปล่า กระทั่งพี่ชายตัวเองก็ยังรีดไถอีก?”
“นี่เป็นปกติที่หนูสมควรได้รับจากการลงแรง พี่ไม่อยากฟังก็ช่างมันเถอะ” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวออกมาอย่างชาญฉลาด
เย่เทียนเฉินไม่รู้จะทำอย่างไรกับน้องสาวจริงๆ ทำได้เพียงหยิบธนบัตรออกมาใบหนึ่งจากบริเวณบั้นท้ายด้านหลัง ตบเบาๆ ลงบนมือของเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้องพลางกล่าวว่า “รีบพูดมาเถอะ กลัวก็แต่ว่าน้องจะเอาค่าเหนื่อยไปแล้วไม่มีวิธีดีๆ”
เย่เฉี่ยนเหวินเดิมทีก็ดีใจมากอยู่แล้ว ในที่สุดก็ไถเงินพี่ชายได้ ไหนเลยจะรู้ว่า เมื่อมองไปที่ธนบัตรบนฝ่ามือก็แทบจะร้องไห้ เป็นธนบัตรมูลค่าห้าเหมา(ประมาณ2บาท) ตนเองไม่ใช่xxxนะ พี่ชายจะขี้เหนียวไปรึเปล่า?
“ไม่จริงน่ะ? ห้าเหมา? พี่ชาย จะยังไงพี่ก็เป็นประธานกรรมการของเครือไห่หวาง นั่งอยู่บนทรัพย์สินนับร้อยล้าน เอาเงินออกมาจากตัวแค่ห้าเหมา ไม่อายคนเขาเหรอ?” เย่เฉี่ยนเหวินกรอกตาใส่พี่ชายอย่างอับจนคำพูด
“จะเอาไม่เอา ไม่เอาก็ยกเลิก ไม่แน่ความคิดของน้องอาจไม่คุ่มค่าห้าเหมานี่ด้วยซ้ำ” เย่เทียนเฉินจงใจใช้วิธีการรุนแรงพูดกับเย่เฉี่ยนเหวินน้องสาว
“ใครบอกว่าหนูไม่มีวิธีดีๆ? ถ้าหากว่าความคิดของหนูไม่เลว พี่ให้หนูสองร้อยโอเคไหม?” เย่เฉี่ยนเหวินทำหน้ายู่พลางกล่าว
“ไม่มีปัญหา” เย่เทียนเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ในเมื่อพี่กับแม่ รู้สึกไม่ดีที่จะต้องไปปพูดกับพี่สาวหรูเสวี่ย ถ้างั้นก็ให้หนูไป หนูกับพี่สาวหรูเสวี่ยเป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง อีกอย่างพวกเราก็เป็นคนวัยเดียวกัน หลายๆ เรื่องพูดกันได้สะดวกกว่าพวกพี่” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวอย่างลำพองใจ
“ความคิดนี้ไม่เลวเลย เฉี่ยนเหวินสามารถไปลองเชิงหรูเสวี่ยดูก่อน ถามความรู้สึกของเธอ หากมีโอกาส ก็เผยปัญหาเหล่านี้กับเธอ ดูว่าเธอจะทำยังไง พวกเราเองก็ไม่อาจไล่คนอื่นไปได้หรอกใช่ไหม” หลัวเยี่ยนพยักหน้ากล่าว
“ขอเพียงแค่น้องสามารถทำให้ฉีหรูเสวี่ยไปจากบ้านเราได้ พี่ชายก็จะให้น้องสองร้อย!” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างแสนดี
“พี่ชาย พี่หน้าไม่อายจริง พูดอยู่ชัดๆ ว่าถ้าความคิดหนูดีจะให้สองร้อย” เย่เฉี่ยนเหวินเห็นว่าเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ตีเนียนก็รีบพูดเสียงดัง
“นั่นน้องได้ยินไปเองแล้ว ถ้าทำเรื่องนี้ได้ดี พี่จะให้รางวัลสองร้อยหยวน บายบาย ฝันดี!”
เย่เทียนเฉินกล่าวจบ ไม่รอให้น้องสาวโมโหใส่ก็วิ่งหายขึ้นไปชั้นสองราวกับควันแล้วปิดประตูห้องนอน พรุ่งนี้เช้ายังต้องรีบไปที่สนามบิน เดิมทีต้องการจะพูดกับแม่และน้องสักหน่อยว่าตนเองจะไปต่างประเทศสักหลายวัน ตอนนี้ดูแล้วถึงเวลาค่อยโทรบอกก็พอ
เข้ามาถึงภายในห้องนอน เย่เทียนเฉินก็นั่งขัดสมาธิ เริ่มรับรู้ถึงพลังพิเศษทุกหยดภายในชีพจรในร่างกาย ตั้งแต่ขอบเขตพลังพิเศษยกระดับไปถึงระดับจอมราชัน เขาก็ยังไม่ได้ฝึกฝนดีๆ เลย การไปประเทศmคราวนี้ ที่นั่นมีหน่วยพลังพิเศษเฉพาะกิจอยู่ ภายในมียอดฝีมือเยอะราวฝูงเมฆ เป็นไปได้มากว่าจะเจอกับการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและกลิ่นคาวเลือด ฝีมือไม่แข็งแกร่งไม่ได้ อีกอย่างเย่เทียนเฉินก็เฝ้ารอการต่อสู้กับชางหลางอีกด้วย
………………………………………………..