ตอนที่ 83 สายด่วนผู้มีอิทธิพล

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินอวี่ยืนอยู่ที่เดิม ครูผู้หญิงเดินไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ไปไหน

 

 

เอกสารในมือที่จริงแล้วเป็นแค่การบังหน้าเท่านั้น

 

 

เธอก้มหน้าเม้มปากน้อยๆ ท่าทีของหลินจิ่นเซวียนเมื่อคืนทำให้เธอกระวนกระวายนิดหน่อย

 

 

หยิบมือถือขึ้นมาพลางครุ่นคิด ก่อนก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วต่อสายโทรศัพท์

 

 

“ฮัลโหล แม่” ฉินอวี่เหลือบมองห้องพักครูแวบหนึ่ง ในดวงตาเป็นประกาย “ไม่มีอะไร แค่อยากบอกแม่ว่า หนูเห็นพี่ในห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายวิชาการ พี่โทรหาแม่หรือเปล่า”

 

 

 

 

จากการตรวจสอบมาทั้งคืน คนที่ลู่จ้าวอิ่งไหว้วานก็สืบจนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้ว

 

 

ตอนที่ได้ข้อมูลมา แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ

 

 

“ใครนะ” เฉิงเจวี้ยนวางปากกาลง กดนวดขมับ น้ำเสียงเรียบเฉย

 

 

ลู่จ้าวอิ่งพิงอยู่อีกมุมหนึ่ง ล้วงกระเป๋ามือเดียว โยนข้อมูลมาตรงหน้าเขา “นายคิดไม่ถึงแน่นอน ฉันตามสืบจากคนนั้นจนเจอตระกูลสวี คนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลสวีนิดหน่อย”

 

 

“ตระกูลสวีเหรอ” เฉิงเจวี้ยนเอนตัวพิงข้างหลัง มือเคาะโต๊ะ หรี่ตาลง “ท่านสวีไม่ใช่คนแบบนี้”

 

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่ เป็นแค่คนกระจอกที่เกี่ยวข้องกับตระกูลสวีนิดหน่อยก็เท่านั้น รู้จักท่านสวีที่ไหนกัน” ลู่จ้าวอิ่งยิ้ม ใบหน้าดูอวดดี “เขาก็แค่รู้จักกับคุณชายสวี”

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเขาแวบหนึ่ง นึกชื่อแล้วพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “สวีเหยากวง?”

 

 

“เขานั่นแหละ” ลู่จ้าวอิ่งทำเสียงจิ๊ “แต่คนที่ติดต่อแอคเคาท์โฆษณาไม่ใช่ตัวคุณชายสวี แต่เป็นฉินอวี่ น้องสาวคนนั้นของฉินเสี่ยวหร่านนั่นแหละ คิดว่าน่าจะรู้จักเจ้านั่นผ่านคุณชายสวี”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งขี้เกียจจะจำชื่อแล้ว

 

 

เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “ใจกล้าดีนี่”

 

 

“คงไม่คิดว่าจะมีคนตรวจสอบเขา” ลู่จ้าวอิ่งตั้งใจสังเกตตอนที่ท่านเจวี้ยนของพวกเขาพูด ในสายตาไม่มีอารมณ์ขันเลยสักนิด

 

 

“หลักฐานถึงมือแล้วสินะ” เฉิงเจวี้ยนหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

“รูปที่แคปไว้กับบันทึกการโอนเงินอยู่ครบ” ลู่จ้าวอิ่งยื่นมือไปลูบต่างหู พร้อมกับบดกราม

 

 

เฉิงเจวี้ยนตอบอืม เสียงขึ้นจมูก “แบ่งเป็นสองชุด ส่งไปให้ท่านสวีชุดหนึ่ง อีกชุดเก็บไว้”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเข้าใจความหมายของเฉิงเจวี้ยน จึงถ่ายเอกสารเก็บไว้หลายใบแล้วเก็บไว้ “ได้ ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

 

 

 

 

ภายในห้องพักครู ในเวลาเดียวกัน

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการเกรงใจฉินหร่านมากทีเดียว “เมื่อวานมีคนลบการค้นหายอดนิยมแล้ว แต่ก็มีคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเอาแต่ปลุกปั่น เรื่องที่เหลือโรงเรียนจะจัดการเอง”

 

 

อันที่จริงเกาหยางกังวลมาก มาหาหัวหน้าฝ่ายวิชาการเพราะอยากให้ลดผลกระทบของเรื่องนี้ให้น้อยลงที่สุด

 

 

แต่ไม่คิดเลยว่า เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก หัวหน้าฝ่ายวิชาการก็จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว

 

 

เขาอึ้งนิดหน่อย

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการแค่มองฉินหร่านอย่างอ่อนโยน “มีปัญหาอื่นอีกไหม”

 

 

ที่จริงเขารู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของฉินหร่านนานแล้ว ตอนนั้นหลินฉีเคยเอาคดีของฉินหร่านให้เขา

 

 

แต่ตอนนั้นหัวหน้าฝ่ายวิชาการปฏิเสธไป

 

 

ไม่คิดว่าภายหลังเธอจะมาถึงโรงเรียนเหิงชวนอีจงพร้อมกับจดหมายแนะนำตัวของอาจารย์ใหญ่

 

 

ซ้ำยังเกี่ยวข้องกับเฟิงโหลวเฉิง ยากนักที่หัวหน้าฝ่ายวิชาการจะเสียมารยาทกับฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น พูดว่าขอบคุณ มีมารยาทมากทีเดียว แต่ใบหน้ากลับไร้อารมณ์

 

 

“ต้องรบกวนหัวหน้าติงจริงๆ” ความตึงเครียดของเกาหยางคลายลงในพริบตา รีบเอ่ยปากแทนฉินหร่านทันที

 

 

เขาว่าแล้วเชียว นักเรียนที่เป็นเด็กดีมากอย่างฉินหร่านจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

 

 

ปัง!

 

 

ในตอนนี้เอง ประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากข้างนอก

 

 

“หัวหน้าฝ่าย ฉันเพิ่งรู้ข่าวเมื่อครู่นี้ เจ้าบ้านตระกูลเฟิงไม่รู้จักเด็กผู้หญิงม.ปลายอะไรเลย” ครูผู้หญิงเดินเข้ามา มองฉินหร่านแวบหนึ่ง ท่าทางพิลึกคน

 

 

“คุณพูดอะไรอีกแล้ว” หัวหน้าฝ่ายวิชาการปวดหัวจนต้องนวดขมับ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง”

 

 

ครูผู้หญิงมองฉินหร่าน สีหน้าเยาะเย้ย

 

 

“ฉันพูดผิดตรงไหน คุณลองถามนักเรียนฉินหร่านคนนี้ดูสิ รู้จักคนตระกูลเฟิงจริงไหม” ครูผู้หญิงรู้จักฉินอวี่ คนอย่างฉินอวี่ไม่มีทางพูดปด งั้นคนที่โกหกก็มีแค่ฉินหร่านแล้ว

 

 

ไม่คิดว่าพอเธอพูดจบ ฉินหร่านจะไม่วิตกกังวลเลยสักนิด แค่ปรายตามองเธอแวบหนึ่ง คล้ายว่ารู้สึกขำ

 

 

เกาหยางเริ่มสับสนขึ้นมาแล้ว

 

 

ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงได้ล่ะ

 

 

“หัวหน้าฝ่าย” ครูผู้หญิงไม่มองฉินหร่านอีก เบนสายตามองหัวหน้าฝ่ายวิชาการ “นักเรียนฉินหร่านแค่แอบอ้างชื่อเสียงของตระกูลเฟิงให้โรงเรียนช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เธอ เธอไม่รู้จักเจ้าบ้านตระกูลเฟิงเลยสักนิด การกระทำแบบนี้ต่ำช้าที่สุด”

 

 

หัวหน้าฝ่ายปวดหัวขึ้นมาทันที

 

 

เขามองฉินหร่าน น้ำเสียงอ่อนลง “นักเรียนฉินหร่าน คืออย่างนี้ เธอติดต่อคุณเฟิงหน่อยได้ไหม”

 

 

เขาชะงักไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “แน่นอนว่าครูไม่ได้สงสัยเธอ แต่มีรายละเอียดต้องให้คุณเฟิงช่วย เพราะเขาเป็นหนึ่งในเจ้าทุกข์เหมือนกัน พวกเราต้องวางแผนป้องกันทางเวยป๋อก่อน”

 

 

ฉินหร่านยืนอยู่ที่เดิม

 

 

เธอเอียงหัว มองครูผู้หญิงแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้ค่ะ”

 

 

ท่าทางยังคงไม่ทุกข์ร้อนอะไร

 

 

ครูผู้หญิงเห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่เข้าใจ เพียงแค่ยื่นมือถือออกไป “เดี๋ยว ฉันค้นเจอเบอร์หนึ่ง เธอโทรไป”

 

 

เธอยื่นมือถือให้ฉินหร่านดู

 

 

ฉินหร่านไม่เงยหน้า เพียงแค่ปรับหน้าจอมือถือให้ตรง กดบันทึกการโทร หาชื่อหนึ่งจากบรรดาคนจำนวนแค่ไม่กี่คน

 

 

ครูผู้หญิงขยับเข้าไปมองแวบหนึ่ง

 

 

มันคือบันทึกการโทร เห็นหน้าจอแสดงอักษรสามตัวว่า…

 

 

เฟิงโหลวเฉิง

 

 

เล่นละครได้สมจริงทีเดียว

 

 

ครูผู้หญิงไม่คิดว่าคำพูดของฉินอวี่จะพลาด แถมยังรีบร้อนอยากเปิดโปงเธอ จึงปริปากพูดเหน็บแนมว่า “มีแม้กระทั่งเบอร์ส่วนตัวของเจ้าบ้านเฟิง งั้นเธอก็โทรตอนนี้เลย”

 

 

ฉินหร่านไม่สนใจเธอ กดลงไปที่ชื่อนี้ทันที