ตอนที่ 84 ทำไมแกถึงไปชอบคนแบบนี้ได้

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ดังอยู่สองครั้ง สายก็ติดแล้ว

 

 

เสียงของเฟิงโหลวเฉิงแว่วมา “ฉิน…”

 

 

“สวัสดีค่ะคุณเฟิง หัวหน้าฝ่ายวิชาการอยากคุยกับคุณหน่อย” ฉินหร่านพูดแทรกคำว่า ‘คุณหนูฉิน’ ที่ยังไม่ทันออกจากปากเขา

 

 

เสียงของทางนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง “ได้ เธอส่งให้เขา”

 

 

เสียงของเฟิงโหลวเฉิงเปลี่ยนเป็นเป็นทางการขึ้นมา

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการเล่าเรื่องให้เฟิงโหลวเฉิงฟัง

 

 

“ต้องขอโทษด้วย ไปส่งอาหารให้เด็กๆ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้มีประชุมไปไม่ได้ ผมจะให้พ่อบ้านไปโรงเรียน เรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง”

 

 

ในห้องพักครูเงียบมาก ทุกคนที่อยู่รอบๆ ได้ยินเสียงของเฟิงโหลวเฉิงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

 

 

เพราะเป็นเฟิงโหลวเฉิง น้ำเสียงทรงพลัง พูดจาฉะฉานชัดเจน

 

 

ตั้งแต่ไม่แสดงท่าทีอะไรจนถึงหยิบมือถือเริ่มพูดประโยคแรก ในใจครูผู้หญิงก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว

 

 

ตลอดระยะเวลาที่รอคอย ในห้องพักครูไม่มีเสียงอะไรเลย

 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

 

ยี่สิบนาทีต่อมา เสียงประตูห้องพักครูดังขึ้น หัวหน้าฝ่ายวิชาการและคนอื่นลุกพรวดพราดทันที

 

 

คนที่เข้ามาไม่ใช่พ่อบ้านของเฟิงโหลวเฉิง แต่เป็นหนิงชิงที่รีบร้อนเดินทางมา เครื่องสำอางบนหน้าเธอเลอะเล็กน้อย

 

 

“ขอโทษด้วยค่ะ ต้องขอโทษด้วย หัวหน้าฝ่าย ลูกสาวดิฉันสร้างปัญหาให้คุณซะแล้ว” หนิงฉิงรีบพูดเป็นพัลวัน พอเหลือบมอง ก็เห็นฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งตัวคนเดียว กำลังก้มหน้าเล่นมือถือ จึงพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงไม่ดีเป็นอย่างมาก “ฉินหร่าน”

 

 

ฉินหร่านไม่เงยหน้า และไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ

 

 

เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

 

 

หัวของหนิงฉิงจะระเบิดแล้ว เธออ้าปากเหมือนอยากพูดอะไรอีก

 

 

ในตอนนี้เอง เธอรู้สึกเหมือนตรงหน้ามืดลง มีเงาเพิ่มขึ้นมา

 

 

พอเหลียวมอง ก็เห็นชายหนุ่มถือกระเป๋าเอกสารเดินเข้ามา

 

 

คนที่ติดตามข่าวสารอยู่บ้าง ต่างก็คุ้นเคยกับใบหน้าของเฟิงโหลวเฉิงที่มักจะปรากฏตัวบนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองนี้อยู่บ่อยครั้งเป็นอย่างดี และต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับพ่อบ้านหลี่ ผู้ช่วยคนหนึ่งของเฟิงโหลวเฉิงด้วยเช่นกัน

 

 

คนที่ปกติแล้วจะปรากฏตัวร่วมกับเฟิงโหลวเฉิงเฉพาะในทีวีกลับปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้

 

 

หัวหน้าฝ่ายวิชาการตกใจ เฟิงโหลวเฉิงให้ความสำคัญกับฉินหร่านมากจริงๆ

 

 

“คุณหนูฉิน” พ่อบ้านหลี่ทักทายฉินหร่านด้วยความนอบน้อมอย่างมากก่อน

 

 

จากนั้นมุมปากก็ประดับรอยยิ้มที่เหมาะสมที่สุด หันไปทางหัวหน้าฝ่ายวิชาการ ยื่นนามบัตรใบหนึ่งออกไป “สวัสดีครับหัวหน้าติง ผมเป็นผู้ดูแลตระกูลเฟิง ครั้งนี้มาเพื่อจัดการเรื่องของคุณหนูฉินโดยเฉพาะ”

 

 

เขาจับมือกับหัวหน้าฝ่ายวิชาการยิ้มๆ

 

 

คนรอบข้างไม่กล้าแม้แต่จะปริปาก ครูผู้หญิงตกใจหน้าถอดสีไปนานแล้ว พอหน้ามืด เหงื่อก็ผุดเต็มหน้าผาก พึมพำว่า “ทั้งที่ฉินอวี่เป็นคนบอกเราเองแท้ๆ ว่าพวกเขาไม่รู้จักกัน…”

 

 

“อาจารย์คะ ถ้าไม่มีธุระกับหนูแล้ว หนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” ฉินหร่านก้มหัวให้พวกเขาแล้วเดินตรงไปทางประตู

 

 

ทั้งห้องพักครูเงียบกริบ นอกจากพ่อบ้านหลี่แล้ว ไม่มีใครส่งเสียง

 

 

หนิงฉิงรับสายจากฉินอวี่แล้ว ก็มาโรงเรียนอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนนี้นิ่งไปแล้ว ทำได้แค่มองแผ่นหลังของฉินหร่านอึ้งๆ จากนั้นก็มองพ่อบ้านหลี่ที่กำลังคุยกับหัวหน้าฝ่ายวิชาการ

 

 

ในหัวสมองขาวโพลน ราวกับเพิ่งรู้จักฉินหร่านเป็นครั้งแรก

 

 

 

 

เป็นที่รู้กันดีว่า ต้องรีบลดระดับความนิยมในเวยป๋อให้เร็วและสงบลงจะดีที่สุด

 

 

สามวันต่อมา ไม่เจอร่องรอยเรื่องที่เกี่ยวกับฉินหร่านในเวยป๋อแม้แต่นิดเดียว ไม่เจอแม้กระทั่งคีย์เวิร์ดด้วยซ้ำ

 

 

เสมือนน้ำหยดหนึ่งหยดลงกลางมหาสมุทร ไม่ทำให้เกิดคลื่นแม้แต่นิดเดียว

 

 

ฉินหร่านมาตัดไหมกับเฉิงเจวี้ยน

 

 

“นี่เป็นข้อมูลชุดหนึ่ง” เฉิงเจวี้ยนตัดไหมแล้วกำชับข้อควรระวังกับเธอนิดหน่อย ก่อนจะยื่นข้อมูลให้เธอ

 

 

ความนิยมในเวยป๋อหายไปแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงลากตัวผู้บงการ

 

 

เขาก็ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เพียงแค่ยกอำนาจทั้งหมดของเรื่องนี้ให้ฉินหร่านจัดการเอง

 

 

แน่นอนว่า…

 

 

กลัวว่าบางคนจะจัดการได้ไม่ดี

 

 

ขณะเดียวกันเขาก็แค่ไปหาอาจารย์ใหญ่สวี จากความเป็นห่วงที่อาจารย์ใหญ่สวีมีต่อฉินหร่านแล้ว เขาไม่มีทางนิ่งนอนใจกับเรื่องนี้แน่

 

 

ฉินหร่านคาบอมยิ้มไว้ในปาก ก้มหน้าพลิกดูเอกสาร

 

 

เอกสารชุดนี้เธอก็มีเหมือนกัน ละเอียดกว่าที่เฉิงเจวี้ยนให้เธอด้วยซ้ำ

 

 

“อร่อยไหม” เฉิงเจวี้ยนถาม

 

 

ฉินหร่านเงยหน้า ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำน่าค้นหา “อะไรเหรอ”

 

 

“ขนมของเธอ” เขาทำหน้าเรียบเฉย ยื่นมือออกไปแล้วชี้

 

 

ฉินหร่านล้วงอีกแท่งออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้เขา “กินตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ ฉันมีอีกเพียบ”

 

 

วันนี้เธอไม่สวมเสื้อกันหนาวอย่างที่เคย แต่สวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกเธอเมินมานาน มันเป็นสีดำแดง กระดุมที่ติดทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ชายเสื้ออยู่ในกางเกงยีน เอวบางคอด สามารถเห็นรูปร่างอันพลิ้วไหวได้ตามแนวชายเสื้อที่ถูกยัดลงไปในกางเกงยีน

 

 

แสงแดดนอกหน้าต่างกำลังดี ส่องลงบนใบหน้าด้านข้างของเธอทำให้ดูสะดุดตา

 

 

เฉิงเจวี้ยนยิ้มอย่างเกียจคร้านไปทีหนึ่ง มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ในปาก แต่กลับไม่จุดมัน

 

 

เฉิงมู่เดินถือมือถือเข้ามาจากนอกห้อง “ท่านเจวี้ยน ห่าวตุ้ยมา…”

 

 

เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นฉินหร่าน คำพูดที่ยังไม่ทันเอ่ยออกมาก็ถูกกลืนลงไป เผลอมองฉินหร่านแวบหนึ่ง

 

 

ไหมบนมือฉินหร่านถูกตัดออกไปแล้ว เธอกำลังยันโต๊ะจะลุกขึ้น

 

 

ก็ได้ยินเฉิงเจวี้ยนพูดขึ้นว่า “พูดมาได้เลย”

 

 

“…ห่าวตุ้ยมาหาท่านที่เหมืองอวิ๋นเฉิงแล้ว รออยู่ข้างนอก” เฉิงมู่มองฉินหร่านด้วยท่าทีนับถือและเอ่ยขึ้นด้วยสีเรียบนิ่ง

 

 

 

 

ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่

 

 

สวีเหยากวงเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป น้ำเสียงนอบน้อม “คุณปู่”

 

 

“นั่งสิ” อาจารย์ใหญ่สวีชี้เก้าอี้ข้างประตู ปิดเอกสารในมือ “ได้ยินว่าแกชอบผู้หญิงคนหนึ่งในโรงเรียนเหรอ”

 

 

สวีเหยากวงดูตกใจมาก “คุณปู่ หมายถึง…ฉินอวี่เหรอครับ”

 

 

“เธอแอบอ้างชื่อเสียงของแกทำเรื่องบางอย่าง แน่นอนว่า แกบอกว่าใช้เครือข่ายกับฐานะของแกไม่ได้…” นิ้วของอาจารย์ใหญ่สวีเคาะโต๊ะ เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ก็แค่ ปู่ไม่เข้าใจ ทำไมตอนนั้นแกถึงไม่ชอบฉินหร่าน แต่ไปชอบคนแบบนี้กันนะ”

 

 

ขณะที่พูด อาจารย์ใหญ่สวีก็ดันเอกสารชุดหนึ่งบนโต๊ะให้สวีเหยากวง “แกลองดูสิ”