ตรงข้ามกับความแค้นเคืองของหนานกงจวิ้นซี เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงมีสีหน้าเคร่งขรึม เม้มริมฝีปากบางแน่น บนใบหน้าแม้จะเรียบเฉย แต่จากกลิ่นอายเย็นยะเยือกเหี้ยมโหดที่แผ่จากตัวเขา แสดงให้เห็นว่าเขากำลังไม่พอใจแค้นเคืองในใจ
เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในแคว้นเทียนหยวน แคว้นเทียนหยวนเป็นใต้ฟ้าของตระกูลเหลิ่ง ลัทธินอกรีตพวกนั้น ตอนนี้กำลังสังหารผู้คนต่อหน้าต่อตาของพวกเขา นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่เห็นคนในราชสำนักอยู่ในสายตา!
สำหรับเรื่องนี้ ทุกคนต่างไม่พูดจากันอยู่ชั่วขณะ รอบด้านจึงอยู่ในภาวะเงียบงัน
ในที่สุด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็กลับไปยังห้องหนังสือ อีกทั้งยังสั่งว่าไม่อนุญาตให้ผู้ใดมารบกวน น่าจะกำลังคิดหาแผนการอย่างใดอยู่เป็นแน่
ส่วนหนานกงจวิ้นซีเดินไปพร้อมกับเขา ทั้งสองคนนั่งหารือกันอยู่ภายในห้องหนังสือทั้งบ่าย
เล่อเหยาเยาหลังจากทำงานเสร็จ เหลิ่งจวิ้อวี๋กับหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ในห้องหนังสือ ก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อใด
ตอนนี้เมื่อมีเวลาว่าง เล่อเหยาเหยาจึงไปพบเสี่ยวมู่จื่อ
ขณะนั้นเสี่ยวมู่จื่อและเหล่าขันทีที่ทำงานเสร็จ กำลังนั่งรับลมเย็นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เล่อเหยาเหยาเห็นเข้าจึงเดินเข้าไป ก่อนนั่งลงข้างกายเสี่ยวมู่จื่อ ฟังว่าทุกคนกำลังพูดถึงสิ่งใด
ช่วงนี้ทางตะวันออกของเมืองเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด สิ่งที่คุยกันคือเรื่องควักหัวใจเรื่องนั้น
เล่อเหยาเหยาที่ได้ฟังรู้สึกใจไม่ดี คิดจะเดินไปที่อื่นกับเสี่ยวมู่จื่อ คิดไม่ถึงกลับได้ยินเสี่ยวหลี่จื่อที่อยู่ด้านข้างเอ่ยว่า
“เฮ้อ พักนี้มีหญิงสาวตายไปมากมาย ปีนี้กลัวว่าการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะคงไม่ได้จัดแล้ว! ข้ายังคิดว่าวันนั้นจะไปชมดูความคึกคักอยู่เลย!”
“น่าจะไม่จัดแล้ว!ตอนนี้ทุกครอบครัวที่มีลูกสาว ต่างร้อนใจอยากให้ลูกสาวแต่งออกไป และพาลูกสาวไปหลบซ่อนเอาไว้ เพราะกลัวลูกของตนจะกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย”
“ใช่ๆ เฮ้อ เมื่อวานข้ากลับบ้าน ได้ยินมารดาเล่าว่าเสี่ยวฮัวข้างบ้านข้า ปีนี้เพิ่งอายุสิบสาม เมื่อก่อนข้าเห็นนางเป็นน้องสาวมาตลอด แต่พรุ่งนี้ นางต้องแต่งให้กับคนโง่ผู้นั้นทางตะวันตกของเมือง ชีวิตนี้ของนางจบสิ้นลงแล้ว”
“ของเจ้านับว่ายังดี โง่แต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ลูกพี่ลูกน้องของข้าวันนี้ต้องแต่งให้กับชายชราอายุหกสิบปีเป็นอนุคนที่สิบแปด คิดดูแล้วน่าเศร้าใจเพียงใด”
“ใช่ ดังนั้นการแข่งความสามารถด้านศิลปะในปีนี้ เกรงว่าคงไม่มีการจัดงานแล้ว เพราะตอนนี้จะยังมีหญิงสาวที่ใดกล้าเข้าร่วมล่ะ! ทุกคนต่างหวาดผวา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าขันที ทำให้เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าไม่เข้าใจ พลันเอ่ยถามว่า
“การแข่งขันความสามารถด้านศิลปะ มันคือการละเล่นอันใดหรือ ”
“เสี่ยวเหยาจื่อ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้หรือ!”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา ทุกคนต่างมีสีหน้าตกใจ ทว่าต่อมาเป็นเสี่ยวมู่จื่อที่รู้ว่าเล่อเหยาเหยาในเวลานี้จำเรื่องราวในอดีตทั้งหมดไม่ได้ ดังนั้นจึงเอ่ยเรื่องการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะทั้งหมดให้เล่อเหยาเหยาฟัง
การแข่งขันความสามารถด้านศิลปะนี้ ปีหนึ่งถูกจัดขึ้นหนึ่งครั้ง อีกทั้งผู้สมัครเข้าแข่งนั้น ตามกฎต้องเป็นหญิงสาวอายุตั้งแต่สิบสามถึงสิบแปดปี
ในการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะนี้ หญิงสาวเหล่านั้นต่างสามารถแสดงความสามารถด้านศิลปะที่ตนชำนาญ ผู้สมัครสามคนแรกที่ยอดเยี่ยม จะได้รับรางวัลมากมาย
ดังนั้นทุกปีในช่วงเวลานี้ หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนและเข้ากับเงื่อนไขเหล่านั้น ต่างเข้าร่วมการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะ
เพราะไม่เพียงจะได้รับรางวัลมากมาย หญิงสาวในยุคโบราณส่วนใหญ่ต่างไม่ออกนอกประตูใหญ่[1] ไม่ล่วงข้ามประตูสอง หากอยากทำความรู้จักกับเพื่อนหรือเหล่าคุณชายถือเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นวันนั้น หญิงสาวต่างพยายามขึ้นมาแสดงความความชำนาญบนเวที เพื่อดูว่าจะสามารถมองหาบุพเพสันนิวาสที่ดีได้หรือไม่
หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เดิมทียุคโบราณ ก็มีกิจกรรมสร้างความบันเทิง ช่างน่าสนใจเสียจริง!
เพียงน่าเสียดาย หลังฟังคำพูดของทุกคนว่าปีนี้การแข่งขันความสามารถด้านศิลปะะเกรงว่าอาจไม่ได้จัดขึ้น
คงต้องโทษที่ตนไม่มีวาสนา เวลานี้ดันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้
พญายมเอ่ยว่า ลัทธินอกรีตนั้นต้องการสังหารหญิงสาวหนึ่งร้อยคน เพื่อควักเอาหัวใจและสูบเลือด ตอนนี้ถูกสังหารไปแล้วสามสิบสี่คน ดังนั้นยังต้องสังหารอีกหกสิบหกคน แต่ตอนนี้ครอบครัวที่มีหญิงสาว ที่ใดจะกล้าให้ลูกสาวของตนปรากฎตัวออกมากัน โดยไม่กลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าครอบครัวของตนมีหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน!
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ เล่อเหยาเหยาหดหู่ใจเล็กน้อย
เพราะหลังรู้ว่าต้องมีหญิงสาวบริสุทธิ์ต้องถูกสังหารอีก เธอรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก
หากเป็นไปได้ เธออยากช่วยเหลือให้ทุกคนปลอดภัย! แต่เธอก็รู้จักตนเองดีว่าตนเก่งเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น รับมือกับเรื่องใหญ่ไม่ได้
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาก็หดหู่ใจเล็กน้อย
กระทั่งตนกลับมาถึงด้านในของตำหนักหย่าเฟิงเมื่อใดล้วนไม่รู้ตัว
เพราะเล่อเหยาเหยาก้มศีรษะลง ดวงตาเอาแต่มองพื้น
ร่างกายคล้ายวิญญานหลุดออกจากร่างไป กระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด จนเมื่อศีรษะของเล่อเหยาเหยาชนเข้ากับหน้าอกอันแข็งแกร่ง จึงค่อยได้สติกลับมา
“คิดสิ่งใดอยู่หรือ”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงทรงเสน่ห์ที่คุ้นเคยเช่นนี้ดังขึ้นเหนือศีรษะ แม้ไม่มองหน้าชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือผู้ใด
อีกทั้งตอนนี้ เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าเมื่อครู่ตนเดินมาถึงด้านนอกห้องหนังสือในตำหนักหย่าเฟิงโดยไม่รู้ตัว น่าจะเป็นเพราะเมื่อครู่ขบคิดเรื่องต่างๆ มากเกินไป กระทั่งพญายมมายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องหนังสือตั้งแต่เมื่อใด เธอยังไม่รู้ตัว
ยังชนเขาเข้าไปตรงๆ อีก โอ๊ย ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยามีสีหน้าอึดอัด ก่อนพลันเอ่ยปากโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
“คา…คารวะท่านอ๋อง”
เห็นเล่อเหยาเหยาก้มหน้าทำความเคารพอย่างตะลึงลนลาน เหลิ่งจวิ้นอวี่นัยน์ตาเป็นประกาย พลันไม่เอ่ยบีบคั้นถามอะไรต่อ เพียงเอ่ยปากกับเล่อเหยาเหยาเสียงเบาว่า
“เมื่อกลับมาแล้ว ไปชงน้ำชามาสี่ถ้วยเถอะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้รับคำสั่ง เล่อเหยาเหยารีบพยักหน้ารับ ก่อนหมุนตัวก้มหน้าพุ่งไปที่ห้องชาเพื่อชงน้ำชา
หลังชงน้ำชาเสร็จ เล่อเหยาเหยาจึงเข้ามาในห้องหนังสือ และพบว่าเดิมทีห้องหนังสือนอกจากพญายมแล้ว ยังมีหนานกงจวิ้นซี เหม่ยและซิง
เห็นเพียงเวลานี้ เหม่ยและซิงกำลังรายงานข้อมูลที่สืบหามาได้ต่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋
“ท่านอ๋อง ครั้งนี้จากการตรวจสอบของบ่าวและเหม่ย ในที่สุดก็รู้ว่าความจริงเหตุใดครั้งนี้ลัทธินอกรีตนี้ต้องสังหารหญิงสาวบริสุทธิ์ติดต่อกัน ที่แท้ฮูหยินของเจ้าลัทธินอกรีตล้มป่วยอย่างกะทันหัน เจ้าลัทธิรักฮูหยินยิ่งนัก จึงอยากให้ฮูหยินของตนฟื้นคืนชีพกลับมา ดังนั้นจึงให้คนรวบรวมเลือดและหัวใจของหญิงสาวกว่าร้อยคน คิดสร้างยาอายุวัฒนะขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ”
หลังคำพูดของซิง ภายในห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างถูกคำพูดของซิงทำให้ตกตะลึง
นั่นมิใช่เรื่องแปลก
เพราะลัทธินอกรีตในใจของทุกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่างคือร่างของสิ่งชั่วร้าย ทั้งข่มขืนกระทำชำเรา เรื่องชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้ โหดเหี้ยมไร้ปราณี เพียงเข้าไปพัวพันเรื่องชั่วร้าย จะไม่สามารถหลุดพ้นจากลัทธินอกรีตนี้ไปได้
ดังนั้นหลังจากทราบว่าลัทธินอกรีตนี้สังหารหญิงสาวครั้งใหญ่ พร้อมรวบรวมหัวใจเลือดสด เพียงเพื่อช่วยชีวิตฮูหยินของลัทธิ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนต่างยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ผ่านไปนาน หนานกงจวิ้นซีจึงเอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อขึ้นว่า
“ซิง เจ้าพูดจริงหรือ”
หนานกงจวิ้นซีหมายถึงลัทธินอกรีตสังหารคนควักหัวใจสูบเลือด เพราะเจ้าลัทธิอยากฟื้นคืนชีพภรรยาของตนกลับมา
ซิงเมื่อได้ยิน รีบพยักหน้ายืนยัน
“พ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้ คิดไม่ถึงจริงๆ! เจ้าลัทธินอกรีตจะรู้จักความรัก!”
คำพูดของหนานกงจวิ้นซี ที่จริงก็คือคำพูดที่อยู่ในใจของทุกคน
เล่อเหยาเหยาแอบคิดอยู่ในใจ เจ้าลัทธินอกรีตนี้เป็นคนเช่นไรกันแน่!
ช่วงนี้เพียงได้ยินทุกคนลือกันว่าลัทธินอกรีตนี้ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง โหดเหี้ยมไร้ความปราณี สังหารผู้คนราวผักปลา อีกทั้งเจ้าลัทธินอกรีตนี้ มีคำสรรพนามเรียกว่าปีศาจ เป็นชายหนุ่มที่ทัดเทียมกับพญายม
คนที่สามารถทัดเทียมกับพญายมได้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
ดังนั้นในใจของเล่อเหยาเหยา เจ้าลัทธินี้ต้องเป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้หลังจากได้ฟังคำพูดของซิง กลับทำให้เล่อเหยาเหยาต้องคิดทบทวนใหม่ไม่ได้
อาจเป็นเพราะเจ้าลัทธิผู้นี้ ไม่เหมือนกับที่ทุกคนลือกัน!
เพราะก่อนหน้านี้เล่าลือว่าพญายมเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่หากได้ใกล้ชิดกับเขา ความจริงพญายมเป็นคนที่ไม่เลวเลย!
ส่วนเจ้าลัทธินอกรีตนี้ เพื่อช่วยชีวิตภรรยาของตนเอง ไม่เสียดายที่จะสังหารหญิงสาวบริสุทธิ์ร้อยคน เป็นการทำผิดร้ายแรงที่ไม่อาจให้อภัย แต่ต่อหน้าภรรยาของเขา เขาอาจจะเป็นชายที่ดีที่สุดบนโลกก็เป็นได้!
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่โหดร้ายอย่างยิ่งเช่นนี้ จะผูกพันกับภรรยาตนลึกซึ้งยิ่งนัก ช่างทำให้คนรู้สึกขัดแย้ง และทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจว่าชายหนุ่มนั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่
แต่เล่อเหยาเหยาก็รู้ว่าชีวิตนี้ คงไม่ได้พบกับเจ้าลัทธินอกรีต อีกทั้งแม้จะเจอ เธอต้องรีบหนีออกห่างทันทีแน่นอน
เพราะคนเช่นนี้ คงทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเป็นแน่!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดอยู่ในใจ ก็นำถ้วยชาในมือออกแจกจ่ายให้กับทุกคน จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ข้างกายของพญายม
จากมุมนี้ของเธอ เห็นใบหน้าด้านข้างของพญายมเข้าพอดิบพอดี
ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังตกดิน ค่อยๆ เคลื่อนตามเมฆลงมาทางทิศตะวันตก แสงสีทองลึกลับที่สาดส่องออกมา ทำให้ท้องฟ้าด้านตะวันตกมีสีสันงดงาม เมื่อมองคล้ายกับผ้าไหมสีสันสวยงาม
งดงามยิ่งนัก!
มิน่ากวีต่างพูดว่า พระอาทิตย์ตกดินงดงามไม่มีที่สิ้นสุด เพียงใกล้พลบค่ำ
แต่หากให้เล่อเหยาเหยาพูด ไม่ว่าพระอาทิตย์ตกดินจะงดงามมากเพียงใด ก็ไม่สู้ชายหนุ่มตรงหน้านี่!
เส้นผมดำดุจไหม รูปร่างแข็งแรง ใบหน้าหล่อเหลาไร้เทียมทาน แม้จะมองเพียงด้านข้าง สมบูรณ์แบบน่ามองชวนให้คนหลงใหล
แม้บนใบหน้าหล่อเหลาของเขา เวลานี้จะปกคลุมด้วยเกร็ดน้ำแข็ง ทว่ากลับไม่มีผลต่อเสน่ห์ของเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงทำให้คนรู้สึกว่าเขาดูดี!
…………………………………………………………………………
[1] ไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง เปรียบถึงประตูชั้นในที่แบ่งส่วนชาย-หญิง