บทที่ 40 งานประลองยุทธ์
“งานประลองยุทธ์ในทุกปีจะมีการจัดอันดับ ได้ยินว่ามีแค่คนที่ได้สามอันดับแรกเท่านั้น ถึงจะได้รางวัลมากมาย” ชายหนุ่มในชุดนักรบพูดขึ้น
“เวลานี้เฮียจ้าวเหลี้ยงบรรลุการกลั่นร่างขั้น7แล้ว ไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์หรือไม่?” มีคนยิ้มแล้วเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าต้องเข้าร่วม ถึงแม้จะบอกว่าความหวังที่จะได้สามอันดับแรกมีไม่มาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องแสดงพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของตนออกมาบนเวทีประลองยุทธ์ ซึ่งสามารถได้รับการสนใจจากคนระดับสูงของสำนักยุทธ์ !” ชายหนุ่มพูดด้วยความทระนง
หลัวซิวมองไปตามเสียง เห็นชายหนุ่มในชุดนักรบ ซึ่งคือนักเรียนชั้นกลางที่ในตอนนั้นเดิมพันกับเขาที่เขตศิลดาดำ จ้าวเหลี้ยง
ตอนเดิมพัน ผลการฝึกตนของจ้าวเหลี้ยงคือการกลั่นร่างขั้น6ผลการฝึกตน เวลานี้บรรลุการกลั่นร่างขั้น7
“ยอดฝีมือชั้นกลางและชั้นสูงมีไม่น้อย ได้ยินว่าขอเพียงอยู่สิบอันดับแรก ก็จะได้รับหินพลังจิตและยาเป็นของรางวัล!”
“ได้ห้าอันดับแรก ก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสในสำนักยุทธ์!”
“ฮ่าๆ ถ้าหากได้สามอันดับแรก ได้ยินว่าจะได้รับคำชี้แนะจากเจ้าสำนักยุทธ์ มีสิทธิ์เลือกวิชายุทธ์ระดับ4หนึ่งวิชา!”
คนจำนวนไม่น้อยต่างพูดคุยกัน ถึงรางวัลต่างๆ ในเมืองชิงหยุนให้ความสำคัญกับตำแหน่งและอำนาจ ถ้าหากได้เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโส ถือเป็นสัญลักษณ์ทางตำแหน่งอย่างหนึ่ง
เจ้าสำนักยุทธ์ สำหรับนักเรียนมากมายในสำนักยุทธ์แล้ว ถือเป็นตำนาน คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองชิงหยุน ว่ากันว่าเหนือกว่าจอมยุทธ์พรสวรรค์!
โดยเฉพาะของรางวัลวิชายุทธ์ระดับ4 ยิ่งทำให้คนตื่นเต้น
ทว่าทุกคนต่างรู้ดี อยากจะขึ้นเป็นสามอันดับแรกในงานประลองยุทธ์คือเรื่องที่ยากมาก เพราะว่างานประลองยุทธ์จัดขึ้นปีละหนึ่งครั้ง คนที่ในเคยเข้าร่วมงานประลองยุทธ์เมื่อปีก่อนๆซึ่งได้อันดับที่ดี อาศัยของรางวัลที่ได้ ทำให้ความแข็งแกร่งของผลการฝึกตนพุ่งทะยาน เหนือชั้นกว่าคนอื่นมาก
แต่ว่าถ้าหากผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนฝึกชี่ไห่ หรือว่าอายุเกิดสิบแปดปีแล้ว ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้น่าประลองแล้ว
คนในเมืองชิงหยุนมีนับแสนคน นักเรียนในสำนักยุทธ์มีจำนวนมากมาย แค่ผลการฝึกตนบรรลุการกลั่นร่างขั้น7ขึ้นไป ก็มีนับร้อยคนแล้ว
ข้างๆที่รับสมัคร มีศิลาตั้งตรงหนึ่งก้อน ด้านบนตั้งแต่ด้านล่างถึงด้านบน มีชื่อของนักเรียนในสำนักยุทธ์
ศิลาก้อนนี้ คือศิลาบอกอันดับสำนักยุทธ์แห่งเมืองชิงหยุน
ด้านบนศิลาบอกอันดับมีชื่อแค่ห้าสิบคน ต่ำสุดคือการกลั่นร่างขั้น8 คนมากมายรวมตัวกันที่ข้างๆศิลาบอกอันดับ
หลัวซิวเองก็มองไป เห็นชื่อบนศิลาบอกอันดับชื่อของอันดับแรกคือ คนชื่อแซ่สวี่วี่!
ได้ยินคนที่อยู่รอบๆพูดคุยกัน แซ่สวี่ปีนี้อายุสิบแปดปี เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสที่เฝ้าหอไตร ผลการฝึกตนบรรลุการกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูง กำลังภายใน ทักษะยุทธ์ วิชาท่าร่างล้วนเป็นวิชายุทธ์ระดับ3ของการฝึกตน
จากนั้นตั้งแต่อันดับสอง ถึงอันดับสิบ ล้วนอายุสิบแปด ผลการฝึกตนก็เป็นการกลั่นร่างขั้น9กันหมดทุกคน
ในสำนักยุทธ์ อายุสิบแปดคือเกณฑ์พื้นฐาน อายุมากเกินสิบแปดก็จะไม่ใช่นักเรียนในสำนักยุทธ์แล้ว สำนักยุทธ์ก็จะไม่อบรมเลี้ยงดูอีกแล้ว คนที่มีพรสวรรค์จำนวนน้อย ที่ผลการฝึกตนบรรลุแดนฝึกชี่ไห่ สามารถกลายเป็นลูกศิษย์นอกสำนักของสำนักเซียวเหยา ซึ่งคือลูกศิษย์นอกสำคัญเกณฑ์ที่ต่ำที่สุด
ส่วนหลัวซิว แทบไม่มีใครรู้เลยว่าผลการฝึกตนของเขาบรรลุการกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูงแล้ว ดังนั้นบนศิลาบอกอันดับจึงไม่มีชื่อของเขา
“ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน”
เวลาผ่านไปเหมือนกระแสน้ำ ในป่าที่อุดมสมบูรณื ร่างกายของหลัวซิวเคลื่อนไปมา เขาใช้วิชากระบี่ฟ้าแลบครบกระบวนท่าหนึ่งชุด ซึ่งก็คือเปลวไฟบริสุทธิ์ เคลื่อนไหวดุจน้ำ แสงกระบี่ทำลายอากาศ แทบจะไม่สามารถมองเห็นร่องรอยของกระบี่ด้วยตาเปล่า
“พึ่บ!”
ด้วยการสนับสนุนของปราณใน ต้นไม้ใหญ่ถูกเขาฟันจนล้ม ทำให้เกิดฝุ่นตลบ
ระยะเวลาที่ผ่านมานี้ เขาไปดูดรับพลังแห่งไฟจากลู่เมิ่งเหยาหลายครั้ง ปราณในภายในร่างกายบริสุทธิ์และหนาแน่นจนถึงขั้นสุด สามารถบรรลุแดนฝึกชี่ไห่ได้ตลอดเวลา
แต่ว่าหลัวซิวระงับผลการฝึกตนไม่ให้บรรลุ เพราะถ้าบรรลุ เขาก็จะไม่สามารถเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ได้อีก
เทียบกับสามอันดับแรกมีโอกาสได้เลือกวิชายุทธ์ระดับ4ในหอเก็บหนังสือแล้ว หลัวซิวไม่อยากพลาด
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ หลัวซิวไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว โดยเฉพาะบุคลิกของเขาดูแตกต่างอย่างชัดเจน คิ้วหนาและคมเฉียบ เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เขาเหมือนกระบี่แหลมคมที่กำลังจะออกมาจากฝัก
“ฉึบ!”
เก็บกระบี่เข้าไปในฝัก หลัวซิวเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พ่นลมหายใจออกมา พูดในใจ: “นอกจากพวกเฉินหู่เมื่อคราวก่อนแล้ว ระยะที่ผ่านมานี้ไม่ได้ถูกลอบฆ่าอีก”
เขาฝึกฝนในเขาปาฉี ตั้งใจหลีกเลี่ยงนักยุทธ์ที่มาล่าอสูรบนเขา การมีความสามารถพิเศษที่สามารถรับรู้พลังชีวิตได้ ทำได้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย
……
เมืองชิงหยุน ตระกูลจางตำหนัก
”
“ปั้ง!”
เสียงดังก้อง ประตูตำหนักที่ปิดสนิทหักเป็นสี่ห้าส่วน คนมากมายพุ่งตัวเข้าไป เสียงโลหะกระทบกันดังไม่หยุด ทุกคนคว้ากระบี่ออกมา บุกเข้าไปในตำหนัก
ในเมืองชิงหยุนตระกูลจางถือเป็นตระกูลใหญ่ แน่นอนว่าต้องมีองครักษ์มากมาย เวลานี้แต่ละคนเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ
มีคนบุกเข้าไปในตระกูลจางยี่สิบคน ทุกคนล้วนใส่เสื้อเกราะเขียว ร่างกายของเขาพวกเขาเผยความเหี้ยมโหดที่มองไม่เห็น แต่ไปด้วยแรงกดดัน
“องครักษ์เกราะเขียว?” องครักษ์ตระกูลจางเกือบร้อยคน หน้าเปลี่ยนสีทันที
องครักษืตระกูลจางเหล่านี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็บรรลุถึงแค่การกลั่นร่างขั้น9 ถึงแม้จำนวนคนจะมีมากกว่าห้าเท่า แต่ว่าคนจำนวนไม่น้อยเริ่มตัวสั่น
เพราะองค์รักษ์เกราะเขียว คือองครักษ์ของสำนักยุทธ์ ทุกคนล้วนเป็นนักยุทธ์ที่บรรลุแดนฝึกชี่ไห่!
สมาชิกองครักษ์เกราะเขียว โดยมากล้วนเป็นนักเรียนที่เรียนจบจากสำนักยุทธ์ คนพวกนี้ไม่ได้เป็นศิษย์ต่างสำนักของสำนักเซียวเหยา จึงได้เข้าร่วมองครักษ์เกราะเขียว
“จางช่าวฉงหัวหน้าตระกูลจางเป็นผู้ต้องสงสัยลอบฆ่านักเรียนในสำนักยุทธ์ พวกเราองครักษ์เกราะเขียวมาตามคำสั่ง คนที่ไม่อยากตายไสหัวไปซะ!”
ชายร่างยักษ์ซึ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์เกราะเขียวที่มีดวงตากลมโต พูดเสียงเหี้ยม เสียงของเขาเหมือนเสียงฟ้าร้อง ยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ทำให้องครักษ์ตระกูลจาง ตกใจจนถอยหลัง
พวกองครักษ์หลีกทาง จางช่าวฉงเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หัวหน้าหาน คุณพาคนบุกตำหนักตระกูลจาง หมายความว่าอะไร?”
หัวหน้าองครักษ์เกราะเขียวแซ่หานคนนั้นสีหน้าไร้อารมณ์ พูดเสียงเหี้ยม : “ผมมาตามคำสั่งของผู้อาวุโสจวง คุณเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องลอบฆ่านักเรียนในสำนักยุทธ์ ไปอธิบายให้ผู้อาวุโสฟังเถอะ”
ขณะพูด หัวหน้าหานผายมือ “จับตัวจางช่าวฉง ผู้อาวุโสมีคำสั่ง ถ้าขัดขืน ฆ่าได้ไม่ต้องเว้น!”
สีหน้าของจางช่าวฉงแปรเปลี่ยน เขารู้ดีว่าถ้าความผิดฐานลอบฆ่านักเรียนในสำนักยุทธ์ถูกตัดสิน ตนต้องตายแน่นอน เดือดร้อนไปทั่วทั้งตระกูลจาง อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกลมชื่อออกจากเมืองชิงหยุน!
แต่ว่าเขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว การที่ตระกูลจางสามารถยืนหยัดอยู่ในเมืองชิงหยุนได้ แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง เขาเชื่อว่าขอเพียงนายท่านออกมาจากภูเขา ต้องปกป้องตระกูลจางให้แคล้วคลาดได้แน่นอน
ครุ่นคิดถึงตรงนี้ จางช่าวฉงไม่ได้ขัดขืนอีก ปล่อยให้องครักษ์เกราะเขียวเอาตัวเขาไป ไม่อย่างนั้นพวกองครักษ์เกราะเขียวที่ฟังคำสั่งคนระดับสูงของสำนักยุทธ์ ต้องฆ่าพวกเขาอย่างไม่ละเว้นแน่
หลังจากหัวหน้าตระกูลถูกองครักษ์เกราะเขียวนำตัวไป ตระกูลจางวุ่นวายปั่นป่วน จางช่าวไห่น้องชายของจางช่าวฉงขจัดความเห็นต่าง ขึ้นนั่งบนตำแหน่งหัวหน้าตระกูล