บทที่ 95 เจ้าแห่งหอพันกล

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 95

เจ้าแห่งหอพันกล

เมื่อหลินหัวเย่ได้ยินที่ชิงอวี่พูดแล้ว นางก็หัวเราะออกมา “วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว ข้ายังจะต้องกลัวอะไรอีก?”

“หลินหัวเยว่ คุณหนูรองเป็นน้องสาวแท้ๆของท่าน ต่อให้ท่านเกลียดคุณหนู แต่ก็ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” ชิงอวี่ มองดูสถานการณ์ที่แย่มากขึ้นเรื่อยๆ และอยากให้หลินหัวเยว่นั้นล้มเลิกความคิดของนางที่จะฆ่าหลินซีเหยียน

แต่หลินหัวเยว่นั้นเกลียดหลินซีเหยียนมากกว่าที่นางคิดเอาไว้

ในเวลานี้ใบหน้าของหลินหัวเยว่นั้นเย็นชามาก และไม่มีอะไรที่จะสั่นคลอนนางได้ สายตาที่เย็นชาของนางก็ได้มองไปที่ ชิงอวี่ราวกับมองคนตาย “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปงั้นเหรอ?”

หลินหัวเยว่นั้นไม่รอฟังคำตอบจากชิวอวี่ด้วยซ้ำ และพูดขึ้นต่อ “พวกเจ้าทั้งหมดสมควรที่จะตายแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าไว้แน่”

จากนั้นนางก็ไม่ได้ปล่อยให้ชิงอวี่ฉวยโอกาสถ่วงเวลาได้อีก นางสั่งให้เหล่ามือสังหารลงมือทันที

ชิงอวี่สามารถต้านทานศัตรูได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น สามารถพูดได้เลยว่าหลินหัวเยว่นั้นเลือกเวลาลงมือได้เหมาะเจาะมาก ถ้าจี๋เฟิงไม่ได้ออกไปหรือกลับมาทัน ชิงอวี่คงไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เช่นนี้แน่นอน

ไม่นานนักชิงอวี่ก็ได้ทรุดลงไป และมือสังหารเหล่านี้ก็ไม่ได้มามัวเสียเวลากับนางอีก พวกเขาเหลือสองคนคอยขวางชิงอวี่เอาไว้ แล้วที่เหลืออีกสามคนก็ได้เข้าไปในห้อง

ทั้งสามคนมองไปที่คนที่กำลังนอนอย่างสงบอยู่บนเตียงด้วยความกระหายเลือดและแววตาที่โหดร้ายในดวงตาของเขา จากนั้นพวกเขาก็ได้มุ่งหน้าไปหาหลินซีเหยียน แต่แล้วก็มีเงาที่ทั้งเตี้ยและเล็กได้โผล่ออกมาด้านหลังพวกเขา

“ข้าไม่ให้พวกเจ้าทำร้ายท่านแม่ของข้าได้หรอก” เทียนเอ๋อตะโกนใส่ชายชุดดำคนหนึ่งที่ถูกเขาซัดไป

“ไอ้หนู เจ้ารนหาที่ตายแล้ว” ชายชุดดำมองไปที่เด็กน้อยที่สูงยังไม่ถึงเอวของเขา และซัดไปที่เขาอย่างไม่ปรานีหมายจะเอาชีวิตของเทียนเอ๋อ

ผลจากการฝึกวิทยายุทธกับเจียงหวายเย่นั้นในที่สุดก็ได้ส่งผลออกมาในเวลานี้ เขาใช้แขนและขาน้อยๆของเขาต่อสู้กับมือสังหารที่ตัวใหญ่กว่า ซึ่งแทนที่จะเสียเปรียบแต่กลับสังหารฝ่ายนั้นตายไปคนหนึ่ง

แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีมือสังหารคนหนึ่งบุกเข้าไปหาหลินซีเหยียนได้

เมื่อเทียนเอ๋อรู้เรื่องนี้ก็อยากที่จะเข้าไปช่วย แต่ทว่าเขาก็ถูกขวางโดยมือสังหารที่อยู่ตรงหน้าเขาเสียก่อน ในเวลานี้ เทียนเอ๋อรู้สึกกลัวอย่างสุดๆ เพราะแม่ของเขานั้นไม่สามารถป้องกันตัวได้เลย

ในขณะที่มีดของมือสังหารกำลังจะไปถึงคอของ หลินซีเหยียนนั้นเอง เทียนเอ๋อก็ได้ตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว “ท่านแม่!”

เขาร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว มือสังหารที่เห็นเช่นนั้นก็ได้อาศัยโอกาสที่เทียนเอ๋อไม่ทันระวังตัวแทงไปที่เขาอย่างเหี้ยมโหด เทียนเอ๋อนั้นหลบไม่ทันแขนน้อยๆของเขาจึงได้ถูกมือสังหารแทงจนเป็นรูโหว่

เทียนเอ๋อนั้นไม่สนใจ แต่ยังคงร้องไห้และตะโกน “อย่างทำร้ายท่านแม่นะ”

เสียงร้องไห้ของเด็กก็ยังไม่อาจละลายหัวใจแช่แข็งของพวกมือสังหารเหล่านี้ มือของมือสังหารก็ได้แทงเข้าไปยังผิวขาวๆของหลินซีเหยียน และที่คอของนางก็มีเลือดไหลออกมา ขอเพียงเขามีเวลามากกว่านี้อีกนิด ชีวิตของหลินซีเหยียนก็จะตกอยู่ในอันตรายแล้ว

แต่ในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง ก็มีหินพุ่งเข้ามาโดนมีดจนกระเด็นออกไป แล้วเหล่านักฆ่าก็ได้มองไปรอบๆอย่างระวังตัว และพยายามมองหาว่าก้อนหินก้อนนั้นมาจากไหนกัน

เทียนเอ๋อรู้สึกโล่งอก และแววตาของเขาก็มืดหม่นลงทันที เขาได้โรยผงยาไปที่แขนของเขา แล้วจากนั้นก็รีบวิ่งไปหาแม่ของเขา

มือสังหารสองคน คนหนึ่งกำลังระวังตัว ส่วนอีกคนก็ถือมีดแหลมคมแล้วพุ่งเข้าใส่หลินซีเหยียน

ในขณะที่มือสังหารนั้นคิดว่าจะทำสำเร็จนั้นเอง ก็มีก้อนหินอีกสองก้อนพุ่งเข้ามา แล้วจากนั้นก็มีคนที่อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์โผล่ออกมาจากด้านนอกหน้าต่าง

“ชิ หลบได้อย่างนั้นรึ?” มีเสียงที่หนาวเย็นเสียดแทงขึ้นมา และตามมาด้วยรังสีฆ่าฟันที่น่ากลัวราวกับปีศาจ

มือสังหารทั้งสองคนก็ได้มองไปที่คนที่ซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้หน้ากากสีดำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วพลันนึกถึงตัวตนของผู้มาเยือนได้ขึ้นมา “เจ้า….เจ้าคือจ้าวแห่งหอพันกลอย่างนั้นรึ?”

“ใครก็ตามที่ทำให้เราโมโหแล้ว จะต้องถูกฆ่าโดยไม่ปรานี” หลังจากนั้นดวงตาสีดำเข้มของเจ้าของหอพันกลก็ได้มองไปยังหลินซีเหยียนที่บาดเจ็บอยู่อย่างช้าๆ แล้วเสียงที่นุ่มนวลของเขาก็ได้พูดตัดสินชะตากรรมของเหล่ามือสังหารทั้ง 5 คนนี้

“ถอยก่อน”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชื่อเสียงที่โด่งดังของจ้าวแห่งหอพันกลหรือเพราะความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายที่ต่างกันมากเกินไป ทำให้ตัวหัวหน้ามือสังหารรีบตัดสินใจที่จะถอยทันที

“คิดที่จะหนีงั้นเหรอ?” จ้าวแห่งหอพันกลก็ได้พูดอย่างดูถูกคนเหล่านี้ด้วยพลังที่มากล้นกว่า เขายืนอยู่นิ่งๆราวกับว่าจะปล่อยให้คนเหล่านี้ได้หลบหนีไป

แต่ในชั่วขณะนั้นเอง ก็ได้มีเสียงกรีดร้องสุดขั้วหัวใจของมือสังหารเหล่านั้นดังออกมาจากข้างนอกตำหนัก

เจียงหวายเย่ก็รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ด้านนอกนั้น และปรากฏรอยยิ้มที่น่ากลัวและกระหายเลือดขึ้นมา

“อย่าเข้ามานะ” เทียนเอ๋อนั้นไม่รู้ว่าเจียงหวายเย่นั้นคือจ้าวแห่งหอพันกล เขาจึงได้คอยเฝ้าอยู่ข้างๆหลินซีเหยียนอย่างระแวดระวัง

จ้าวแห่งหอพันกลที่ได้ยิน ก็ชะงักและค่อยๆถอดหน้ากากของเขาออกมา “เทียนเอ๋อ ข้าคืออาจารย์ของเจ้าเอง”

เทียนเอ๋อได้ยินเช่นนี้ก็ทำหน้าเบะ แล้วจากนั้นก็โดดเข้าอ้อมกอดของเจียงหวายเย่แล้วร้องไห้เสียงดังและกล่าว “ท่านอาจารย์ พวกเขาอยากที่จะฆ่าท่านแม่ และพวกเขาก็เกือบจะทำได้แล้วด้วย เทียนเอ๋อเกือบที่จะกำพร้าแม่แล้ว”

เทียนเอ๋อร้องไห้และสะอื้นถึงความกลัวที่เขาเผชิญเมื่อสักครู่ เจียงหวายเย่จึงได้ลูบหลังของเขาที่กำลังเศร้าและพูดปลอบเขา “ไม่ต้องกลัวนะเทียนเอ๋อ เจ้ายังมีอาจารย์อยู่”

เทียนเอ๋อก็ผงกหัวแล้วตั้งมั่นว่าต่อจากนี้เขาจะเรียนวิชารักษา และเรียนวิทยายุทธ์ เขาไม่อยากที่จะพบเจอประสบการณ์ที่ตัวเองไร้พลังเช่นนี้อีก

เจียงหวายเย่ปลอบเทียนเอ๋ออยู่พักใหญ่ แล้วก็ได้บอกให้อันอี้ช่วยรักษาแผลให้เทียนเอ๋อ แล้วเขาก็ได้หยิบผ้าพันแผลพร้อมกับยาจินช่วงออกมาแล้วเดินไปหาหลินซีเหยียน

เขาได้ทำการเช็ดคราบเลือดที่คอของหลินซีเหยียนด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น แล้วจากนั้นก็ได้โรยยาจินช่วงลงไปอย่างระวัง

ในช่วงเวลานี้เขาได้บังเอิญไปโดนตัวของหลินซีเหยียน แล้วพบว่าตัวของนางนั้นทั้งเรียบและเย็น ราวกับเป็นหยกเย็นๆที่งามไร้ที่ติ เจียงหวายเย่ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ความเย็นที่ผิดปกติเช่นนี้มันช่างเหมือนกับของเขามาก หลินซีเหยียนคงจะอาการพิษกำเริบจนทำให้นางหมดสติไปเช่นนี้

เจียงหวายเย่ก็ได้รีบเรียกอันเอ้อมาพบ “นำสมุนไพรที่เปิ่นหวางหามาได้ไปต้มเร็ว แล้วใส่ตัวยาไปตามสูตรยาของ เหยียนเอ๋อ”

เสียงของเจียงหวายเย่กล่าวอย่างร้อนรน อันเอ้อคิดว่าองค์ชายนั้นคงจะพิษกำเริบ เขาจึงได้รีบไปจัดแจงเตรียมให้ทันที

ไม่นานนักในห้องนั้นก็เหลือเพียงหลินซีเหยียนกับ เจียงหวายเย่อยู่กันตามลำพังในห้อง เจียงหวายเย่ก็ได้กอด หลินซีเหยียนที่กำลังหมดสติ แล้วดวงตาสีดำของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความสับสน “หลินซีเหยียน เปิ่นหวางไม่เคยเข้าใจเจ้าเลยจริงๆ ว่าเจ้านั้นต้องการสิ่งใดกันแน่?”

แล้วคำถามนี้ก็ได้หายไปพร้อมกับห้องที่เงียบกริบ

หลังจากที่อันเอ้อนำยาเข้ามาส่งให้ในห้อง เขาก็ได้มองไปที่องค์ชายที่ใช้กำลังภายในอุ่นยานั้นแล้วป้อนเข้าปากของ หลินซีเหยียน ดวงตาของอันเอ้อก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาทำให้เขาพูดเตือนขึ้นมา “องค์ชาย ยานั่นใช้แก้พิษองค์ชายนะขอรับ”

เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่อันเอ้อด้วยความโกรธจัด เขานั้นรู้ดีว่ายานี้คือยาอะไร แต่ว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นถูกพิษแบบเดียวกันกับเขา

โดยไม่มีความลังเลใจ เจียงหวายเย่ได้นำชามยาสุดขมนั้นป้อนเข้าปากหลินซีเหยียน เมื่อยาจีนสุดขมนั้นเข้าปากของหลินซีเหยียน ก็ได้ทำให้นางปิดปากสนิททันที ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถป้อนยาถอนพิษนางได้

เจียงหวายเย่ที่เห็นเช่นนี้ก็ได้มีแววตาที่เปลี่ยนไป แล้วเขาก็ได้จิบยาถอนพิษนั้นเอาไว้แล้วจากนั้นก็ประกบปากตัวเองเข้ากับปากของหลินซีเหยียน แล้วพบว่าริมฝีปากของหลินซีเหยียนนั้นทั้งนุ่มและหวานมาก