ตอนที่ 46 ข้ายิ่งใหญ่ที่สุดแล้วเหมียว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เจ้า… รนหาที่ตายแล้ว!”

น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยเยือกเย็น พลังวิญญาณสีแดงดั่งเลือดก่อตัวเป็นกำแพงพลังวิญญาณอันทนทานขวางกั้นข้างหน้าเขาไว้

แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น มีเจ้าสีขาวตัวเล็กโผล่มาจากไหนไม่รู้ฝ่าทะลุกำแพงเข้ามาได้  เจ้าตัวนั้นซุกเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉียนซี อ้าปากกัดเข้าที่แขนของนาง

มู่เฉียนซีอึ้งไป วันนี้มันเป็นอะไร ?

นางแค่ยืมแพะวิญญาณเขาเดียวฆ่าศัตรู แต่กลับถูกสัตว์วิญญาณสองตัวทำให้บาดเจ็บ

นางมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด มันมีขนปุยสีขาวทั่วเรือนร่าง ไม่มีสีอื่นมาแซมแทรก หูตั้งตรงดูน่ารักน่าชัง  ดวงตาสีม่วงคู่นั้นของมันมีประกายดั่งอัญมณีแอเมทิสต์ก็ไม่ปาน สายตามีแววเจ้าเล่ห์ ยิ่งดูยิ่งน่ารักมาก

ดวงตาสีฟ้าของจิ่วเยี่ยเข้มขรึมลง เขาออกคำสั่งกับเจ้าแมวขาวตัวน้อยนี้

“ออกไป”

ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงขึ้นมาในสมองของมู่เฉียนซี “สัญญาแห่งจักรวาลและธรรมชาติ วิญญาณของไม่ซู่ ร่างกายของไท่จี๋ ผู้อมตะในใต้หล้ามีเพียงข้าที่ครอบครอง”

“พันธสัญญา!”

ขุมพลังที่รุนแรงสองสายได้ฝังรอยไว้ที่ดวงจิตของนาง มู่เฉียนซีถึงพบว่านางถูกเจ้าตัวเล็กนี้ฝืนทำพันธสัญญาจิตวิญญาณ

“นี่คือ…” มู่เฉียนซีหน้าตามึนงง

อาถิงโกรธจนขนแทบตั้ง กล่าวด้วยความโมโหว่า… “เจ้ามันตัวอะไรกัน กล้ามาแย่งทำพันธสัญญากับคนที่มีพันธสัญญาอยู่กับข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร ?!”

หากอาถิงสามารถมีร่างกายได้ ป่านนี้คงจับเจ้าแมวน้อยขยี้ทำเป็นเนื้อบดไปแล้ว

ฉับพลันทันใด ลำแสงสีดำและขาวเข้ามาล้อมตัวมู่เฉียนซีไว้ บรรยากาศโดยรอบยังมีพลังของพันธสัญญาหลงเหลืออยู่

กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายแผ่กระจายออกมาจากจิ่วเยี่ย สีหน้าดำคล้ำของเขาแทบจะกลั่นออกมาเป็นน้ำหมึกได้ …นี่ยังมีสิ่งที่ไม่กลัวตาย บังอาจมาฝืนทำพันธสัญญากับหญิงสาวที่เขาปกป้อง เช่นนี้มันต้องโดน!

เสียงกรีดร้องแหลมดังออกมา “เกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดเป็นความสัมพันธ์รูปแบบเจ้านายกับข้ารับใช้ไปได้”

“อ๊า! อ๊า! อ๊า! ม่าย! ข้าคือท่านเหมียวอู๋ตี้ผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า เหตุใดจะต้องมาเป็นข้ารับใช้ของคนอื่นด้วย ต้องมีอะไรผิดพลาดไปแน่”

หูเล็ก ๆ สั่นไหว แต่วาจาที่เจ้าตัวขาวนี่เอ่ยออกมา เมื่อเทียบกับความน่ารักภายนอกช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน

อาถิงหัวเราะเย็นเยือก “เหอะ ๆ เจ้ามันเป็นตัวอะไร อยากให้เจ้านายของศาลานิรันดร์อย่างข้าเป็นผู้รับใช้เจ้าเรอะ ?  คิดง่ายไปหรือเปล่า ให้เจ้าตัวขาวเยี่ยงเจ้าทำสัตว์พันธสัญญากับนาง ข้านึกรังเกียจเจ้าที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาว่ามาจากไหน ทั้งยังมีพลังอันอ่อนแอที่น่าสงสาร”

ได้ยินวาจาดูแคลน เหมียวอู๋ตี้ขนตั้งชัน

“เจ้าหมายถึงอะไรแน่! ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า ข้าคือท่านเหมียวอู๋ตี้ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ทำสัตว์พันธสัญญากับนาง ข้าน่าสงสารสุด ๆ แล้ว”

มู่เฉียนซีมุมปากกระตุก กล่าวบ้าง

“หนึ่งในใต้หล้า ข้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ทำไมไม่เป็นตงฟางปูไป้ไปเลยล่ะ ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ ฮ่า ๆ ๆ!”

“ตงฟางปูไป้นี่ก็ไม่เลว แต่ข้าชอบอู๋ตี้มากกว่า ดูร้ายกาจกว่า” เหมียวอู๋ตี้พึมพำ

อาถิงหัวเราะ “ข้าผ่านมาหลายโลกหลายหมื่นปี ข้ายังมองเจ้าไม่ออกเลยว่าเป็นตัวอะไร เจ้ายังจะพูดโอ้อวดว่าร้ายกาจอีกหรือ ? เจ้าก็เป็นเพียงแค่สัตว์วิญญาณมีขนไร้ชื่อ”

เหมียวอู๋ตี้โมโหโกรธา “ไม่ ๆ ๆ! ข้าคือหนึ่งในใต้หล้า ท่านเหมียวอู๋ตี้ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด  โฮ่ว… โฮ่ว… ข้าสามารถทำให้โลกและทุกผืนแผ่นดินพังพินาศได้ อย่างนี้แล้วเจ้ายังกล้ากล่าวหาว่าข้าเป็นเพียงแค่สัตว์วิญญาณมีขนไร้ชื่ออีกหรือ ?”

“พลังสัตว์วิญญาณระดับหนึ่งยังไม่มี เจ้ายังพูดโอ้อวดอีกว่าตนสามารถทำลายล้างโลกได้ เจ้าอาบน้ำแล้วไปนอนเสียเถอะ” อาถิงถลึงตาขาวใส่เจ้าตัวขน

มู่เฉียนซีก็มึนงง แม้แต่อาถิงก็ยังมองไม่ออกว่าแมวตัวนี้เป็นพันธุ์อะไร

ถึงแม้ว่าอาถิงจะพูดถึงมันอย่างไม่ไยดี แต่พวกเขาก็รู้ชัดเจนว่าเจ้าตัวนี้สามารถทะลุกำแพงบังอันแข็งแกร่งของซวนหยวนจิ่วเยี่ยมาทำพันธสัญญากับนางได้ ทั้งยังมีพลังขาว–ดำสองชนิดนั้นอีก นั่นมันทำให้พวกเขารู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้ต้องไม่ธรรมดา

หูของเหมียวอู๋ตี้เริ่มแดงขึ้น “นั่น… นั่นเป็นเพราะว่าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้พลังของข้าทั้งหมดสูญหาย รอข้าฟื้นฟูความแข็งแกร่งเสียก่อน พวกเจ้าจะรู้ถึงความเก่งกาจของข้า ฮ่า ๆ ๆ”

มู่เฉียนซีถาม “อาถิง จะทำอย่างไรกับเจ้าแมวตัวนี้ดี ?”

เรื่องมันเป็นแบบนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดเจ้าแมวน้อยตัวนี้จึงสนใจนาง อยากจะทำพันธสัญญาให้นางเป็นคนรับใช้ของมัน

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีอาถิงอยู่หรือสาเหตุอื่นใด พันธสัญญาถึงแม้สำเร็จ แต่เจ้าแมวน้อยโชคร้ายตัวนี้กลับกลายเป็นสัตว์พันธสัญญาของนาง อยู่ในจุดที่ต้องรับใช้นางเสียเอง

อาถิงกล่าว “ถึงแม้แมวตัวนี้จะดูโง่เง่าไปบ้าง แต่พันธสัญญาที่ทำไว้นั้นแข็งแกร่งมาก ความสามารถของเจ้าในตอนนี้ไม่สามารถถอนพันธสัญญาได้ เจ้าได้แต่ยอมรับเจ้าแมวงั่งนี่ในฐานะสัตว์พันธสัญญาต่อกัน”

“เป็นเพียงแค่ศาลาความตาย เจ้ากล้าว่าข้าโง่รึ ?!” เหมียวอู๋ตี้โมโหในทันใด

“ก็เจ้ามันโง่ ทำอะไรไม่สำเร็จ แถมตนเองยังเสียผลประโยชน์อีก ถ้าเจ้าไม่โง่แล้วใครจะโง่ ?!” อาถิงโต้วาจาเผ็ดร้อน  ทักษะการพูดของอาถิงถือได้ว่าเด็ด

ด้วยปากคอจัดจ้านของอาถิง ทำให้เจ้าเหมียวอู๋ตี้โกรธแค้นแทบกระอักเลือด

“แง่งงงง!  มานี่! ข้าจะสู้กับเจ้า”

“…”

ในมิติพันธสัญญาค่อนข้างคึกคัก มู่เฉียนซีถูกรบกวนจึงตัดรับการเชื่อมต่อ นางจับหูเจ้าแมวน้อยแล้วกล่าวกับจิ่วเยี่ย “จะด้วยอะไรข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่… เจ้านี่เป็นสัตว์พันธสัญญาของข้าแล้ว”

นางรู้สึกว่ารอบตัวของจิ่วเยี่ยมีพลังอันบ้าระห่ำแผ่ออกมา ดูเหมือนเจ้าก้อนน้ำแข็งอยากจะทำให้เหมียวขาวนี่กลายเป็นโครงกระดูกตามงูเหลือมก่อนหน้านี้ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ไม่ใช่สิ! ดูจากไอสังหาร แม้แต่กระดูกของเจ้าเหมียวนี่ก็จะไม่เหลือไว้ด้วยซ้ำ

แต่… พวกนางมีพันธสัญญาทางจิตวิญญาณกัน  ถ้าหากแมวน้อยนี่ตาย นางก็คงต้องบาดเจ็บสาหัส

“อ่อนแอเกินไป” น้ำเสียงจิ่วเยี่ยเบา แต่แผ่ไอสังหารออกมาไม่หยุด

เหมียวน้อยรู้สึกถึงกลิ่นอายความต้องการสังหารเข้ามาปกคลุมร่างกายเล็ก ๆ ของมัน จึงหยุดโต้เถียงกับอาถิง

ดวงตาสีม่วงเหมือนแอเมทิสต์คู่นั้นส่งสายตาน่าสงสารมองมาที่มู่เฉียนซีประหนึ่งอยากบอกว่า  ชายผู้นี้น่ากลัว นายท่านช่วยข้าที

ภายนอกของเจ้าเหมียวน้อยน่ารักมาก แต่เมื่อนึกถึงนิสัยอันแท้จริงของมัน มู่เฉียนซีไม่ค่อยเห็นใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่สามารถทำให้เจ้าตัวนี้หายไปได้

มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ย ดวงตาคู่ดำกับคู่ฟ้าสบตากัน

มู่เฉียนซียิ้มมุมปาก “สิ่งของของข้า ถึงแม้จะอ่อนแอไปสักหน่อย แต่ก็อยู่ภายใต้ความดูแลของข้า นอกจากข้าแล้ว คนอื่นทำร้ายมันไม่ได้”

ดวงตาสีดำขลับนั้น แอบซ่อนความดื้อดึงอยู่

ถึงแม้เขาจะแข็งแกร่งขนาดที่นางเองก็ต่อกรไม่ชนะ แต่บางครั้งอยู่ต่อหน้าอันแข็งแกร่งเช่นเขา นางต้องยอมกลืนน้ำลายเอาความกล้าเข้าสู้ และถ้ามาแตะโดนเส้นความอดทนสุดท้ายของนางแล้ว นางก็ไม่ยอมง่ายแพ้ง่าย ๆ เหมือนกัน

ริมฝีปากของจิ่วเยี่ยเม้มเข้าหากัน สายตาอันเยือกเย็นมองมาที่มู่เฉียนซี

กล้าพูดคำพูดแบบนี้กับเขาแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้ กลัวว่าจะมีแค่หญิงสาวตรงหน้านี้ผู้เดียว

นางควรเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานเย้ายวนสะพรั่งแห่งขุมนรก ไม่ใช่กลายเป็นโครงกระดูกขาวที่หายไปจากโลกนี้ …ดังนั้น เขาอนุญาตให้นางเอ่ยวาจาเหล่านี้กับเขา แล้วยังมีชีวิตอยู่ต่อไป

ริมฝีปากเขาเปิดออกเล็กน้อย มีเสียงทุ้มลึกลอดออกมา “ได้ สิ่งที่เจ้าต้องการจะปกป้อง ข้าจะไม่แตะ”

ร่างสีดำหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี ราวกับภูตผีก็ไม่ปาน

ฝ่ามือของมู่เฉียนซีมีเหงื่อไหลออกมา ในเวลาเมื่อกี๊นี้ นางกลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ซวนหยวนจิ่วเยี่ยคนนี้ช่างอันตรายนัก ทั้งแคว้นจื่อเยี่ยถือว่าแข็งแกร่งสุด ขนาดทำให้ประชาชนตกใจ แค่ได้ยินเสียงผู้คนก็หน้าเปลี่ยนสี อู๋ตี้ตอนนี้มันก็ตกตะลึง นายของมันดูอ่อนแอขนาดนี้ แต่เพื่อปกป้องมันกลับเข้มแข็งยืนหยัดกับชายที่ไม่อาจคาดเดาได้และดูน่ากลัวเป็นที่สุดคนนั้น

ตอนนี้มันได้ผูกพันธสัญญากับนางแล้ว อันที่จริง ดูไม่น่าลำบากใจนักที่จะยอมรับเรื่องนี้

“เหมียว”

อู๋ตี้ส่งเสียงร้องอันน่ารักตามแบบฉบับของแมวออกมา ปลอบจิตใจของมู่เฉียนซีให้สงบลง

.