จากการสนทนาระหว่างปีศาจงูและจี้หลี เรื่องชัดเจนขึ้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องราวของหญิงสาวไร้เดียงสาที่เพิ่งเข้าสังคมถูกชายเลวหลอก สุดท้ายก็ถูกชายเลวทิ้ง และหันไปแต่งงานกับหญิงสาวสวยมีฐานะ
แม้ว่าจี้หลีจะเป็นมาร แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่มีประสบการณ์ทางสังคม อีกทั้งยังมีท่านพ่อที่เป็นราชามารคอยปรนเปรอ ทำให้นางกลายเป็นคนที่ไร้เดียงสาและเกือบตายเนื่องจากสูญเสียลูกแก้วพลัง แต่นางก็ยังคิดกลับมาเรียกคืนตราผนึกให้ชายเลว เพื่อที่จะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน
โชคดีที่นางได้พบกับปีศาจงู ซึ่งเป็นเพื่อนรักในวัยเด็ก เขาคัดค้านการเรียกคืนตราผนึกอย่างเด็ดขาด เนื่องจากตราผนึกนั้นเทียบเท่ากับสัญญาแต่งงาน จึงไม่สามารถยกเลิกได้โดยง่าย หากมียกเลิกอย่างกะทันหัน ระดับการฝึกฝนจะถดถอย หรือวิญญาณจะได้รับความเสียหาย ซึ่งความทรมานนั้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อวิ๋นเจี่ยวจำได้ว่าตอนที่อาจารย์ปู่ดึงผนึกออกให้นาง ราชาปีศาจถูกอาจารย์ปู่ตีสลบไปตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เขาก็ฟื้นขึ้นมาในทันที ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว เขาฟื้นขึ้นเพราะความเจ็บปวดนี่เอง
เดิมทีจี้หลีมีพลังกว่าร้อยปี ความเจ็บปวดแค่นี้ไม่มีผลอะไร อย่างมากก็ใช้เวลาฟื้นตัวเพียงหลายสิบปี แต่นางดันเพิ่งสูญเสียลูกแก้วพลัง ทำให้ไม่สามารถใช้พลังได้ หากนางยกเลิกผนึกอาจทำให้ตัวเองตายได้
นี่เป็นสาเหตุว่า ทำไมปีศาจงูถึงต้องขังนางไว้ในโลกลับ ไม่ให้นางออกไปหาที่ตาย!
แต่จี้หลีดันเป็นมารไร้เดียงสา ดูธาตุแท้ของชายเลวไม่ออก คิดเพียงแต่ไม่อยากทำให้คนรักต้องเดือดร้อน เตรียมตัวเสียสละตัวเอง
หลังจากที่ถูกอวิ๋นเจี่ยวเผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์แล้ว นางก็ตกตะลึงไป ถ้าคนอื่นพูดนางก็คงไม่เชื่อ แต่คนพูดเป็นอวิ๋นเจี่ยว หมอที่ช่วยชีวิตนางได้แม้ว่านางจะไม่มีลูกแก้วพลัง นางไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ
ชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกว่าโลกทั้งโลกพังทลาย ลูกแก้วพลังไม่สามารถรักษาโรคได้ ซึ่งหมายความว่าฉีเฉิงโกหกนาง ทันใดนั้นจี้หลีรู้สึกโศกเศร้าผุดขึ้นในใจ ความรู้สึกที่ถูกระงับไว้เป็นเวลานานก็ถล่มทลายออกมา นางไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป ก่อนที่จะเปิดปากและร้องไห้ออกมาดังๆ
เสียงดัง ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจ
“ฮือ…” นางเงยหน้า น้ำตาของนางไหลลงมาราวกับก๊อกน้ำที่ถูกเปิด ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย “ทำไม ข้าทำตามในตำราแท้ๆ…ฮือออ…ทำไมข้าถึงไม่ได้อยู่กับปัญญาชนอย่างมีความสุข ฮือ…ท่านพ่อหลอกข้า ตำราของเขาล้วนโกหก คนหลอกลวง! ข้าจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว ฮือออ…”
ทุกคนต่างตะลึง ภาพตรงหน้าทำไมถึงเปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนี้
นางไม่ควรจะด่าว่าชายเลวเหรอ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับราชามาร
“ตำ…ตำราอะไร” มีคนถามขึ้น
จี้หลีร้องไห้หนักขึ้น ก่อนจะตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ตำราของท่านพ่อ ท่านพ่อแอบซ่อนไว้ใต้เตียง ตำรากองใหญ่…” นางว่าพลางทำท่าดวงกลมอันใหญ่ “ในตำราบอกว่า…ปัญญาชน…ชอบ…ชอบมารที่สุดแล้ว สุดท้ายมักจะมีชีวิตอยู่กับมารอย่างมีความสุข ข้าทำตามแล้ว ทำไมถึงไม่มี”
“…” ทุกคนตะลึง แม้แต่ปีศาจงูด้านข้างก็ผงะไป นางพูดอะไร
จี้หลียังคงพูดต่อ “ข้าเป็นปีศาจก็ต้องหาปัญญาชน ข้า…ข้าอ่านตำราจนหมดแล้ว ทำไมถึงไม่สำเร็จ!”
“เจ้า…เจ้าทำตามตำรา ดังนั้นจึงให้ลูกแก้วพลังแก่นายน้อยฉี?”
“ก็เขาเป็นปัญญาชน!” จี้หลีตอบ “ปัญญาชนคู่กับปีศาจ ข้าก็ต้องเชื่อใจเขา! แต่ว่า…หรือเป็นเพราะว่า…ข้าไม่ได้เฝ้าเทียนแดง มีลูกกับเขาถึงได้ไม่สำเร็จ ตำราของท่านพ่อบอกว่าต้อง…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ปีศาจงูที่อยู่ด้านข้างรีบอุดปากนางเอาไว้ทันที องค์หญิงหยุดพูดได้แล้ว ท่านจะเอาความลับของราชามารมาเปิดโปงหมดแล้ว
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายชรา “…”
เทียนซือ “…”
จะว่าไป เมื่อกี้พวกเขารู้เรื่องที่เหลือเชื่อบางอย่างมา
ราชามารแอบซ่อนตำราสีเหลืองไว้ใต้เตียง! มีความรู้สึกพังทลายในทันใด
ไม่คิดว่าราชามารจะเป็นเช่นนี้! ราษฎรของโลกมารรู้ไหม
จี้หลีเหมือนกับติดใจการร้องโฮ นางดึงมือของปีศาจงูออกด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพูดต่อว่า “เจ้าขวางข้าทำไม ข้าไม่ได้พูดผิด…ไม่มีปัญญาชน ข้า…ข้าก็จะเป็นมารตลอดไป ข้ากลายเป็นคนไม่ได้แล้ว ฮือออ…”
“เจ้าอยากกลายเป็นคน?” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“อืม” ปีศาจแมวพยักหน้าอย่างแรง “ความรักระหว่างปีศาจกับปัญญาชน จะทำให้สวรรค์เมตตา ทำให้ข้ามีโอกาสกลายเป็นคน ตำราเขียนไว้แบบนี้!”
ทุกคน “…”
ตำราเล่มไหนบอกไว้เนี่ย?
แค่มีความรักก็ทำให้สวรรค์เมตตา สวรรค์ไม่มีหลักการขนาดนี้?
เดี๋ยว!
ดังนั้นที่นางไว้ใจนายน้อยฉีขนาดนี้ เป็นเพราะตำราเขียนเอาไว้เหรอ
ทันใดนั้นรู้สึกนายน้อยฉีน่าสงสารคืออะไรกัน
(⊙_⊙)
อีกทั้งที่นางดูคือตำรานิทานหรือเปล่า อีกทั้งยังมีสีอีก ปีศาจแมวนี้อ่านหนังสือจนเสียสติหรือเปล่า ทำไมเชื่อไปทุกเรื่อง
ชายชรามองไปทางอวิ๋นเจี่ยว คนชอบอ่านตำรา…
“อืม?” อวิ๋นเจี่ยวราวกับรับรู้ได้ สายตาเย็นชากวาดมองมาทันที ชายชราตัวหดไป เอ่อ เทพแห่งการเรียนกับหนอนหนังสือมีความแตกต่าง
เมื่อเห็นว่าน้ำตาของจี้หลีจะหยุดไม่อยู่ราวกับแม่น้ำเหลือง อวิ๋นเจี่ยวนวดไปที่หว่างคิ้ว ก่อนจะดึงดูดความสนใจของนางไปที่อื่น “พอแล้ว หยุดร้องได้แล้ว ไหนบอกมาสิว่าทำไมเจ้าอยากเป็นคน”
“เพราะว่า…ในตำราบอกว่าคนมีอารมณ์หลากหลาย รู้สุขรู้ทุกข์ เป็นที่รักของสวรรค์ ดังนั้น…ข้าจึงอยากเป็นคน” นางตอบ
“มารไม่มีเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวถาม
นางเบะปากตอบ “ตำราบอกว่ามารไม่มีหัวใจ เลือดเย็น ไม่มีความอบอุ่นเหมือนมนุษย์”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว เจ้าเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ตัวเองเนี่ย
“ข้าถามเจ้า” นางถอนหายใจ “หากไม่ได้กลายเป็นคน เจ้าเสียใจไหมในตอนนี้”
“อืม” นางพยักหน้าอย่างน่าสงสาร
“ถ้าข้าบอกเจ้าว่า เมื่อกี้ข้าหลอกเจ้า นายน้อยฉีไม่ได้โกหกเจ้า เจ้าจะดีใจไหม”
ดวงตาของนางลุกวาว เงยหน้าขึ้นมา “จริงเหรอ”
“ไม่จริง!”
ดวงตาของนางมืดลงไป
“ถึงแม้นายน้อยฉีจะหลอกเจ้า แต่ปีศาจงูนี้กลับตั้งใจปกป้องเจ้า ตอนนี้เขาหายบาดเจ็บแล้ว เจ้ามีความสุขไหม”
“แน่นอน!” นางหันไปมองปีศาจงู
“อ่อ!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า จากนั้นสะบัดเข้าที่หน้านางเสียงดัง
จี้หลีถูกตบจนมึน ลูบคลำหน้าที่บวมแดงของตัวเอง ถึงได้ตั้งสติได้ว่าเมื่อกี้โดนอะไร นางมองอวิ๋นเจี่ยวอย่างโกรธเคือง “เจ้าทำอะไร!” แม้แต่ปีศาจงูที่อยู่ด้านข้างก็ถลึงตาใส่
“โกรธไหม” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“แน่นอน ทำไมเจ้า…”
อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดนาง “เจ้าโกรธเพราะข้าตบเจ้า เจ้าเสียใจเพราะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เจ้ารู้สึกชื่นชอบเพราะว่านายน้อยฉี เจ้าเสียใจเพราะว่าปีศาจงูบาดเจ็บ เช่นนั้นข้าถามเจ้า…อารมณ์รักโลภโกรธหลง เจ้าว่าตัวเองขาดอันไหนไป”
เอ๊ะ?
จี้หลีตะลึง เหมือนกับว่าไม่เคยคิดมาก่อน คนทั้งคนอึ้งไป
เหมือน…เหมือนว่าจะไม่มีอะไรขาด
“ในเมื่อเจ้ามีทั้งหมด เช่นนั้นทำไมถึงไม่เป็นมารเหมือนเดิม คิดจะเป็นคนกัน” สมองมีแต่น้ำหรือเปล่า
จี้หลี “…”
พูดได้มีเหตุผลอย่างยิ่ง คนกับมารก็ดูเหมือนไม่มีความแตกต่าง เมื่อเทียบกัน คนอ่อนแอกว่ามารมากมาย เช่นนั้นทำไมนางต้องคิดไม่ตกอยากกลายเป็นคนกัน
จี้หลีผงะไป รู้สึกวิสัยทัศน์ที่พังทลายกำลังสร้างกลับมาอย่างช้าๆ
“วันหลังอ่านตำรานิทานน้อยหน่อย อ่านตำราเรียน…ฝึกฝนให้มาก!” อวิ๋นเจี่ยวพูดสั่งสอน
“…” จี้หลียังไม่ได้สติ
“จริงสิ!” อวิ๋นเจี่ยวนึกบางอย่างขึ้นได้ “เจ้าอายุเท่าไหร่” ทำไมถึงไม่มีสมองเช่นนี้
“หนึ่งร้อย…สามสิบสี่ปี” นางตอบ ก่อนจะเสริมอีกประโยค “เผ่าข้าเป็นผู้ใหญ่เร็ว ข้ายังมี…อีกเจ็ดสิบปีก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว! ตอนนี้เท่ากับคนทั่วไป…” นางนับนิ้ว ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ “สิบขวบ!”
อะไรนะ?
เฮ้ย ที่แท้ก็เป็นเด็กเหรอเนี่ย?
Σ(°△°|||)︴
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายชรา “…”
เหล่าเทียนซือ “…”
ทุกคนคิดถึงชายเลวแซ่ฉีขึ้นมาทันใด ก่อนจะพูดออกมาพร้อมกันว่า
“เดรัจฉาน!” คูณเจ็ด