เมื่อจี้หลีฟื้นขึ้น นางก็รู้ว่าเป็นหมอมนุษย์ที่ช่วยตัวเองเอาไว้ ทักษะทางการรักษาของนางเก่งกาจมากจนไม่เพียงช่วยชีวิตของนางเอาไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยจี้เฉินพี่ชายของนางมาก่อนด้วย น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เจอ นางก็ได้ออกจากโลกมารไปก่อน จี้หลีได้ยินว่าท่านพ่อประกาศว่าจะแต่งงานกับหมอคนนี้ ต่อมาท่านพ่อได้รับบาดเจ็บอย่างไร้สาเหตุ อีกทั้งต่อมานางก็ทะเลาะกับท่านพ่อ และหนีออกจากโลกมารด้วยความโกรธ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
กระทั่งอวิ๋นเจี่ยวปรากฏตัวขึ้น นางไม่เพียงแต่รู้ว่าอวิ๋นเจี่ยวเป็นใคร แต่ยังรู้ว่านางสูญเสียลูกแก้วพลัง อีกทั้งยังเป็นหมอ จี้หลีไม่ได้ออกจากโลกปีศาจบ่อยนัก สองครั้งที่ออกมานั้นล้วนเป็นการหนีออกมา มนุษย์ที่นางรู้จักมีจำนวนจำกัด ดังนั้นตัวตนของนางจึงเดาได้ไม่ยาก
ในความคิดของจี้หลี คนที่ท่านพ่อต้องการจะแต่งงานด้วย ก็ต้องเป็นราชินีแห่งโลกมาร และโดยธรรมชาติแล้วก็ต้องเป็นแม่ของนางด้วย นอกจากนี้นางได้ช่วยงูโง่อีก ดังนั้นจี้หลีเรียกนางว่าท่านแม่ออกมาอย่างไม่มีปัญหา!
สีหน้าของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ดำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทียนซือทั้งสี่คนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาหันไปมองที่อวิ๋นเจี่ยวด้วยสายตา สหายชอบแบบนี้หรือ
“เจ้าจำคนผิดแล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวหน้าดำตอบกลับ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
“แต่ว่าท่าน…” ปีศาจแมวจี้หลียังอยากอธิบาย
“ข้าไม่ใช่!”
“แต่พี่ใหญ่บอกว่า…”
“ไม่มี!”
“แต่ท่าน…”
“ปีศาจแมวน้อยอย่าเรียกมั่วนะ!”
“…” นางเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก
ทันใดนั้น คนที่เคี้ยวขนมอยู่ด้านข้างเดินขึ้นหน้า ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นชา “ต้มกินเถอะ!”
“ฮะ?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะรีบดึงคนกลับมา “เดี๋ยว!” เรื่องยังไม่ชัดเจนเลย
“งั้นย่าง!” อีกฝ่ายตอบกลับ
“ไม่ได้ นาง…”
“นึ่ง? ผัด!”
“ไม่ใช่…”
นี่ไม่ใช่ปัญหาวิธีการทำนะ อีกอย่างท่านโกรธอะไรเนี่ย?
เยี่ยยวนสีหน้าดำกว่าเดิม ก่อนจะมองไปยังปีศาจแมวด้วยสายตาเย็นชา ดูท่าทางราชามารจะโดนเบาไป เจ้าเดรัจฉานพวกนี้เตรียมจ้องจะมาลักเอาศิษย์หลานตัวน้อยของเขาไปอยู่เรื่อย
จี้หลีรู้สึกได้ถึงพลังอาฆาตรุมเข้ามา นางรู้สึกตัวสั่นขึ้นทันที คำพูดที่กำลังจะออกมาถูกกลืนเข้าคอไปใหม่ คนนี้…น่ากลัว! นางเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ใหญ่ของตัวเอง
ปีศาจงูด้านข้างฟื้นขึ้นมา เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น “องค์…หญิง?”
“งูโง่! งูโง่…เจ้าเป็นยังไงบ้าง” จี้หลีผงะ ก่อนจะถามขึ้นอย่างร้อนรน
“ข้าไม่เป็น…” ปีศาจงูตอบ แต่สายตาเหลือบไปเห็นคนบริเวณโดยรอบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นแล้วดันจี้หลีไปไว้ด้านหลัง “องค์หญิงหนีเร็ว คนพวกนี้อันตราย”
“เจ้าอย่าขยับ!” ปีศาจงูขยับ ทำให้แผลบนตัวเปิดออกอีกครั้ง ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมา จี้หลีรีบจับเขาไว้ทันที ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว “ท่าน…”
“ข้า ชื่อ อวิ๋น เจี่ยว!” นางพูดขัดขึ้น ไม่เรียกท่านแม่ยังเป็นเพื่อนกันได้!
“หมออวิ๋น…” จี้หลีเรียก ก่อนจะหันไปมองปีศาจงู “เจ้าอย่าขยับ หมออวิ๋นเป็นคนที่เคยช่วยข้า นางไม่ใช่คนไม่ดี”
ปีศาจงูผงะ มีความไม่เชื่อ อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้า ฝังเข็มให้เขาเพื่อหยุดเลือดบริเวณแผล ก่อนจะกวาดตามองปีศาจที่น่าสงสารทั้งสอง แล้วพูดขึ้น “บอกมาก่อน ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้จับเด็กเหล่านั้นไป แล้วมาหลบบนเขานี้ทำไมกัน”
จี้หลีผงะ ก่อนจะก้มหน้าต่ำ นางเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าซีดเผือด
สายตาปีศาจงูที่อยู่ด้านข้างมีความเห็นใจแวบผ่านไป เขาสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะมองไปยังพวกนาง “ข้าเอง! ข้า…ขังองค์หญิงไว้ในโลกลับนี้ ข้าขังพวกเขาเอาไว้ นางไม่รู้เรื่องเลย!” เขาหันหน้าไปมองเทียนซือทั้งสี่ที่อดข้าวจนผอมไปรอบหนึ่ง
“งูโง่!” จี้หลีเรียกเขาอย่างร้อนรน
ปีศาจงูยังคงพูด “พวกท่านจะฆ่าจะแกง ก็มาที่ข้า ไม่เกี่ยวกับองค์หญิง!”
“เจ้าขังนางไว้ในโลกลับทำไม” อวิ๋นเจี่ยวถาม
ปีศาจงูเงียบไป ก่อนจะหันหน้าไปมองจี้หลี อ้าปากเหมือนต้องการอธิบาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด “พวกเจ้าฆ่าข้าเถอะ ขอแค่ปล่อยองค์หญิงไป ยังไงก็แล้วแต่พวกเจ้า”
“งูโง่!” จี้หลีร้อนรนกว่าเดิม “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้า…”
“เพราะผนึกนั้นใช่ไหม” อวิ๋นเจี่ยวถาม
ทั้งสองคนตะลึง เงยหน้ามองอวิ๋นเจี่ยวอย่างเหลือเชื่อ นาง…นางรู้ได้อย่างไร
“จี้หลี ผนึกบนตัวของนายน้อยฉี เจ้าเป็นคนทำใช่ไหม!”
จี้หลีขอบตาแดงขึ้นมา เมื่อเห็นว่าปิดบังต่อไม่ได้ นางจึงพยักหน้ารับ “ข้า…ข้าเอง” สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ “ข้า…ข้าไม่ได้อยากทำร้ายเขา ข้าแค่ไม่ทันคิด…ข้าจะไปเก็บผนึกกลับมาเดี๋ยวนี้!”
“องค์หญิงไม่ได้!” ปีศาจงูหน้าซีด “ท่านเพิ่งหายจากการบาดเจ็บ อีกทั้งยังไม่มีลูกแก้วพลัง หากเก็บผนึกกลับมา ท่านอาจตายได้ ข้า…ข้าไม่ยอมให้ท่านไปหาเขาเด็ดขาด อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่คนดี…”
“หุบปาก!” จี้หลีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะถลึงตาใส่ปีศาจงูด้วยความโกรธเคือง “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดถึงเขาเช่นนี้! เขา…เขาไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะข้าห่วงเขา!”
“องค์หญิง ทำไมท่านยังไม่ตาสว่างอีก” ปีศาจงูสีหน้าเจ็บปวด “คนที่ขโมยลูกแก้วพลังของท่านจะเป็นคนดีได้อย่างไร เขาหลอกท่านมาโดยตลอด!”
“ไม่! ไม่ใช่…” จี้หลีส่ายหัวอย่างแรง ราวกับไม่อยากยอมรับความจริงนี้ สีหน้ายิ่งซีดกว่าเดิม
“เดี๋ยวก่อน!” อวิ๋นเจี่ยวยิ่งฟังยิ่งงง นางกวาดตามองคนทั้งสอง “พวกเจ้าบอกว่า…ลูกแก้วพลังของจี้หลีถูกนายน้อยฉีขโมยไป?”
“เขาหลอกเอาไป!” ปีศาจงูสีหน้าขุ่นเคือง สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เขาจำเป็นต้องทำ” จี้หลียังคงแก้ตัวให้เขา “ตอนนั้นพ่อของเขาป่วยหนัก จำเป็นต้องใช้ลูกแก้วพลังของข้า ดังนั้น…ดังนั้นข้าถึง…”
“องค์หญิง เขาหลอกท่าน!” ปีศาจงูพูด
“ไม่ใช่” จี้หลีกลับยังคงส่ายหน้า ไม่อยากยอมรับ “ข้าไปดูมาแล้ว พ่อของเขาป่วยจริง อีกทั้งเป็นเพราะข้าไม่เรียกผนึกกลับมาให้ทันเวลา ทำให้เขาป่วยหนัก เป็นความผิดของข้า!”
“นั้นก็เป็นเพราะว่าเขาหลอกเอาลูกแก้วพลังของท่านไป ท่านถึงได้บาดเจ็บสาหัส” ปีศาจงูพูดอย่างร้อนรน เขาแทบอยากจะเขย่าให้อีกฝ่ายตาสว่าง แต่ก็ไม่กล้าที่จะแตะตัวนาง “ผนึกเกิดผล เป็นเพราะว่าเขาพลาดเองต่างหาก เขาหลอกใช้ท่านมาตลอด!”
“ข้าไม่เชื่อ!” จี้หลีส่ายหัวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
“แต่ว่าเขา…”
“เจ้าห้ามพูดถึงเขาอีก ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก” พูดจบก็ยกมือปิดหูเอาไว้
“องค์หญิง…”
ดูท่าทางทั้งสองคนกำลังจะเริ่มการแสดงละครน้ำเน่าแล้ว
“คือ…ขอขัดหน่อยนะ!” อวิ๋นเจี่ยวอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้น “เรื่องน้ำเน่าข้าไม่สนใจนะ แต่ข้าว่าต้องสอนความรู้ทั่วไปทางการแพทย์ให้พวกเจ้าหน่อย” สีหน้าของนางจริงจัง ยกนิ้วชี้ไปทางจี้หลี ก่อนจะพูดออกมา “เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นมาร ลูกแก้วพลังของเจ้าเป็นของเผ่ามาร ไม่สอดคล้องกับระบบของมนุษย์ หากใช้ลูกแก้วพลังในการรักษา จะทำให้ตายเร็วขึ้น เข้าใจไหม” อย่าส่งต่อความรู้มั่วๆ ต่อหน้าหมอสิ! ขอบคุณ!
จี้หลี “…”
ปีศาจงู “…”
ทุกคน “…”