“ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่” หญิงสาวเหลือบมองมาทางอวิ๋นเจี่ยว นางเห็นเหรียญทองแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของเทียนซือห้อยไว้ข้างตัวของพวกเขา จากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปกะทันหัน ก่อนจะถามคาดคั้นเสียงดัง “งูโง่ตัวนั้นละ เขาอยู่ไหน” 

 

 

“มีอีกด้วยจริงด้วย!”“ อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เทียนซือที่อ่อนแอด้านข้างก็พูดแทรกขึ้นมา “เจ้าปีศาจ รีบปล่อยเด็กในหมู่บ้านออกมาเดี๋ยวนี้” 

 

 

เมื่อหญิงสาวได้ยินยิ่งโกรธมากขึ้น พลังมารรอบตัวยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางจ้องเขม็งมายังพวกเขา “พวกเจ้าทำอะไรงูโง่นั้น?” 

 

 

”ปีศาจที่ทำเรื่องชั่วช้า พวกข้าก็ต้องกำจัด!” เทียนซือตอบด้วยสีหน้ายุติธรรม 

 

 

“พวกเจ้าบังอาจทำร้ายเขา!” เสียงของหญิงสาวแหลมขึ้น พลังมารรอบตัวราวกับถูกจุดติดขึ้นมาก นางโบกมือขึ้น ก่อนจะกลายเป็นพลังมารนับร้อยพุ่งตรงมายังพวกเขา 

 

 

“สหายระวัง!” เทียนซือคนนั้นตกใจ ดึงอวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่หน้าสุดให้หลบด้วยร่างกายที่จะยืนยังลำบาก ก่อนที่เขาจะหยิบกระบี่ไม้ท้อออกมาต้านพลังมารกลุ่มนั้น เทียนซือที่เหลือทั้งสามก็เช่นกัน 

 

 

แต่พวกเขาอ่อนแอเกินไป ตาที่พร่ามัวจากการอดกินมาหลายวัน เพียงแค่พยุงตัวให้ยืนขึ้นได้ก็นับว่าดีแล้ว พลังมารกลุ่มนั้นเข้าใกล้ พวกนางยังไม่ทันที่จะใช้คาถา อวิ๋นเจี่ยวคิดจะหยิบยันต์ออกมายังไม่มีเวลา เห็นเพียงแต่พวกเขาถูกซัดล้มลงไปกับพื้นทีละคน จนเผยออกมาให้เห็นชายชราที่อยู่ด้านหลังและอาจารย์ปู่ที่เดินอยู่ท้ายสุด 

 

 

เห็นท่าพลังมารกำลังจะกวาดเข้าไป หญิงสาวนั้นกลับผงะ พลังมารที่แพร่ออกมาสลายไปในทันที เห็นเพียงแต่นางยืนมองเยี่ยยวนอยู่อย่างนั้น สีหน้าท่าทางราวกับไม่อยากเชื่อ ก่อนจะตะโกนเรียก “พี่ใหญ่?” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” 

 

 

ชายชรา “…” 

 

 

ทั้งสี่คน “…” 

 

 

อะไรกัน? 

 

 

“พี่ใหญ่ ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่” หญิงสาวถามขึ้น ก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่นราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ “ท่านพ่อให้พี่มาพาข้ากลับไปเหรอ ข้าไม่กลับไปแน่!” 

 

 

เดี๋ยว! ท่านพ่อ? 

 

 

มีความคิดหนึ่งวิ่งผ่านหัวของอวิ๋นเจี่ยวไปอย่างรวดเร็ว นางจำได้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้คือใคร นางเป็นลูกสาวคนเล็กของราชามาร ปีศาจแมวดำที่ไม่มีลูกแก้วพลัง อาจารย์ปู่แปลงเป็นจี้เฉิน ดังนั้นนางจึงเรียกเขาว่าพี่ใหญ่! 

 

 

(⊙_⊙) 

 

 

ไม่เพียงแต่นาง เทียนซือที่อยู่บนพื้นทั้งสี่ก็มีสีหน้างุนงง พวกเขาหันมองเยี่ยยวนที่อยู่ด้านหลังพร้อมกัน สายตาเต็มไปด้วยความตะลึงและเหลือเชื่อ 

 

 

พี่ใหญ่อะไร? 

 

 

ทั้งสามคน “…” แย่แล้ว! 

 

 

แต่องค์หญิงปีศาจแมวกลับดูไม่ออกว่าพี่ใหญ่ฝั่งตรงข้ามเป็นตัวปลอม นางทำท่าทางจะคิดบัญชีกับคนอื่นราวกับมีที่พึ่ง “พี่ใหญ่ คนพวกนี้ทำร้ายเพื่อนข้า ช่วยสั่งสอนพวกมันให้ข้าที” 

 

 

“…” 

 

 

เอ่อ…นี่จะอธิบายยังไงดี เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนนะ 

 

 

“จริงสิ งูโง่!” องค์หญิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล นางไม่ได้รังควานพวกเขาต่อ เพียงแต่กลายร่างเป็นควันสีเขียวแล้วลอยออกจากปากถ้ำไป 

 

 

“แย่แล้ว นางจะหนี!” เทียนซือทั้งสี่ตกใจ คิดจะลุกขึ้นตามไป แต่ว่าร่างกายไม่อำนวย ทำได้เพียงมองไปทางอวิ๋นเจี่ยวอย่างลังเล 

 

 

“นางน่าจะไปดูงูตัวนั้นแล้ว”“ อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย นางกวาดตามองรอบด้าน “ออกไปก่อนเถอะ” ที่มีอยู่เพียงเท่านี้ ดูท่าทางเด็กในหมู่บ้านจะไม่ได้อยู่ที่นี่ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อธิบายมาก นางบอกให้ชายชราพยุงพวกเขาเดินกลับไปออกไปทางเดิม เมื่อพวกนางออกมาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ขององค์หญิงส่งมาแต่ไกล 

 

 

“งูโง่! งูโง่ เจ้าเป็นยังไงบ้าง เจ้าอย่าแกล้งข้าแบบนี้สิ! ฮือๆๆ…” เห็นเพียงแต่องค์หญิงปีศาจแมวกำลังก้มอยู่หน้าหลุมใหญ่ ใช้แรงดึงปลายหางของปีศาจงูราวกับกำลังดึงแครอท แต่ไม่ว่านางจะดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก ร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ออกมา 

 

 

“พี่ใหญ่! พี่ช่วยงูโง่ที!” อาจเป็นเพราะได้ยินเสียงพวกเขาออกมา องค์หญิงรีบหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยยวน 

 

 

คนที่ถูกเรียกไม่แม้แต่จะขยับ ทำท่าไม่ได้ยินเสียงเรียก เหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรียกตัวเอง 

 

 

“พี่ใหญ่!” องค์หญิงยิ่งร้อนรน น้ำตาไหลลงมาในทันที “แค่พี่ช่วยงูโง่ วันหลังข้าจะเชื่อฟังพี่” 

 

 

คนที่ถูกเรียกยังคงเคี้ยวขนมอย่างสบายใจ ทักษะการแกล้งโง่ดีเยี่ยม 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวอดไม่ได้ นางหยิบยันต์ออกมาใบหนึ่ง ก่อนจะโยนออกไป ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างขึ้น ด้านล่างของปีศาจแมวปรากฏคาถาสะกดร่างขึ้นมา “พวกเจ้าจะทำอะไร” ปีศาจแมวหลบไม่ทันจึงถูกสะกดไว้กับที่เช่นนั้น นางเบิกตาโต ก่อนจะหันไปมองเยี่ยยวน “พี่ใหญ่ พี่ปล่อยให้พวกเขารังแกข้าเช่นนี้เหรอ” 

 

 

“หยุดเรียกได้แล้ว! เจ้าจำคนผิด เขาไม่ใช่พี่เจ้า” อวิ๋นเจี่ยวขัดคำของนาง 

 

 

“อะไรนะ” ปีศาจแมวตะลึง สีหน้าไม่เชื่อ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองนางขึ้นลง ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้า…คือจี้หลีใช่ไหม” 

 

 

“เจ้า…เจ้ารู้ได้ยังไง” ปีศาจแมวสีหน้าตะลึง 

 

 

“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยเจอเจ้า” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย เพียงแต่ตอนนั้นนางยังสลบอยู่ จึงไม่เคยเห็นหน้านาง “เจ้าไม่รักษาอยู่บ้าน วิ่งออกมาทำไม” 

 

 

“เจ้า…” ปีศาจแมวเบิกตากว้างขึ้น นางรู้เรื่องที่ตนบาดเจ็บได้อย่างไร กำลังจะถาม กลับได้ยินนางพูดขึ้นต่อ 

 

 

“บอกมาเถอะ เด็กในหมู่บ้านละ เจ้าซ่อนพวกเขาไว้ที่ไหน”“ 

 

 

“เด็ก?” ปีศาจแมวฉงน “เด็กอะไรกัน” 

 

 

“เจ้าปีศาจอย่าริโกหก!” เมื่อเห็นนางไม่ยอมพูด เทียนซือที่อยู่ด้านหลังยิ่งร้อนรน นั่นล้วนเป็นเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ พวกเขาถูกขังแค่ไม่กี่วันยังเกือบไม่รอด ไม่กล้าจะคิดว่าเด็กเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร “นอกจากพวกเจ้ายังจะมีใครจับเด็ก รีบส่งคนออกมา” 

 

 

“ใครจับเด็กกัน!” ปีศาจแมวโมโห หน้าเล็กโกรธจนพองขึ้นมา ถลึงตาใส่เทียนซือคนนั้นก่อนจะพูด “ข้าจะไปจับลูกของมนุษย์อย่างพวกเจ้าทำไมกัน” 

 

 

“สองเดือนมานี้ ในหมู่บ้านมีเด็กหายราวสิบกว่าคน เจ้ากล้าบอกว่าไม่ใช่พวกเจ้าจับไป?” 

 

 

“ข้าไม่เคยทำ งูโง่ก็ไม่เคย!” ปีศาจแมวโกรธมากขึ้น “อีกทั้งข้ากับงูโง่มาที่นี่ยังไม่ถึงครึ่งเดือน จะไปจับเด็กที่หายไปเมื่อสองเดือนก่อนได้อย่างไร! แล้วแต่พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่!” 

 

 

“ครึ่งเดือน! เป็นไปได้อย่างไร” เทียนซือตะลึง แต่ก็ยังคงความสงสัยว่าอีกฝ่ายโกหก จึงทำได้เพียงหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวและชายชรา “สหาย พวกท่านว่า…” 

 

 

“นางน่าจะพูดความจริง” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า หากเป็นมารตัวอื่นอาจเป็นไปได้ แต่องค์หญิงปีศาจแมวตัวนี้…เมื่อเดือนครึ่งที่แล้วนางได้ไปรักษาจี้หลี ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่นางจะมาจับเด็กที่นี่เมื่อสองเดือนก่อน อีกทั้งเมื่อสิบกว่าวันก่อน เจ้าจิ้งจอกน้อยเพิ่งส่งข่าวมาบอกว่านางหนีออกจากโลกมารอีกแล้ว คิดๆ ดูแล้วก็เป็นเวลาครึ่งเดือนตามที่นางบอก 

 

 

นั่นก็หมายความว่า…พวกเขาทั้งสองไม่ได้จับเด็กไป! 

 

 

พวกเขา…ตีผิดตัว? 

 

 

(⊙_⊙) 

 

 

“งูโง่! งูโง่เจ้าเป็นยังไง…” ปีศาจแมวดึงไปได้ครึ่งหนึ่ง ปีศาจงูที่เหลือเพียงลมหายใจเดียว เมื่อผ่านการกระทำนี้ ลมหายใจเขายิ่งอ่อนลง “พวกเจ้าปล่อยข้านะ!” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเก็บยันต์กลับมา ปีศาจแมวรีบพุ่งเข้าไปดึงปีศาจงูตัวนั้น แต่ไม่ว่าจะใช้แรงมากเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก เมื่อนางดึงแต่ละทีก็ถูกพลังลมปราณที่หลงเหลือรอบหลุมนั้นดันกลับเข้าไป ปีศาจแมวคราวนี้แทบจะร้องไห้ออกมาจริงๆ ไม่สนใจว่าจะจำคนผิดหรือไม่ มองไปทางเยี่ยยวนอย่างขอความช่วยเหลือ “พี่ใหญ่…” 

 

 

คนที่ถูกเรียกไม่ขยับ เคี้ยวขนมด้วยสีหน้าสบายใจ ราวกับคนที่ตีคนจมลงดินไม่ใช่เขาอย่างนั้น 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหน้าดำ ก่อนจะมองเขาแล้วพูดว่า “ฟักต้มกระดูกหมู” 

 

 

มือของบางคนชะงักไป ก่อนจะวางขนมลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นยกมือขึ้น ปีศาจงูในพื้นดินนั้นราวกับแครอทที่ถูกดึง ลอบออกมาจากในหลุม และตกลงบนพื้นด้านข้างทันที 

 

 

ทุกคน “…” 

 

 

“งูโง่!” ปีศาจแมววิ่งเข้าไป มองปีศาจงูที่สลบอยู่บนพื้นอย่างกังวล 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองหนึ่งที ก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร ยังช่วยได้” จากนั้นดึงเข็มเงินบนตัวออกมา ก่อนจะปักเข้าบนตัวของปีศาจงู เส้นชีพจรขาด ลูกแก้วพลังกำลังจะแตก พลังมารสลายหายไป จะว่าไปอาจารย์ปู่ลงมือหนักไม่ธรรมดา 

 

 

ช่วยไม่ได้ อาจารย์ปู่บ้านตัวเองตีผิดตัว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยกลับมา 

 

 

นางใช้เข็มเงินยับยั้งลูกแก้วพลังที่กำลังจะแตก ก่อนจะวางข่ายพลังฟื้นฟูเส้นชีพจรของอีกฝ่าย ทำให้ปีศาจงูมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย ลมหายใจของเขาก็มั่นคงขึ้น 

 

 

“เสร็จแล้ว ดูแลหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว”“ อวิ๋นเจี่ยวเก็บเข็มกลับมา เหลือบมองปีศาจแมวทีหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “กลับเป็นเจ้า ไม่มีลูกแก้วพลังก็อย่าใช้คาถา มิเช่นนั้นข้าคงจะช่วยเจ้าอีกไม่ได้” 

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร…” ปีศาจแมวเบิกตาโตในทันที เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ท่านพ่อบอกว่าโรคของข้าคือหมอรักษาพลังลมปราณที่เป็นมนุษย์รักษาหาย นางยังช่วยพี่ใหญ่ หรือว่าเจ้า…เจ้าคือ…” 

 

 

นางมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว จากนั้นมองไปยังเยี่ยยวนที่อยู่ด้านหลัง ตายิ่งเบิกยิ่งโต อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะพยักหน้า กลับได้ยินนางพูดออกมาว่า 

 

 

“ท่านแม่!” 

 

 

พู่ว… 

 

 

เลือดแทบจะพุ่งออกมา 

 

 

เยี่ยยวนกระชับมือแน่น ขนมในมือแตกละเอียด 

 

 

“…” 

 

 

อะไรกัน? 

 

 

w(゚Д゚)w