ตอนที่ 102 สตรอเบอรี่สุกแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 102 สตรอเบอรี่สุกแล้ว

คุณป้าหูไม่ได้เอ่ยอะไรมาก แต่นางก็ยังบอกซูตานหงอยู่ว่ายังไม่เห็นด้วยกับการต่อรองราคานี้

เพราะเบญจมาศกระถางพวกนี้มันดูดีจริง ๆ

เห็นดังนั้นแล้วซูตานหงก็ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นย้ายกระถางเบญจมาศไปไว้ที่เดิม แล้วคุณป้าหูก็กลับไป

ซูตานหงจึงฝากเมล็ดพืชไว้กับจี้เจี้ยนอวิ๋น “เรื่องนี้ฉันให้คุณเป็นคนจัดการค่ะ เดี๋ยวคุณไปขนกระถางดอกไม้จากบ้านคุณป้าหูมา แล้วเพาะหนึ่งเมล็ดต่อหนึ่งกระถางนะคะ”

จี้เจี้ยนอวิ๋นทำได้เพียงปฏิบัติตามอย่างกรรมกรที่ใช้แรงงานหนัก หลังกลับมาพร้อมกับกระถางดอกไม้หลายสิบใบ เขาก็ออกไปขนดินกลับมาหลายกระสอบ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ดี

กระถางต้นไม้นับสิบถูกวางตั้งเรียงรายไปตามกำแพงลานบ้านเป็นระเบียบงดงามไม่น้อย หลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นทำการหยอดเมล็ดลงในกระถางใบละเมล็ดแล้ว ซูตานหงก็ใช้น้ำวิเศษรดจนชุ่มและปล่อยให้มันงอกเองต่อไป

เมื่อคุณแม่จี้มาที่บ้านแล้วเห็นกระถางดอกไม้มากมายตั้งเรียงอยู่ นางก็พูดขึ้น “คุณป้าหูมาที่นี่เหรอ?”

“ค่ะ ท่านมาเห็นเบญจมาศพวกนี้แล้ว แล้วก็ชมฉันว่าปลูกเลี้ยงพวกมันได้ดี ฉันเลยขอเมล็ดดอกไม้มาปลูกเพิ่มน่ะค่ะ” ซูตานหงยิ้ม

คุณแม่จี้ฟังแล้วก็รู้ว่าเธอหมายความอย่างไร นั่นหมายความว่าฝั่งนางชนะพนันเมื่อคราวก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียรายได้ร้อยละ 20 จากสวนผลไม้ไปให้ทางนั้น

“ต่อจากนี้ไปเธอก็เป็นคนดูแลเรื่องนี้ไปนะ ทุกอย่างที่เธอปลูกล้วนโตดีกันหมด แต่ว่าเธอต่อรองราคากับหล่อนแล้วหรือยัง? ให้ฉันคุยกับหล่อนก่อนไหมจะได้ไม่วุ่นวาย” คุณแม่จี้กล่าว

“ตอนนี้ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่คุณป้าหูเป็นคนจิตใจดีและยุติธรรม ท่านคงไม่เอาเปรียบฉันหรอกค่ะ แล้วท่านก็รู้ว่าจะทำให้ฉันพอใจได้อย่างไรด้วย อย่างไรก็ตาม งานส่วนใหญ่นี้ก็เป็นงานเสริมของฉันน่ะค่ะ”ซูตานหงพูด

น้ำเสียงของเธอแสดงความมั่นใจอย่างยิ่ง

การปลูกต้นไม้ใบหญ้านั้นเป็นงานเสริมของเธอ ในขณะที่งานหลักคือการปักผ้า และกิจการหลักของครอบครัวก็คือการทำสวนผลไม้ ดังนั้นต่อให้ปลูกดอกไม้ไม่ได้เธอก็ไม่อดตาย แต่สำหรับครอบครัวหูแล้วแตกต่างจากเธอนัก เพราะอาชีพหลักของพวกเขาคือการปลูกดอกไม้

ในเมื่อมันเป็นธุรกิจหลักแล้ว พวกเขาจะต้องไม่ทำให้มันสูญเปล่า ซึ่งเธอก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่าตัวเธอเองมีหน้าที่ปลูก ส่วนช่องทางการขายนั้นขึ้นอยู่กับตระกูลหูที่เป็นผู้กำหนดทิศทาง ถ้าถึงเวลาขายแล้วก็แค่มาขนดอกไม้ไปจากบ้านของเธอ ซึ่งล้วนเป็นผลประโยชน์ร่วมกันโดยที่ไม่มีการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์เลย

แล้วดูคุณป้าหูสิว่านางเป็นคนอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะร่วมงานกับนางต่อ

คุณแม่จี้ไม่เอ่ยอะไร ชื่อเสียงของตระกูลหูนับว่าดีโดยแท้ ซึ่งนั่นก็นับว่าดีแล้ว แต่ถึงอย่างไรนางก็ต้องช่วยเธอจับตามองด้วยเช่นกัน นางไม่อาจให้ตานหงรับหน้าที่หนักอยู่คนเดียวได้หรอก

ตอนนี้บนภูเขากำลังมีงานยุ่ง เนื่องจากต้นเชอร์รี่เจริญเติบโตดีมาก ดูจากช่อผลอ่อนที่ติดเต็มทุกกิ่งแล้ว ก็เกรงว่าผลผลิตปีนี้จะอู้ฟู่มากเป็นพิเศษ

“เจี้ยนอวิ๋น แกไปเรียกพรรคพวกแกมาได้ไหม? ฉันคิดว่าราวสิ้นเดือนห้าก็น่าจะเก็บเกี่ยวเชอร์รี่พวกนี้ได้แล้วล่ะ” ในวันนั้นเอง คุณพ่อจี้ได้กล่าวกับลูกชายขณะสูบบุหรี่มวนใหญ่

“ผมบอกไปแล้วล่ะครับ แล้วเขาก็บอกว่าว่างพอดี” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองต้นเชอร์รี่อย่างมีความสุข

มีต้นเชอร์รี่แค่ 10 กว่าต้นเท่านั้นที่ออกผลเป็นครั้งแรก หลังจากที่เขากลับมาจากการดูงาน เขาก็พบว่ามันออกผลอีกชุด ซึ่งหลังจากปลูกมาได้ 1 ปีแล้วพวกมันก็เติบโตได้ดีมาก

“ถึงตอนนั้นก็คงจะมีคนไม่พอ เราต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ” คุณพ่อจี้บอก

“ถ้างั้นขอให้พี่ชายใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่มาช่วยก็ได้นะครับ แล้วในตอนนั้นก็จ่ายค่าแรงให้พวกเขา” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

คุณพ่อจี้ไม่มีความคิดอะไรกับเรื่องนี้ แต่คุณแม่จี้ได้ยินแล้วพอใจมาก คราวที่แล้วเขาไม่ได้ให้พี่ชายของตัวเองเป็นคนดูแลร้าน ดังนั้นถึงคราวนี้ก็ควรจะดูแลพวกเขาหน่อยไม่ใช่หรือ?

ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนห้าแล้ว สตรอเบอรี่ที่ปลูกอยู่ในสวนหลังบ้านของซูตานหงต่างสุกแก่กันหมดจนสามารถเก็บกินที่บ้านได้ทุกวัน ซึ่งพวกมันมีรสหวานอร่อยมาก

เยียนเอ๋อร์น้อยชอบกินสตรอเบอรี่นี้มาก ส่วนเหรินเหรินน้อยนั้นยังกินไม่เป็น ทุกครั้งที่เขาเห็นพี่สาวกินสตรอเบอรี่อย่างเอร็ดอร่อย เขาก็จะยกขวดนมขึ้นดูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

หลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นลงจากภูเขาแล้ว เขาก็บอกซูตานหงในเรื่องหาคนมาช่วยเก็บเชอร์รี่ในช่วงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้

ซึ่งซูตานหงไม่คัดค้านอะไร “คราวนี้ให้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ไปช่วยเถอะค่ะ”

“คราวนี้คุณจะขอให้พี่ชายใหญ่คุณมาช่วยอีกไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

“ลืมไปได้เลยค่ะ ถึงเวลานั้นให้พี่ชายรองของฉันเป็นคนไปส่งอาหารล่วงหน้าแล้วก็ให้เขาไปช่วยดีกว่า” ซูตานหงบอก

“อืม ถ้างั้นผมจะไปคุยกับพวกพี่ใหญ่ผมนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

ซูตานหงพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “คุณอย่าลืมเรียกโหวหวาจือ สองสาวเสี่ยวเจินเสี่ยวอวี้มาด้วยนะคะ ฉันจะให้พวกเขามากินสตรอเบอรี่กันน่ะค่ะ”

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและเดินมาที่บ้านของพี่ชายใหญ่

ตอนนี้พี่ชายใหญ่กำลังทำงานในแปลง โดยที่เฝิงฟางฟางก็อยู่ที่นั่นด้วย จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอกเหตุผลที่มาหา แล้วบอกว่าถ้าอยากจะเริ่มทำงานก็อย่าให้สูญเปล่า

ดวงตาของเฝิงฟางฟางเป็นประกายเมื่อได้ยินดังนี้ แล้วกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “จะเกรงใจกันไปทำไมจ๊ะ? ต่อให้เราไม่ได้เงิน เราก็อยากจะไปช่วยอยู่ดี”

“ผมก็บอกแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ครับ งานนี้จะได้เงินเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ชัดนะครับ เพราะตานหงไม่ได้บอกอะไรไว้ แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจริง ๆ ดังนั้นพวกพี่มาทำเถอะนะครับ ถึงตอนนั้นหล่อนจะคำนวณรายได้ให้เอง” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

เฝิงฟางฟางสะอึก หล่อนยิ้มแล้วไม่พูดอะไร

“ตานหงยังชวนโหวหวาจือมากินสตรอเบอรี่ด้วยนะครับ ตอนนี้เขาอยู่ไหนหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

“ออกไปวิ่งเล่นอยู่น่ะ เดี๋ยวพี่จะบอกเขาให้ทีหลังนะ” เฝิงฟางฟางบอกด้วยท่าทางอยากกินเล็กน้อย สองวันที่ผ่านมานี้หล่อนก็เก็บสตรอเบอรี่บางส่วนจากบ้านสามไปเหมือนกัน ไม่ต้องบอกเลยว่ารสชาติของมันหวานอร่อยแค่ไหน

จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็มาที่บ้านของพี่ชายรองจี้ ซึ่งท่าทางของเจ้าบ้านนั้นช่างแตกต่างจากท่าทางสุภาพที่ได้รับจากเฝิงฟางฟางโดยสิ้นเชิง เมื่อได้ยินว่างานนี้มีการจ่ายค่าจ้าง จี้มู่ตานก็ตอบกลับว่า “ได้สิ งั้นพี่กับพี่รองจะไปช่วยแล้วกัน”

“แล้วสองสาวเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้อยู่กันไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยหลังพยักหน้า

“อยู่สิ” จี้มู่ตานตอบ จากนั้นก็ตะโกนเรียกจนสองสาวพี่น้องที่กำลังทำการบ้านอยู่ในห้องเดินออกมาหา เมื่อเห็นว่าเป็นคุณอาสาม พวกเธอก็ส่งเสียงด้วยความดีใจในทันที “คุณอาสาม!”

“เอาการบ้านไปด้วยนะครับ ไปถึงที่บ้านอาสามแล้ว อาสะใภ้สามจะให้พวกหนูกินสตรอเบอรี่กันนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มเมื่อเห็นหลานสาวทั้งสอง

ทั้งสองพี่น้องหันไปมองแม่ของพวกเธอ

“ไปสิ แล้วอย่าลืมเอากลับมาให้แม่กินด้วยนะ” จี้มู่ตานโบกมือ

การได้ไปบ้านสามจะต้องมีผลประโยชน์กลับมาด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีอะไรกลับมาแล้วจะไปทำไมให้โง่กันล่ะ

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่สนใจพี่สะใภ้รองของเขาเช่นกัน จากนั้นก็พาสองสาวไปเจอกับโหวหวาจือระหว่างทาง แล้วทั้งหมดก็เดินทางไปด้วยกัน

“คนหนึ่งรับจานไปคนละใบนะ ทุกคนไปเก็บสตรอเบอรี่ได้เลยจ้ะ” ซูตานหงบอก

เด็กทั้งสามมีความสุขมาก พวกเขาถือจานไปคนละใบและเก็บสตรอเบอรี่ในสวน ทั้งสามชอบสตรอเบอรี่ลูกแดง ๆ นี่เหลือเกิน

“โหวหวาจือพาเยียนเอ๋อร์ไปด้วยนะจ๊ะ น้องเขาชอบเล่นกับหนูน่ะ” ซูตานหงบอก

“ครับ” โหวหวาจือจูงเยียนเอ๋อร์เข้าไปในสวนหลังบ้าน

ทั้งสามเก็บสตรอเบอรี่กินเป็นจำนวนมาก เมื่อใกล้จะได้เวลากลับบ้าน ซูตานหงก็ให้สตรอเบอรี่ที่พวกเขาเก็บได้กลับไปด้วย “ถ้าคราวหน้าพวกหนูกินกันหมดเกลี้ยงสวน อาสะใภ้สามจะไม่ชวนมาแล้วนะ”

ทั้งสามตกลง

โหวหวาจือกลับมาถึงบ้านแล้วก็ให้สตรอเบอรี่เกือบครึ่งชั่งกับแม่ของเขา เฝิงฟางฟางกินแล้วก็พูดขึ้น “ทำไมลูกไม่เก็บมาอีกล่ะ?”

“มันหมดแล้วครับ ที่เหลืออยู่ก็ยังไม่แดง แล้วอาสะใภ้สามก็ไม่มีเอาไว้กินเองเลย” โหวหวาจือบอก

เฝิงฟางฟางเบ้ปาก “สตรอเบอรี่พวกนี้เป็นของหล่อน หล่อนจะไม่มีกินได้ยังไง?”

โหวหวาจือได้แต่บอกว่า “ผมยังทำการบ้านไม่เสร็จเลย” จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องไป

เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ก็นำสตรอเบอรี่ครึ่งชั่งกลับมาให้แม่ของพวกเธอเช่นกัน ถึงพวกเธอจะได้สตรอเบอรี่กลับมาให้แม่น้อยมาก แต่สองสาวก็ไม่พูดอะไร เพราะรู้กันว่าจำนวนเท่านี้ถือว่าเยอะแล้ว จริง ๆ มันมีเยอะมาก แล้วโหวหวาจือกับพวกเธอก็เก็บลูกที่แดงเต็มที่กันจนหมด จึงมีสตรอเบอรี่เหลืออยู่ในสวนหลังบ้านอยู่ไม่มากนัก

……………………………………