ตอนที่ 54 ฟู่อีต้าย
การทดลองผลิตปูนที่เมืองซีซานประสบความสำเร็จโดยไม่มีติดขัด โรงกลั่นสุราชีชื่อที่เมืองหลินเจียงก็เริ่มดำเนินการหมักสุราในวันนี้เช่นกัน
ข่าวแพร่หลายที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งเมืองหลินเจียงในเวลานี้คือสุราชีชื่อ ขบวนตีกลองเคาะฆ้องอีกทั้งผู้ถือป้ายผ้าประกาศขนาดใหญ่
สุราที่ชีชื่อกลั่นออกมาชนิดใหม่นั้นจะวางขายครั้งแรกวันที่สิบห้าเดือนแปด !
กลิ่นสุราหอมหวน เทียบชั้นเทียนฉุน โปรดคอยติดตาม !
สุราดีราคาประหยัด ชีชื่อ ตัวเลือกที่ดีที่สุด !
สุรากู่ซี 32 ดีกรี สุราหนิงลู่ 40 ดีกรี สูตรเดิม รสชาติเดิม รอดื่มร่วมกันในวันไหว้พระจันทร์ !
……
……
ประกาศต่าง ๆ นานาเต็มท้องถนน อีกทั้งโคมไฟที่แขวนห้อยระย้าในถนนสายนี้ถูกเปลี่ยนเป็นชีชื่อ
ชีหยวนหมิงใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการโฆษณาสุราที่กำลังจะวางจำหน่าย แม้ว่าหยู๋ฝูจี้ยังคงขายดิบขายดี แต่ชีชื่อกลับกลายเป็นจุดสนใจที่ทุกคนจับตามองในเมืองหลินเจียงเสียแล้ว
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ในที่สุดข้าก็เข้าใจเสียทีว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ทำการประกาศเช่นนี้ เหตุเพราะต้องการให้ผู้คนจดจำสินค้าของตนไว้ให้ขึ้นใจ ให้ทุกคนนึกถึงหยู๋ฝูจี้เมื่อยามดื่มสุรา” จางเพ่ยเอ๋อนั่งมองดูขบวนป่าวประกาศบนท้องถนนแล้วเอ่ยต่อว่า “เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น หวังว่าสุราของท่านจะไม่เกิดปัญหาใดขึ้น”
“แม่นางจางโปรดวางใจได้ ข้าจัดซื้อธัญพืชกว่าสามแสนชั่งอีกทั้งไข่ไก่นับไม่ถ้วน สั่งทำบรรจุภัณฑ์แบบใหม่อีกทั้งเชิญอาจารย์ผู้มีความรู้มาเพิ่มอีกสิบกว่าคน เพื่อสุรานี้โดยเฉพาะ”
ชีหยวนหมิงกล่าวจบก็ถอนหายใจ “ทุกสิ่งช่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วเหลือเกิน จากเดิมเมื่อหยู๋ฝูจี้วางขายครั้งแรก ข้าประสงค์จะทำความร่วมมือกับฟู่เสี่ยวกวน แต่ถูกเขาปฏิเสธ บัดนี้หากสุราทั้งสองชนิดของข้าวางขาย คาดว่าเขาก็ประสงค์เข้าพบข้าเช่นกัน เจ้าว่าข้าควรให้เขาเข้าพบหรือไม่ ? ”
“เหตุใดจึงไม่ต้องการพบ ? เมื่อเขามาเจ้าจงบอกข้าด้วย ข้าเองก็อยากเห็นสีหน้าผิดหวังของเขาเช่นกัน”
จางเพ่ยเอ๋อมองร้านหยู๋ฝูจี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แล้วเผยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ฟู่เสี่ยวกวน หยู๋ฝูจี้ของเจ้านั้นใกล้ปิดตัวลงแล้ว หรือว่า……ข้าจะซื้อร้านของเจ้าดีหรือไม่ ?
ได้ยินมาว่าเขาผู้นี้กำลังทำการบางอย่างอันแปลกใหม่อยู่ที่ซีซาน เจ้าจงกระตือรือร้นไปเถิด รอดูวันที่ข้าจะทำให้เจ้าล้มไม่เป็นท่า รับรองว่าเจ้าจะต้องสิ้นหวังอย่างแน่นอน ข้าต้องการเห็นมันยิ่งนัก
นางยิ่งคิดยิ่งมีความสุขนัก ไม่กี่วันก่อนได้จัดการกับหนังสือขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว นางตั้งตารอวันที่สิบห้าเดือนแปดที่กำลังจะมาถึงยิ่งนัก นางเชื่อว่าเทศกาลไหว้พระจันทร์อันยิ่งใหญ่นี้บรรดาลูกค้ารายใหญ่อีกทั้งนักปราชญ์ คงดื่มสุรากู่ซีและหนิงลู่เพื่อเฉลิมฉลองอย่างแน่นอน
และในวันฉลองอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ร้านหยู๋ฝูจี้กลับว่างเปล่าไร้ลูกค้า คาดว่าฟู่เสี่ยวกวนคงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เหอะ ๆ เช่นนี้สิจึงจะน่าสนุก
ชีหยวนหมิงมองเห็นจางเพ่อเอ๋อยิ้มเช่นนั้นก็ตกใจ สตรีนางนี้รูปงามยิ่งอีกทั้งมีความสามารถด้านการค้าเป็นเลิศ หากได้นางไปเป็นภรรยา ตระกูลชีชื่อคงสูงส่งขึ้นไม่น้อย
รอให้สุราใหม่วางขายแล้วค่อยถามความในใจนาง
“เทศกาลไหว้พระจันทร์ครั้งนี้จัดขึ้น ณ สำนักศึกษาป้านชาน ข้าเองได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว หยูหยุ๋นชิงจะใช้ชื่อสุราทั้งสองชนิดนี้เขียนเป็นกวีออกมาในงานกวี หากใช้ชื่อเสียงของหยูหยุ๋นชิง คาดว่ากวีนั้นคงได้รับความนิยมไม่น้อย จากนั้นให้ฝานตั่วเอ๋อร์ร้องบรรเลงในที่นั้นเป็นคนแรก เช่นนี้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ในเมืองหลินเจียงคงจำชื่อสุราทั้งสองได้อย่างขึ้นใจ”
“แม่นางช่างละเอียดอ่อนและความคิดเป็นเลิศยิ่ง”
“มิเป็นไร พวกเราร่วมมือกันแล้วมิใช่หรือ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรให้ความจริงใจต่อกันอย่างเต็มที่ ข้ามีธุระต้องจัดการต่อ เจ้าจงจับตาดูโรงกลั่นสุราให้ดี จะให้มีสิ่งใดผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด จงใช้การดูแลควบคุมอย่างเคร่งครัด”
“ข้าเข้าใจแล้ว เพื่อสุราใหม่นี้ทั้งครอบครัวข้าทุ่มแรงทุ่มทรัพย์ไปมิใช่น้อย ต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น ล้มเหลวมิได้ ! ”
……
……
รวงข้าวสีทองปกคลุมไปทั่วทั้งผืนนา
ฟู่เสี่ยวกวนและหวางเฉียงอีกทั้งคนอื่นอีกสองสามคนกำลังเดินอยู่บนคูนาในยามอาทิตย์ตกดิน มีชาวนาจำนวนมากในทุ่งนา ใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้มอันเนื่องมาจากผลผลิตที่ได้รับ
ผืนนานี้ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านหวังเจียชุนเป็นผู้ทำการเพาะปลูก และบัดนี้พวกเขายังอาศัยอยู่ ณ เรือนซีซาน
คุณชายกล่าวว่าหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เขาจะสร้างบ้านเรือนใหม่ในหมู่บ้านหวังเจียชุน แน่นอนว่าคุณชายไม่เคยหลอกลวงผู้ใด เนื่องจากบริเวณซากเรือนหักพังนั้นมีอิฐและไม้จำนวนมากกองรออยู่แล้ว
บ้านเรือนที่กำลังจะสร้างใหม่ คุณชายเป็นผู้ออกแบบโครงสร้างด้วยตนเอง เป็นโครงสร้างบ้านซื่อเหอเยวี่ยน มีการจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตั้งอยู่ห่างจากภูเขาต้ายซาน อีกทั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำไป๋สุ่ย
คุณชายกล่าวว่าหากต่อไปเกิดภัยธรรมชาติขึ้น แม้ภูเขาต้ายซานจะเกิดอุทกภัยก็พัดมาไม่ถึงที่แห่งนี้ เมื่อยามว่างแล้วก็ให้เสริมมั่นคงแก่เขื่อนเสียหน่อย จะไม่เกิดปัญหาใด ๆ ตามมาอีก
ความสามารถของคุณชายนั้นแพร่กระจายไปทั่ว บัดนี้พวกเขารู้ว่าทรายข้น ๆ ที่คุณชายทำขึ้นมาที่ซีซานนั้นเรียกว่าปูนซีเมนต์ พวกเขามองดูสิ่งนั้นแต่ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เฟิ๋งซีกล่าวว่าสิ่งนี้น่าอัศจรรย์นัก ยามสร้างบ้านด้วยอิฐเรียบร้อยแล้วทาสิ่งนี้ทับลงไปอีกหนึ่งชั้นก็มั่นคงดุจหินผา !
พวกเขาส่งสายตามองมายังฟู่เสี่ยวกวนด้วยความตื่นเต้น คุณชายเช่นนี้จะหาที่ใดได้อีกบนโลก ?
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ที่คันนากับหวางเอ้อ
“หลังการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นลงก็คงไม่มีเรื่องใดแล้ว จงไปรวบรวมชาวบ้านและสร้างบ้านเรือนเสียใหม่เถิด เจ้าจงคาดการณ์ดูว่าจากคนที่รวบรวมได้สามารถสร้างบ้านกี่หลังในเวลาพร้อมกัน อีกหนึ่งอย่างหลังจากสร้างบ้านเรียบร้อยแล้วให้พวกเขาไปช่วยงานก่อสร้าง ณ เรือนซีซาน ข้ามีค่าตอบแทนให้ช่างใหญ่คนละ 50 อีแปะต่อวัน ลูกมือวันละ 20 อีแปะ ไม่มากไม่น้อยกว่านี้ โรงผสมปูนนั้นข้าเองก็เพิ่มค่าตอบแทนแล้วเช่นกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พวกเจ้าควรได้รับ”
ชาวนาชราผู้ซื่อสัตย์พยักหน้าเบา ๆ
“ผลผลิตที่ได้จากป้ายจึทั้งสิบต้นนั้นเจ้าจงแยกเก็บต่างหาก นำไปตากแห้งแล้วเก็บรักษาไว้ เทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ข้าเองมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไปหลินเจียง เมื่อข้ากลับมาจงนำมันมาให้ข้า”
“คุณชายวางใจเถิด ข้าน้อยรับรองว่าจะไม่ให้หล่นหายแม้แต่เมล็ดเดียว”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อหวังเอ้อว่า “นี่คือเมล็ดพันธุ์ใหม่ ในปีหน้าฤดูเพาะปลูกเจ้าจงจัดการแปลงเพาะแยกออกมาต่างหาก ปลูกเฉพาะเมล็ดพันธุ์นี้เท่านั้น เรื่องนี้ข้าขอมอบให้เจ้าสองคนพ่อลูกจัดการ”
หวางเฉียงเอ่ยถามด้วยประหลาดใจว่า “คุณชายขอรับ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ในปีหน้าจะให้ผลผลิตเป็นสองเท่าใช่หรือไม่?”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าคาดหวังมากเกินไปแล้ว ไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก ในปีหน้าพวกเรายังต้องค้นหาป้ายจึต่อไป เมล็ดพันธุ์ใหม่เหล่านี้จะผสมเกสรซึ่งกันและกัน เมื่อเก็บผลผลิตในปีหน้าอีกครั้งแล้วนำไปปลูกใหม่ อีกปีหนึ่งจึงจะเห็นผลว่าสำเร็จหรือไม่”
“อ้อ” หวางเฉียงนำมือตบลงที่หน้าอกตนเองเบาๆแล้วกล่าวว่า “ข้าจะเป็นผู้ปกป้องผืนนาแห่งนี้เอง ข้าจะปลูกบ้านบริเวณนี้”
“เสี่ยวเหมยของเจ้าคงจะเกลียดข้าไม่น้อย”
“นางมิใช่คนเช่นนั้น หากนางรู้ว่ามีเรื่องที่สามารถทำให้คุณชายได้นางจะดีใจมาก”
หวางเฉียงชะงักลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวเหมยกล่าวว่าที่พวกเราได้มีทุกวันนี้ ก็เพราะบุญคุณของคุณชาย หลังจากแต่งงานแล้วพวกข้าจะมีลูกเต็มบ้าน เมื่อพวกเขาเติบใหญ่ในภายภาคหน้าจะได้ช่วยดูแลผืนนาแก่ของคุณชายสืบต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะขึ้น “ต่อจากนี้ข้าจะสร้างสถานศึกษา ลูกหลานของพวกเจ้าจะต้องไปเรียนหนังสือ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืน เขามิได้ใส่ใจสองพ่อลูกที่ตะลึงอยู่ที่นั้น กลับกล่าวว่า “เมล็ดพันธุ์ใหม่เหล่านี้จะต้องมีชื่อเรียก”
คุณชายครุ่นคิดชั่วครู่ สมองของเขามักคิดการใด ๆ รวดเร็วนัก ทำให้สองพ่อลูกที่อยู่ในอาการมึนงงเมื่อครู่ตื่นขึ้นจากภวังค์
“เช่นนั้นตั้งชื่อเป็นนามของท่านเถิด”
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นจึงกล่าวว่า “จงตั้งชื่อว่า……ฟู่อีต้าย ! ”