ตอนที่ 55 ข้าดื่มจนเมามายท่ามกลางแสงจันทร์
ดวงจันทร์เต็มดวงลอยขึ้นสูงเหนือศีรษะ สว่างกระจ่างราวเงินยวง
ต่งชูหลานเงยหน้ามองดวงจันทร์ แสงจันทร์สาดรับใบหน้าที่ดูสวยหวานไม่มีที่ติ จนทำให้ใบหน้านั้นกระจ่างใสยิ่งกว่าดวงจันทร์
หลังจากครั้งที่แล้วที่ได้รับจดหมายจากฟู่เสี่ยวกวน ก็เป็นเวลา 20 วันแล้วที่เขามิได้ส่งจดหมายมาหาตนเองอีก
จดหมายฉบับสุดท้ายที่เขาส่งมานั้นกล่าวว่าช่วงนี้ยุ่งมาก เรื่องยุ่งของเขาสำเร็จถึงไหนแล้ว ?
ข้ามผ่านไปอีกวันก็จะเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ เขาต้องกลับมาที่หลินเจียงสิ เขาจะได้รับจดหมายก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์หรือไม่นะ ?
ในช่วงเวลาที่มองมิเห็นและมิรู้สึกตัว ต่งชูหลานเริ่มคิดถึงผู้ที่อยู่ห่างไกลผู้นั้น เฝ้ารอจดหมายจากเขา อยากจะเห็นตัวอักษรที่น่าเกลียดที่ใต้หล้ายากจะหาใครเขียนได้เยี่ยงนี้ ในตอนนี้นางก็รู้สึกว่าแม้แต่ตัวอักขระพวกนั้น ก็น่าสนใจเช่นเดียวกับฟู่เสี่ยวกวน!
นางเข้าใจแล้วว่าตนเองนั้นชอบฟู่เสี่ยวกวน ฉับพลันใบหน้าก็แดงระเรื่อ นี่นางคิดแบบนี้ได้อย่างไร ?
เรื่องที่พระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยและองค์หญิงเก้าไปหลินเจียง นางก็ได้รับรู้จากจดหมายฉบับสุดท้ายของฟู่เสี่ยวกวน นางมิได้รู้สึกอันใด กลับปลื้มปริ่มอย่างยิ่ง เพราะฟู่เสี่ยวกวนบอกกล่าวกับนางอย่างตรงไปตรงมา และนี่คือความเชื่อใจ
ถึงแม้เรื่องบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุจะเป็นเรื่องปกติของสมัยนี้ แต่จะมีสตรีที่ไหนกันที่จะยินยอมแบ่งปันสามีของตนเองให้กับสตรีอื่น
ใบหน้าของต่งชูหลานแดงก่ำ นางก้มหน้าหลบ กัดริมฝีปากเบา ๆ ยังมิทันได้เริ่มเลย นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่กัน ?
หลังจากนั้นนางก็นึกถึงรูปแบบชุดชั้นในที่ฟู่เสี่ยวกวนส่งมาให้กับนาง ในหัวของคนผู้นั้นมิรู้ว่ามันคือสิ่งใด เขารู้จักแม้แต่ของใช้สตรีด้วยซ้ำ แต่อย่างไร เสื้อตัวเล็กนี้ย่อมใส่สบายยามที่อยู่ข้างใน นางก้มหน้ามองหน้าอกทั้งสองลูก รู้สึกว่าเริ่มคับแน่น เหมือนว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงมีความสุขยิ่งขึ้น และยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
พรุ่งนี้คงต้องทำอีกสักสองสามชิ้น ให้ใหญ่กว่านี้เสียหน่อย เพราะตอนนี้รู้สึกอึดอัดเกินไป
ยอดสุราซีซานได้เข้าไปในวังหลวงแล้ว แม้แต่เซียงเฉวียนและเทียนฉุนเองก็จัดอยู่ในรายการจัดซื้อของวังหลวง ราคาของยอดสุราซีซานคือ 1 ตำลึงกับ 600 อีแปะ ราคาของเซียงเฉวียนและเทียนฉุนเป็นไปตามราคาท้องตลาด เป็นต่งชูหลานที่เข้าไปเจรจาด้วยตนเอง องค์หญิงใหญ่ถูกนางรบเร้าจนต้องตกลงในราคานี้อย่างหมดความอดทน
น่าเสียดายที่การผลิตของสุราทั้งสามนี้ต่ำอย่างมาก โดยเฉพาะยอดสุราซีซาน แต่ละเดือนสามารถส่งมอบให้วังหลวงได้แค่ไม่เกิน 20 ชั่งเพียงเท่านั้น
ต่อมาองค์หญิงใหญ่ก็เรียกนางเข้าเฝ้า หลังจากที่ได้ต่อว่านางไป ก็ตรัสขึ้นมาว่ายอดสุราซีซานมิเพียงพอ เพราะฝ่าบาทชื่นชอบดื่มสุรา หลังจากที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้ดื่มยอดสุราซีซานที่ฝ่าบาทประทานให้ ต่างก็โวยวายอยากได้สุรานี้ ฝ่าบาทก็ทรงประทานให้ เมื่อสุราถูกจ่ายเป็นรางวัลไป ฝ่าบาทก็มิมีเหลือให้ดื่มแล้ว ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงมีพระประสงค์ให้เพิ่มจำนวนของยอดสุราซีซานเป็นอย่างน้อย 100 ชั่งต่อเดือน
ฟู่เสี่ยวกวนตอบกลับมาว่าในปัจจุบันนี้ยังคงทำไม่ได้ ทำได้เพียงเพิ่มการผลิตไปอย่างช้า ๆ น่าจะคลี่คลายได้ในปีหน้า นั่นทำให้องค์หญิงใหญ่เดือดดาลยิ่ง แต่ก็ไร้หนทาง ถึงได้รู้สึกขึ้นมาว่าสุราราคา 1 ตำลึง 600 อีแปะนี้ มิได้หาได้ง่ายเลย
ความฝันในหอแดงในวันนี้มีถึง 45 ตอน ราคาในภายหลังนางได้ปรับเปลี่ยนยอมรับความคิดเห็นของฟู่เสี่ยวกวน เพราะแม้แต่บุตรีของตระกูลขุนนางใหญ่ก็ยังต้องมาหานาง
แพงเกินไปแล้วจริง ๆ ดูเหมือนว่าแม้จะใช้สินสมรสแล้วก็ยังมิได้อ่านจนจบ !
บัณฑิตที่มากด้วยจินตนาการเหล่านั้นต่างก็โล่งอกไปด้วยเช่นกัน พวกเขาเองก็ชอบอ่าน ยามที่ออกไปพูดคุยดื่มชาดื่มสุราหากพูดคุยเรื่องความฝันในหอแดงไม่ได้ ก็จะถูกผู้อื่นดูถูกเอาได้
ปัจจุบันบัญชีของต่งชูหลานมีทั้งหมดสามหมื่นแปดพันกว่าตำลึง นั่นทำให้นางที่ว่างงานยิ่งมีความสุข
เงินเหล่านี้ต้องใช้ออกไป นางได้เล็งจวนที่อยู่ด้านข้างกับทะเลสาบซวนอู่เอาไว้ หรูหราโอ่อ่า ศาลาริมน้ำ ไหนจะลานหน้าบ้านและเรือนหลังอีกสิบ ยังไม่รวมสวนดอกไม้ที่มีอยู่หลายแห่ง
นี่คือจวนชินอ๋องของราชวงศ์ก่อน เมื่อเทียบกับจวนเสนาบดีแล้วใหญ่กว่าเป็นสิบเท่า เจ้าของคนสุดท้ายเมื่อสามปีก่อนคือราชครูไท่เหอ หยูไท่เหอก่ออาชญากรรมมา 6 ปีจึงถูกเนรเทศออกไปหลายพันลี้ เรือนนี้จึงได้ร้างมานานเกือบสามปีแล้ว
เมื่อวานหลังจากที่เข้าไปรบเร้าองค์หญิงใหญ่ในวังอยู่เนิ่นนาน องค์หญิงใหญ่จึงได้ยินยอมรายงานไปทางวังหลวง ดูสิว่าจะขายให้นางในราคา 30,000 ตำลึงได้หรือไม่
“นี่มัน…สินสมรสหรือ ?”
“ใช่ที่ไหนกัน ซื้อให้ผู้อื่น”
“ฟู่เสี่ยวกวนรึ ?”
“อื้อ ! ”
องค์หญิงใหญ่ลูบมือของต่งชูหลานเบา ๆ “ข้าได้ยินมาว่าฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้นมาจากตระกูลพ่อค้า… บิดามารดาของเจ้ามิยินยอมเป็นแน่”
“นี่คือเรื่องของหม่อมฉัน หากพวกท่านเห็นด้วยย่อมดีที่สุด แต่หากมิเห็นด้วย…” ต่งชูหลานในเวลานั้นหนักแน่นอย่างไร้ที่เปรียบ
“หากมิเห็นด้วยแล้วเจ้าคิดจะทำการใด ?”
“หม่อมฉันจักหนีตามเพคะ !”
องค์หญิงใหญ่เชิดใบหน้านุ่มของต่งชูหลานขึ้นเล็กน้อย “เด็กสาวตัวน้อย แต่ใจกลับไม่เล็กเสียเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่ามารดาของฟู่เสี่ยวกวนคือผู้ใด”
ต่งชูหลานมิรู้อย่างแท้จริง นางเงยหน้าสบตาองค์หญิงใหญ่อย่างงุนงง
“สวี่หยุนชิง บุตรีของสวี่เช่ากวง บัณฑิตฮ่านหลินและอดีตหัวหน้ากั๋วจื่อเจี้ยน”
“เป็นนางอย่างนั้นรึ ! ” ปากเล็กของต่งชูหลานอ้ากว้าง รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
ในตอนนั้นจวนสวี่พยายามปิดเรื่องนี้อย่างแทบเป็นแทบตาย แต่ใต้หล้านี้หามีกำแพงที่ลมผ่านไม่ได้ เรื่องที่สวี่หยุนชิงและฟู่ต้ากวนหนีตามกัน ถึงแม้จะมิได้แพร่ไปในจินหลิง แต่คนเบื้องบนมากมายในจินหลิงก็ค่อย ๆ รับรู้ เพียงแค่มันคือเรื่องภายในครอบครัวของจวนสวี่ และเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของจวนสวี่ จึงมิมีผู้ใดนำไปพูดต่อ
ต่งชูหลานทราบ เพราะบิดาเคยเอ่ยถึง กล่าวว่าหยุนชิงในตอนนั้นยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบมิได้ มีชายหนุ่มมากมายในจินหลิงมาติดพัน แต่แล้วก็เลือกที่จะสมรสกับฟู่ต้ากวนเศรษฐีที่ดินของเมืองหลินเจียงผู้นั้น เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้ !
ด้วยเหตุนั้นมารดาจึงค่อนข้างหึงหวง จึงได้กล่าวขึ้นมาหนึ่งประโยค ท่านยังมิยอมแพ้รึ ?
บิดาเพียงหัวเราะ ข้าเพียงชื่นชมในความกล้าของนาง น่าเสียดายที่จากไปอย่างรวดเร็ว คาดว่าน่าจะเป็นโรคหัวใจและโรคซึมเศร้า
“สวี่หยุนชิงและฟู่ต้ากวนหนีตามกัน เกือบจะทำให้สวี่เช่ากวงเดือดดาลจนกระอักเลือดตาย สวี่เช่ากวง ปัญญาชนหัวคร่ำครึ เมื่อเกิดเรื่องน่าอายเยี่ยงนี้ในตระกูล เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตา นั่นทำให้เสียใจอยู่เนิ่นนาน กล่าวกันว่าสวี่หยุนชิงได้กลับไปที่จินหลิงก่อนจะสิ้นใจ แต่กลับมิมีผู้ใดเปิดประตูต้อนรับนาง จนนางเสียชีวิตไปก็ยังมิได้รับการให้อภัย และขอมิยอมรับบุตรีผู้นี้ไปตลอดกาล”
องค์หญิงใหญ่ลูบมือของต่งชูหลานอีกครา “ดังนั้นเรื่องหนีตามกันดูแล้วค่อนข้างอาจหาญ แล้วเรื่องราวที่ตามมาเล่า เจ้าจะมิคิดถึงบิดามารดาที่เลี้ยงดูเจ้ามาเลยรึ? บิดามารดาจะมิเป็นห่วงเจ้าเยี่ยงนั้นรึ ? ชูหลานเอ๋ย หากมีวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ เจ้าจงเข้ามาในวังหลวง ข้า…จะรับผิดชอบเจ้าเอง”
ต่งชูหลานดื่มสุราใต้แสงจันทร์ ความรู้สึกตอนนี้ของนางค่อนข้างโศกเศร้า
นางไม่กล้าคิดมากกับเรื่องนี้นัก คิดมากไปก็เจ็บปวด
แต่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อยู่ดี ในวันนี้มารดาเองก็กำลังนั่งอ่านหนังสือของฟู่เสี่ยวกวนและชื่นชอบอย่างยิ่ง จนถึงขั้นกล่าวว่าฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้นมิได้ด้อยเลย ประพันธ์หนังสือที่ดีออกมาได้ด้วยระดับซิ่วไฉ นี่คือคนที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
แม้แต่มารดาก็รู้ถึงสถานะตัวตนของฟู่เสี่ยวกวน แต่เรื่องนี้อย่างไรก็มิได้อยู่ในหัวของบุตรีอย่างตน สิ่งที่นางมองทั้งหมดคือฟู่เสี่ยวกวนในด้านผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม และมิมีทางใส่ใจกับตัวตนของฟู่เสี่ยวกวน
เสี่ยวฉีมองคุณหนูของตนที่ดื่มเหล้าใต้แสงจันทร์ด้วยตัวคนเดียวก็ค่อนข้างจะเป็นกังวล
นางทราบคนที่อยู่ในใจของคุณหนู แต่จนถึงวันนี้นางก็ยังคงคิดว่าเยี่ยนซีเหวินต่างหากที่เป็นผู้ที่เหมาะสมกับคุณหนู
แต่นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณหนู ตนเองก็ทำได้เพียงเลียบ ๆ เคียง ๆ อยู่ข้าง ๆ คุณหนูได้ปักใจกับฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้นแล้ว
งานกวีหลานถิงในเทศกาลไหว้พระจันทร์ หวังว่าเยี่ยนซีเหวินจะแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยม และกุมหัวใจของคุณหนูเอาไว้ได้ เยี่ยงนั้น คุณหนูคงจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น