“ฝีมือการปักของข้าถือว่าทั่วไป หากให้คนมีฝีมือดีปัก จะสมจริงยิ่งกว่านี้! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตามจริง ครั้งก่อนนางเคยเห็นผ้าเช็ดหน้าที่เซียวหมิงจูปัก นั่นถึงจะเรียกว่าฝีมือดีอย่างแท้จริง
ฮวาเหนียงชอบถึงเพียงนี้ เพราะเห็นว่าลวดลายบนผ้าเช็ดหน้าแปลกใหม่เท่านั้น
ฮวาเหนียงพยักหน้า ลูบแมวการ์ตูนบนผ้าเช็ดหน้า “ขอบอกแม่นางตามตรง แมวเช่นนี้ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ช่างน่าตื่นตายิ่งนัก! แม่นาง ข้าอยากซื้อเจ้าสิ่งนี้ ท่านจะสามารถขายลวดลายนี้ให้ข้าได้หรือไม่? ”
ถึงเวลาค่อยหาคนปักมาปักให้ดูดียิ่งขึ้น ต้องขายดีจนขาดตลาดแน่นอน
เซี่ยยวี่หลัวย่อมมีความคิดเช่นนี้ “ข้ามาเพื่อสิ่งนั้น ย่อมคิดจะขายให้ฮวาเหนียง! ”
ฮวาเหนียงรู้สึกยินดียิ่ง “แม่นางคิดจะขายเท่าไร? ”
เซี่ยยวี่หลัวย้อนถาม “ฮวาเหนียงคิดจะซื้อเท่าไร? ”
ฮวาเหนียงถูกถามเช่นนั้นก็กล่าวอะไรไม่ออก “เรื่องนี้…”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางชูนิ้วมือขึ้นหนึ่งนิ้ว
“หนึ่งตำลึง? เรื่องนี้… แม่นาง ท่านน่าจะไม่รู้การค้าด้านนี้ ปักผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืน เนื้อผ้าธรรมดาพวกเราขายห้าอิแปะ ต่อให้เป็นเนื้อผ้าไหมหม่อนอย่างดี ก็ขายแค่ยี่สิบอิแปะ ขายเพียงลวดลายอย่างเดียวจะเรียกหนึ่งตำลึง แพงเกินไปแล้ว! ”
ฮวาเหนียงมองดูผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนวางลงบนโต๊ะ พร้อมผลักกลับไป ดูแล้วเหมือนไม่คิดจะซื้อ ทว่าความจริงนางกำลังข่มเซี่ยยวี่หลัว คิดอยากให้เซี่ยยวี่หลัวลดราคา
“ร้านอื่นๆ ถ้าจะซื้อของชิ้นนี้ของเจ้าด้วยราคาหนึ่งตำลึง ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้” ฮวาเหนียงกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
สีหน้าเซี่ยยวี่หลัวยังคงนิ่งสงบดุจสายน้ำ ไม่มีความวิตกเพราะโดนปฏิเสธแม้แต่น้อย นางมองผ้าเช็ดหน้า ยิ้มพร้อมกล่าว “ฮวาเหนียงเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าต้องการไม่ใช่หนึ่งตำลึง! ”
ฮวาเหนียงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ไม่ใช่ก็ดี นางกล่าว “ลวดลายนี้ขายหนึ่งร้อยอิแปะ ย่อมได้เช่นกัน! ”
หนึ่งร้อยอิแปะ กับหนึ่งตำลึง ราคาต่างกันถึงสิบเท่า
ฮวาเหนียงให้ได้!
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมส่ายหน้า “ที่ข้าต้องการไม่ใช่หนึ่งร้อยอิแปะ และไม่ใช่หนึ่งตำลึง ข้าต้องการผลกำไรหนึ่งส่วนจากกำไรทั้งปีของฮวาหม่านยี! ”
ฮวาเหนียงตกใจจนแทบจะตกจากเก้าอี้ “ว่าอย่างไรนะ? ”
นี่มันน่าตกตะลึงยิ่งกว่าหนึ่งตำลึงเสียอีก
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าบอกว่า ข้าต้องการผลกำไรหนึ่งส่วนจากกำไรทั้งปีของฮวาหม่านยี”
รอยยิ้มบนใบหน้าฮวาเหนียงแข็งทื่อ สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง นางส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง ลุกขึ้นยืนดังตึ้ง สะบัดมือชี้ไปข้างนอกพร้อมกล่าว “แม่นางช่างกล้าเรียกราคาสูง ลวดลายเช่นนี้หนึ่งลายก็ต้องการผลกำไรหนึ่งส่วนจากฮวาหม่านยีของข้าเสียแล้ว หากแม่นางคิดว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ก็เชิญนำผ้าเช็ดหน้ากลับไปได้ ในเมืองโยวหลันยังมีร้านขายผ้าอีกจำนวนไม่น้อย แม่นางอยากไปที่ใดก็ได้ ฮวาหม่านยีของข้าต้อนรับไม่ไหว”
ฮวาเหนียงโมโหมากจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม เดิมทีรูปโฉมของนางก็งดงามมากอยู่แล้ว เมื่อแย้มรอยยิ้ม ก็งดงามอย่างไม่อาจหาใดเทียม ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ฮวาเหนียงก็นึกถึงผ้าที่นางแนะนำให้กู้ซินเยว่และวาจาที่กล่าวกับกู้ซินเยว่เมื่อครู่นี้
สตรีตรงหน้า แม้จะสวมใส่เพียงเสื้อผ้าฝ้าย และไม่ได้แต่งหน้า ก็ยังงดงามกว่ากู้ซินเยว่ร้อยเท่าพันเท่า หากกล่าวว่ากู้ซินเยว่เป็นองค์หญิงในโลกมนุษย์ เช่นนั้นสตรีตรงหน้า ก็เสมือนเทพธิดาหลิงโปบนสวรรค์ชั้นฟ้า
งดงามจนทำให้หัวใจสั่นไหว
ฮวาเหนียงต้องยอมรับว่า สตรีตรงหน้าเหมือนแจกันดอกไม้จริงๆ มีดีเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ในสมองกลับมีแต่ปุยฝ้าย
ลวดลายเช่นนี้เพียงแค่หนึ่งรูป คิดจะเอาผลกำไรหนึ่งส่วนจากกำไรทั้งปีของฮวาหม่านยี
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่านางตีค่าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นของนางสูงเกินไป หรือประเมินผลกำไรหนึ่งปีของฮวาหม่านยีต่ำเกินไป
ฮวาหม่านยีอยู่ในเมืองโยวหลานมานานสิบกว่าปีแล้ว แม้ไม่อาจเรียกว่าเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ถือว่าอยู่ในสามอันดับแรก จำนวนลูกค้าและบัญชีรายรับในแต่ละวัน คนปกติใครจะคาดเดาได้บ้าง
กำไรหนึ่งส่วนจากผลกำไรทั้งปี ก็มีมากกว่าร้อยตำลึงแล้ว สำหรับคนทั่วไป หนึ่งปีมีรายได้สักยี่สิบถึงสามสิบตำลึงก็นับว่าสูงเสียดฟ้าแล้ว แม่นางผู้นี้กลับเรียกราคาสูงถึงเพียงนี้ ต้องการกำไรหนึ่งส่วนจากผลกำไรทั้งปี ช่างไม่รู้จักประมาณตน
ฮวาเหนียงแสดงสีหน้าเย็นชาและโมโห กำลังจะขับไล่นางออกไป
เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดโมโห “ฮวาเหนียงอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจะเอากำไรหนึ่งส่วนจากฮวาหม่านยี ย่อมไม่คิดจะอาศัยลวดลายนี้เพียงลายเดียว! “
ฮวาเหนียงตกใจ “หมายความว่าอย่างไร? ท่านยังมีลวดลายเช่นนี้อีกงั้นหรือ? “
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ย่อมต้องมี ท่านต้องการกี่ภาพ ข้าล้วนสามารถวาดให้ท่านได้”
ไม่ว่าจะเป็นแมวการ์ตูน สุนัขการ์ตูน หรือสิบสองนักษัตร ล้วนสามารถวาดให้ครบ ทั้งยังมีหญิงงาม องค์หญิง หลากหลายรูปแบบ รวมถึงดอกไม้ใบหญ้าที่ในยุคสมัยนี้ยังไม่มีผู้ใดเคยพบเห็น ทว่าเซี่ยยวี่หลัวเคยเห็นมาแล้ว มีลายใดบ้างที่ไม่เหนือกว่าลวดลายเดิมของที่นี่
ฮวาเหนียงไม่กล้าเชื่อ “พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน”
เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปที่โต๊ะหนังสือ “ยืมใช้พู่กันและหมึกได้หรือไม่? ”
ฮวาเหนียงย่อมต้องยินยอม
เซี่ยยวี่หลัวหยิบพู่กันขึ้นหนึ่งด้าม หลังจากแต้มน้ำหมึก ก็ลงมือวาดลวดลายออกมาสองลายโดยไม่คิดด้วยซ้ำ ภาพหนึ่งเป็นสุนัขการ์ตูน อีกภาพเป็นหนูการ์ตูน นางวางพู่กันลงบนแท่นวาง ก่อนกล่าวอย่างเรียบสงบ “หากท่านอยากได้ ข้าสามารถวาดสิบสองนักษัตรให้ท่านจนครบ ทั้งยังมีดอกไม้ใบหญ้า นกปลานานาชนิด ท่านอยากได้รูปแบบใด ข้าล้วนสามารถวาดให้ท่านได้! ”
ขอบคุณสวรรค์ที่ภพก่อนนางเคยเรียนวาดภาพกับท่านปู่ ทำให้มีพื้นฐานการวาดภาพพู่กันที่มั่นคง ภาพที่วาดออกมาดูราวกับมีชีวิตจริง
หนูและสุนัขเหมือนมีชีวิตจริงอย่างไรอย่างนั้น
ฮวาเหนียงเห็นแล้วถึงกับผงะไป
วาจาที่คิดจะเอ่ยเพื่อขับไล่เซี่ยยวี่หลัวติดอยู่ที่คอ
หากนำลวดลายทั้งหมดที่นางคิดได้ออกมา แล้วเปิดร้านเป็นของตัวเอง จ้างคนปักผ้ามาสักสองคน ตั้งแผงค้าขาย ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน ถึงเวลาหากกลายเป็นคู่แข่งของฮวาหม่านยี เกรงว่าคงดึงลูกค้าของฮวาหม่านยีไปกว่าครึ่ง เวลานี้นางต้องการผลกำไรของฮวาหม่านยีเพียงหนึ่งส่วน ไม่มาก ไม่มากเลย!
ฮวาเหนียงตื่นเต้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่าน… ท่านมีลายภาพมากขนาดนั้นจริงหรือ? ” นางอยู่ในแวดวงนี้มากว่าครึ่งชีวิต ย่อมรู้ว่าหากนำลวดลายเช่นนี้ออกขาย ต้องเป็นที่นิยมแน่นอน
“มีทั้งสิ่งที่ท่านคาดไม่ถึง ไม่มีสิ่งใดที่ข้าวาดไม่ได้” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวโดยไม่ถ่อมตนแม้แต่น้อย
ฮวาเหนียงไม่ได้คิดด้วยซ้ำ แววตาลุกวาวพร้อมกล่าวทันที “ตกลง! ”
ขณะที่ออกมา เซี่ยยวี่หลัวก็ถือใบสัญญาไว้หนึ่งใบ
ครั้งนี้เซี่ยยวี่หลัวมอบลวดลายให้ฮวาหม่านยีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ปีหนึ่งจะวาดลายให้หลายสิบภาพ จะปักบนผ้าเช็ดหน้าหรือบนเสื้อผ้าก็ได้ เซี่ยยวี่หลัวจะไม่ยุ่งเกี่ยว
กำไรหนึ่งส่วนจากผลกำไรหนึ่งปีของฮวาหม่านยี ภายในครึ่งปี ต้องจ่ายเดือนละหนึ่งครั้ง หลังจากครึ่งปี ค่อยจ่ายไตรมาสละหนึ่งครั้ง
เซี่ยยวี่หลัวยากจนนัก ต้องการใช้เงิน นางไม่อาจรอให้ครบหนึ่งไตรมาส ซึ่งนานเกินไป