เล่มที่ 3 บทที่ 84 ลงนามในสัญญา มีเงินแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ฮวาเหนียงทำสัญญา โดยมีคนละหนึ่งฉบับ ลงนามในสัญญาทันที จากนั้นเซี่ยยวี่หลัวจึงวาดลายให้นางอีกสามภาพ

ฮวาเหนียงถือแบบลวดลายเหล่านั้นไว้ เดินส่งเซี่ยยวี่หลัวออกไปด้วยท่าทางยินดีเสียยิ่งกว่ากระไร

เมื่อถึงห้องรับแขกด้านนอก เด็กสองคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างสงบและว่าง่าย เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวออกมา ทั้งสองคนรีบลุกขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่! ”

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัวและฮวาเหนียงด้วยสีหน้าตึงเครียด ทว่า เมื่อเห็นพวกนางสองคนต่างแย้มรอยยิ้มบนใบหน้า เซียวจื่อเซวียนก็ผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก

ผ้าเช็ดหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่ น่าจะขายได้แล้ว

ลายที่ปักบนผ้าเช็ดหน้าน่ารักถึงเพียงนั้น แต่เพราะฝีมือการปักยังด้อยไปบ้าง คิดจะขายให้ได้ก็ยากลำบากอย่างแท้จริง!

เซียยวี่หลัวไม่รู้ว่าภายในใจเซียวจื่อเซวียนกำลังคิดอะไรอยู่ นางมองดูของบนโต๊ะ เทียบกับช่วงที่นางเข้าไป ของบนโต๊ะไม่ถูกแตะต้องแม้แต่น้อย เด็กทั้งสองคนจดจำคำสอนของนางได้อย่างขึ้นใจ

ของของคนอื่น อย่าได้แตะต้องส่งเดช และอย่ากินส่งเดช

ผลไม้และขนมทานเล่นบนโต๊ะ พวกเขาไม่ได้แตะต้องเลย

เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเด็กทั้งสองคน หลังจากกล่าวอำลาฮวาเหนียง จึงจากไป

ฮวาเหนียงออกมาส่งถึงหน้าประตูด้วยตัวเองแล้วจึงกลับเข้าร้าน

ฮูหยินเฒ่ากู้ยังอยู่ กู้ซินเยว่กำลังวัดขนาดตัวอยู่ด้านในเพื่อตัดเสื้อ ส่วนนางนั่งดื่มชาอยู่ตรงเก้าอี้ด้านนอก หลังจากฮวาเหนียงส่งเซี่ยยวี่หลัวเสร็จ ย่อมต้องมารับรองฮูหยินเฒ่ากู้ต่อ

ฮูหยินเฒ่ากู้วางถ้วยชาลง เอ่ยถามด้วยท่าทางประหลาดใจ “ลูกค้าคนเมื่อครู่ เป็นคุณหนูจากบ้านใดงั้นหรือ? ”

มิเช่นนั้น เหตุใดฮวาเหนียงจึงให้ความสำคัญถึงเพียงนั้น ถึงกับออกไปส่งถึงประตูด้วยตัวเอง!

ฮวาเหนียงแย้มรอยยิ้ม ใช่ลูกค้าที่ใดกัน นั่นเป็นดาวนำโชคต่างหาก

นางไม่ได้กล่าวอะไร เพียงรับรองฮูหยินเฒ่ากู้อย่างเป็นกันเอง ฮูหยินเฒ่ากู้ก็ไม่ได้ถามต่อ เพียงยิ้มและบอกฮวาเหนียงให้หาช่างปักที่ดีที่สุดแก่ซินเยว่

ภายในใจฮวาเหนียงรู้สึกยินดียิ่ง วันนี้ช่างค้าขายดีเสียจริง

“ฮูหยินเฒ่ากู้โปรดวางใจ ของที่คุณหนูเยว่ต้องการ ฮวาเหนียงจะดูแลด้วยตัวเอง เสื้อของนางต้องเป็นตัวที่ดีที่สุดในเมืองโยวหลันแน่นอนเจ้าค่ะ! ”

ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกพึงพอใจมาก เลือกผ้าสีครามในร้านอีกผืนหนึ่ง “ท่านตัดชุดยาวตามขนาดร่างกายบุตรชายข้าให้ตัวหนึ่งด้วย เขาทำการค้ายุ่งมาก แต่ละวันแทบไม่ได้หยุดพัก หากท่านทำเสร็จแล้ว เมื่อถึงเวลาข้าจะมารับด้วยตัวเอง”

ฮวาเหนียงรีบขานตอบ

ร้านของนางเป็นร้านใหญ่ มีลูกค้าประจำอยู่ไม่น้อย ที่ร้านมีข้อมูลขนาดร่างกายล่าสุดของลูกค้าบางคน เพียงตัดเสื้อตามขนาดที่มีอยู่ก็พอแล้ว

ฮวาเหนียงสีหน้าเบิกบาน ภายในใจรู้สึกดีใจยิ่งนัก สุดท้ายเมื่อคิดเงินยังลดราคาให้ฮูหยินเฒ่ากู้อีกสองส่วน อีกทั้งขณะส่งพวกนางออกไป นางยังบอกกับฮูหยินเฒ่ากู้และกู้ซินเยว่ด้วยว่า อีกไม่กี่วันฮวาหม่านยีจะมีผ้าเช็ดหน้าใหม่จำนวนหนึ่ง ให้พวกนางมาซื้อด้วย

บ้านสกุลซ่งมีฐานะ มีของดีย่อมต้องลองมาดู จึงตอบตกลงทันที

ส่งฮูหยินเฒ่ากู้เสร็จ ฮวาเหนียงก็ไปหาช่างปักทันที

ถึงแม้ฮวาหม่านยีจะเป็นร้านขายผ้า แต่ก็ตัดเย็บเป็นเสื้อด้วย จึงมีช่างปักหลายคนที่ฮวาหม่านยีจ้างไว้ในระยะยาว นางหาช่างปักที่ขณะนี้ไม่มีงานอื่นให้ปัก หรือช่างที่มีงานแต่ไม่ต้องรีบส่งสินค้า ให้พวกนางปักผ้าเช็ดหน้าทั้งหมด

ช่างปักเหล่านั้นเห็นลวดลายแล้วต่างก็ผงะไป ไม่นานก็เร่งปักต่อเนื่องชนิดทำงานล่วงเวลา ใช้เวลานานหลายวัน จึงปักผ้าเช็ดหน้าชุดแรกเสร็จ

ส่วนเซี่ยยวี่หลัวก็พกเงินห้าตำลึงที่เบิกล่วงหน้ามาจากฮวาเหนียง พาเด็กสองคนไปตลาด

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งไม่เห็นตอนเซี่ยยวี่หลัวเจรจาทำการค้า พวกเขาไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเขามีความสามารถมากถึงเพียงนี้ เจรจาทำการค้าที่ใหญ่ขนาดนี้สำเร็จ

เพียงคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่ขายผ้าเช็ดหน้าสองผืนที่นางปักได้แล้ว อย่างมากก็ขายได้เงินสิบกว่าอิแปะ

ทว่า เป็นเรื่องดีที่ในบ้านมีเงินแล้ว

“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราจะไปซื้ออะไรงั้นหรือขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเห็นเซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ จึงเอ่ยถาม

เซี่ยยวี่หลัวย่อมต้องตื่นเต้นดีใจ เพราะมีเงินแล้ว

“ซื้อเนื้อหมู เราไม่ได้กินเนื้อหมูมานานแล้ว” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางยินดี

เซียวจื่อเมิ่งเงยหน้ามองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางตื่นเต้น จากนั้นจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงกล่าวเสียงใสกับเซี่ยยวี่หลัว “แต่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราไม่มีเงินนี่เจ้าคะ! ”

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เมื่อครู่พี่สะใภ้ใหญ่ขายผ้าเช็ดหน้าได้เงินมา”

สองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งขานตอบ ดูเหมือนผ้าเช็ดหน้าจะขายออกไปแล้ว แต่พวกเขาคิดว่าผ้าเช็ดหน้านั่นคงขายได้ไม่กี่อิแปะ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น

ทั้งสามคนไปยังตลาด เห็นว่ามีแผงขายเนื้อ ท่านลุงตัวอ้วนที่หน้าตาดูเป็นมิตรกำลังโกนหนังหมู เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวเดินมา ก็ตกตะลึงในความงาม ก่อนจะกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง “แม่นางจะซื้ออะไรงั้นหรือ? พวกนี้ล้วนเป็นเนื้อหมูที่เพิ่งฆ่าเมื่อเช้านี้ ยังสดใหม่อยู่! ”

เซี่ยยวี่หลัวมองดูเนื้อหมู ตัวเนื้อเป็นสีแดงสด เนื้อหนาสม่ำเสมอ ได้กลิ่นหอมของมันหมูจากเนื้อหมูมาแต่ไกล ยังสดใหม่จริง

นางชี้ไปที่เนื้อหมูสามชั้น กล่าวเหมือนผู้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย “ท่านลุง เอาสองจิน”

เถ้าแก่ยิ้มจนตาแทบปิด “ได้เลย แม่นางรอก่อน ข้าจะหั่นชิ้นที่ดีที่สุดให้”

ง้างมีดขึ้นสับลงไป เพียงครู่เดียวก็หั่นเนื้อออกมา ลองชั่งดู หนักสองจินหนึ่งเหลี่ยง*พอดี

(*เหลี่ยง เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของจีน 1 เหลี่ยง = 37 กรัมโดยประมาณ)

ท่านลุงขายเนื้อหมูใจกว้างมาก “สองจินหนึ่งเหลี่ยง แม่นาง คิดให้เจ้าสองจิน เนื้อหนึ่งจินเป็นเงินสิบสองอิแปะ สองจินเป็นเงินยี่สิบสี่อิแปะ”

เซี่ยยวี่หลัวมองดูกระดูกหมูจำนวนไม่น้อยที่ถูกเลาะจนสะอาดอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านลุง กระดูกหมูเหล่านี้ขายให้ข้าถูกๆ ด้วยสิ! ”

“ได้! ” ท่านลุงไม่กล่าวอะไรมาก ห่อกระดูกท่อนใหญ่ทั้งหมดและมันหมูอีกก้อนหนึ่งให้ “ทั้งหมดนี้คิดให้เจ้าหกอิแปะ รวมกับเนื้อหมู ทั้งหมดสามสิบอิแปะ! ”

เซียวจื่อเซวียนรู้สึกตกใจตั้งแต่ครั้งที่พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าจะซื้อเนื้อหมูสองจิน ขณะนี้ได้ยินว่าทั้งหมดสามสิบอิแปะ ก็ตกใจจนแทบกระโดดขึ้น

เขารีบดึงเซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเรามีเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกันขอรับ ซื้อนิดเดียวก็พอ อย่าซื้อมากเกินไปเลย”

เซียวจื่อเซวียนรู้ พี่สะใภ้ใหญ่เห็นว่าพวกเขาไม่ได้กินเนื้อหมูมานานแล้ว จึงอยากซื้อเนื้อหมูให้พวกเขากิน!

แต่พวกเขาจะเอาเงินมาจากไหน ต่อให้เป็นเงินที่ขายผ้าเช็ดหน้าได้ ให้เต็มที่อย่างมากก็ได้เพียงสิบอิแปะ

ได้ยินว่าผ้าเช็ดหน้าที่พี่หมิงจูปักขายได้ผืนละสามอิแปะ ถ้าผืนที่ปักได้ดี จะขายได้ห้าอิแปะ ต่อให้ผ้าเช็ดหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่ดูดีแค่ไหน ให้ราคาสูงสุดก็ได้แค่ห้าอิแปะ ผ้าเช็ดหน้าสองผืนเป็นสิบอิแปะ ซื้อเนื้อหมูสามชั้นได้ไม่ถึงหนึ่งจินด้วยซ้ำ จะซื้อสองจินได้อย่างไร!

นอกจากนั้น ยังซื้อกระดูกจำนวนมากขนาดนี้อีก พวกเขาจะเอาเงินสามสิบอิแปะมาจากไหน