เมื่อท่านลุงขายเนื้อหมูได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่มีเงิน ยังคงยิ้มพร้อมกล่าว “แม่นาง ไม่เป็นอะไร อยากซื้อเท่าไรข้าก็จะหั่นให้เท่านั้น ไม่เป็นอะไร! “
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านลุง ห่อให้ข้าทั้งหมด ใส่ไว้ในตะกร้าสะพายหลังของข้า”
กล่าวจบ นางนับเงินจากอกเสื้อสามสิบอิแปะ ยื่นส่งให้ท่านลุงขายเนื้อ
ไม่ขาดแม้แต่อิแปะเดียว
ท่านลุงขายเนื้อใส่เข้าไปในตะกร้าสะพายหลังของนางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เซียวจื่อเซวียนมองด้วยอาการอ้าปากตาค้าง
พี่สะใภ้ใหญ่เอาเงินมาจากไหน?
ผ้าเช็ดหน้าสองผืน นางขายได้สามสิบอิแปะ?
หรือว่า จะมากกว่าสามสิบอิแปะ?
ไม่เช่นนั้น พี่สะใภ้ใหญ่จะใช้จ่ายมือเติบ ใช้เงินจนหมดในคราเดียวได้อย่างไร
เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความตกตะลึง อยากถามแต่ก็ไม่กล้าถาม
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงจูงมือเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นจึงก้มตัวขยับไปกระซิบข้างหูเซียวจื่อเซวียนอย่างสนิทสนม “กลับไปแล้วพี่สะใภ้ใหญ่จะบอกเจ้า”
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้ามองพี่สะใภ้ใหญ่ แม้ว่าภายในใจจะมีคำถามมากมาย แต่ขณะนี้อยู่ข้างนอก เรื่องบางอย่างไม่สะดวกคุยกัน ได้แต่ทนไว้ เงยหน้ามองเป็นครั้งคราวก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่แสดงสีหน้าเบิกบาน แย้มรอยยิ้มอย่างออกนอกหน้า
เรื่องอะไรทำให้รู้สึกดีใจถึงเพียงนี้?
ส่วนเซียวจื่อเมิ่งรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร!
นางไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเงินทอง รู้เพียงแค่ซื้อเนื้อหมูแล้ว กลับไปจะได้กินเนื้อหมู นางรู้สึกดีใจมาก จับมือเซี่ยยวี่หลัว กระโดดโลดเต้นไปตลอดทาง
เซี่ยยวี่หลัวซื้อแป้งอีกหลายจินและขนมอีกสองกล่อง
เด็กสองคนไม่ได้กินขนมที่ฮวาหม่านยีแม้แต่คำเดียว เซี่ยยวี่หลัวต้องการให้รางวัลพวกเขา จึงไปซื้อขนมมาสองรส ตบรางวัลให้เด็กๆ
เซียวจื่อเซวียนเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ซื้อของหลายอย่าง ล้วนแต่เป็นของราคาแพง ภายในใจรู้สึกตกตะลึงจนแทบทนไม่ได้
ผ้าเช็ดหน้าสองผืนของพี่สะใภ้ใหญ่ หรือว่าจะขายได้ราคาสูงเสียดฟ้า?
ภายในใจเขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
พี่สะใภ้ใหญ่ฝีมือดีถึงเพียงนั้น เขาเชื่อว่าต้องมีคนชอบผ้าเช็ดหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่แน่
ซื้อของมาหลายอย่าง เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดจะใส่ไว้ในตะกร้าของตัวเองทั้งหมด
แต่ไม่ว่าอย่างไรเซียวจื่อเซวียนก็จะให้ใส่ในตะกร้าของเขา เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเขากลัวนางจะเหนื่อยเกินไป จึงนำเนื้อหมูสองจินใส่ไว้ในตะกร้าของเซียวจื่อเซวียน ส่วนในตะกร้าของนาง หนักประมาณเจ็ดถึงแปดจิน สะพายก็ไม่รู้สึกหนัก
ใครจะรู้ นางกำลังก้มตัวจะสะพายตะกร้า เซียวจื่อเซวียนก็ตาไวมือเร็ว หยิบกระดูกชิ้นใหญ่เหล่านั้นออกมา ใส่ไว้ในตะกร้าของเขา
เซี่ยยวี่หลัวแบกตะกร้าขึ้น ก็พบว่าตะกร้าเบาลงไปมาก คาดว่ากระดูกชิ้นใหญ่ที่หนักสามถึงสี่จินจะถูกเซียวจื่อเซวียนแย่งไปอีกแล้ว
นางไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เด็กคนนี้เชื่อฟังคำสอนสั่งของเซียวยวี่มาตลอดจริงๆ งานหนักต้องให้ผู้ชายทำ!
เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่อยากประคบประหงมเซียวจื่อเซวียนเกินไป ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กผู้ชาย ต้องให้เขาแบกรับภาระหนักในชีวิตประจำวันด้วย เมื่อเห็นว่าเขารู้ความถึงเพียงนี้ จึงปล่อยให้เขาทำตามใจ
ขณะไปเดินตลาดอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวเห็นข้าวของที่วางอยู่ตรงหน้าร้านขายของเซ่นไหว้ จึงนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงเดือนสี่แล้ว พอเข้าเดือนสี่ก็ถึงวันชิงหมิง*
(*วันชิงหมิง หรือวันเช็งเม้ง คือวันไหว้บรรพบุรุษของจีน)
วันชิงหมิง ต้องไหว้ญาติที่จากโลกนี้ไปแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัวหยุดฝีเท้า เอ่ยถามเซียวจื่อเซวียน “ปีที่ผ่านๆ มา เรื่องไหว้ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนจัดการงั้นหรือ? ”
ปีที่แล้ว เซียวจื่อเซวียนเพิ่งอายุเจ็ดขวบ พอจะจำได้บ้าง “อืม พี่ใหญ่เป็นคนจัดการขอรับ! ”
เวลานี้เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน เช่นนั้นดูท่าว่านางต้องเป็นคนทำ
เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่รู้ว่าต้องซื้ออะไร ไปถามเถ้าแก่ร้านขายของเซ่นไหว้ เถ้าแก่ให้ซื้อกระดาษเงินกระดาษทอง ธูปเทียน และธูปเซ่นไหว้ เซี่ยยวี่หลัวซื้อจนครบ แล้วจูงมือเด็กๆ คนละข้างกลับบ้านพร้อมกัน
ขณะที่เซี่ยยวี่หลัวและเด็กสองคนมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ก็ได้ยินข่าวใหญ่เรื่องหนึ่ง
หลัวซื่อแม่ของเสี่ยวฮวาหกล้ม ล้มจนกระดูกขาหัก ท่านหมอต่อกระดูกเสร็จแล้ว บอกว่าต้องนอนพักฟื้นนานสามเดือนกว่า กระดูกเคลื่อนเอ็นเจ็บ ต้องพักร้อยวัน!
“เจ้าว่านางเดินอยู่ดีๆ หกล้มทีหนึ่งทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้ ล้มจนกระดูกขาหัก! ” ใต้ต้นไม้ในหมู่บ้านมีชาวบ้านจับกลุ่มซุบซิบนินทา เมื่อคุยกันถึงเรื่องของหลัวซื่อ ต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
“ใครจะไปรู้ ข้าเห็นกับตาว่าจู่ๆ นางก็ล้มลงไป จากนั้นกระดูกขาก็หัก” มีคนกล่าวอยู่ข้างๆ “ได้ยินมาว่าค่าต่อกระดูก หาหมอ และจ่ายยา เสียเงินไปประมาณหนึ่งตำลึงเชียว ทั้งยังต้องนอนบนเตียงนานสามเดือนกว่า ทำอะไรก็ไม่ได้ ทั้งยังต้องมีคนคอยดูแล พวกเจ้าไม่เห็นหน้าของไฉซุ่น ถมึงทึงจนจะดำกว่าก้นหม้ออยู่แล้ว! ”
เด็กสองคนยังไม่รู้ความ งานทั้งภายนอกและภายในบ้านล้วนมีเซียวไฉซุ่นและหลัวซื่อคอยดูแล ขณะนี้หลัวซื่อล้มหมอนนอนเสื่อ ทั้งยังต้องพักรักษาตัวนานสามเดือนกว่า เซียวไฉซุ่นต้องดูแลทั้งนางทั้งเด็กๆ รวมกันแล้วต้องดูแลถึงสามคน จะไม่โมโหได้อย่างไร!
“ข้าได้ยินว่าเขาตำหนิภรรยาของเขาจนแทบอยากมุดแผ่นดินแล้ว บอกว่าเป็นผู้ใหญ่ร่างกายแข็งแรง แค่เดินยังล้มจนกระดูกหักได้ เหมือนแผ่นกระเบื้องก็มิปาน! ”
ชาวบ้านที่อยู่ใต้ต้นไม้สนทนากับเซี่ยยวี่หลัวพักหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวสีหน้าเรียบสงบ แค่บอกกล่าวว่ารู้แล้ว ก็จูงมือเด็กสองคนเดินจากไป
เมื่อเดินไปไกล กลุ่มชาวบ้านก็เริ่มสนทนาเรื่องอื่นกันต่อ มีเพียงเถียนเอ๋อที่มองแผ่นหลังของเซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าดูลึกลับ หวนคิดถึงเรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวเตะหลัวซื่อเมื่อวาน จู่ๆ นางก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“กระดูกของแม่เสี่ยวฮวา คงไม่ใช่ว่าถูกเซี่ยยวี่หลัวเตะจนหักกระมัง? ”
เมื่อได้ยินนางกล่าวดังนั้น ชาวบ้านหลายคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวานต่างก็กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “แม่ต้าหมิน อาหารกินส่งเดชได้ แต่วาจาจะกล่าวส่งเดชไม่ได้ เมื่อวานทุกคนต่างเห็นอย่างชัดเจน ภรรยาเซียวยวี่จะเตะแรงแค่ไหนเชียว เมื่อวานแม่เสี่ยวฮวายังวิ่งได้กระโดดได้ แข็งแรงเสียยิ่งกว่ากระไร! วันนี้เกิดเรื่องก็กล่าวโทษภรรยาเซียวยวี่เสียแล้ว นางเป็นสตรีรูปร่างบอบบาง จะมีแรงแค่ไหน ข้าคิดว่าเมื่อวานนางเกาให้แม่เสี่ยวฮวาหายคันเสียมากกว่า! ”
เถียนเอ๋อถูกตำหนิจนก้มหน้าลง
เมื่อวานนางก็ได้พูดคุยกับหลัวซื่อแล้ว หลัวซื่อก็บอกว่าเซี่ยยวี่หลัวเหมือนกำลังเกาให้นางหายคันเท่านั้น เพียงแต่ นางก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวเตะหลัวซื่อสองที วันต่อมาหลัวซื่อก็ล้มจนขาหักได้?
เซี่ยยวี่หลัวจูงเด็กสองคนกลับบ้านไปด้วยสีหน้าเรียบสงบ
กลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัววางตะกร้าลงก็แย้มรอยยิ้มทันที เซียวจื่อเซวียนหันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ แม่เสี่ยวฮวานาง…”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ดูเหมือนว่าปกติแม่เสี่ยวฮวาจะขาดการออกกำลังกาย! ไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ กระดูกจะเปราะง่าย หกล้มก็หักทันที ต้องบำรุงกล้ามเนื้อและกระดูก”
นางหยิบกระดูกหมูที่เพิ่งซื้อออกมาจากตะกร้า ยิ้มพร้อมกล่าว “เที่ยงวันนี้เราก็มาบำรุงกระดูกกัน! ”
เซียวจื่อเซวียนหัวเราะจนแทบหงายหลัง พี่สะใภ้ใหญ่แก้แค้นให้เขาแล้ว!
แม่เสี่ยวฮวาหาหมอเสียเงินไปหนึ่งตำลึง ทั้งยังต้องนอนรักษาตัวอีกสามเดือนกว่า แค้นนี้ชำระได้คุ้มเสียจริง!