เซี่ยยวี่หลัวล้างกระดูกเสร็จแล้ว ตักน้ำใส่หม้อด้านในกว่าครึ่งหม้อ ใส่กระดูกเข้าไป หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน เคี่ยวตลอดช่วงบ่าย ไขกระดูกด้านในกระดูกถูกเคี่ยวจนส่งกลิ่นหอมออกมา!
ช่วงเที่ยงคิดจะกินน้ำแกงก้อนแป้ง ขณะนวดแป้งก็ตอกไข่ไก่ลงไปสองฟอง ก้อนแป้งจึงเป็นสีเหลืองทอง แค่เห็นก็กระตุ้นต่อมอยากอาหารแล้ว เมื่อตักขึ้นจากหม้อค่อยเหยาะน้ำมันหอมสองหยด น้ำแกงร้อนผสมกับน้ำมันหอม ภายในบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นหอม!
ทั้งสามคนกินคนละหนึ่งชาม เซียวจื่อเซวียนไปล้างชามที่ห้องครัว เซียวจื่อเมิ่งนำกระต่ายไปสวนหลังบ้าน เก็บหญ้าสดใหม่ให้พวกมันกิน
เมื่อเซียวจื่อเซวียนล้างชามเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงพาเขาเข้าไปในห้อง
เรื่องที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะคุยกับเขา ถึงเวลาคุยแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวนำสัญญาออกมา บอกเล่าสัญญาที่นางและฮวาเหนียงลงนามร่วมกันด้วยถ้อยคำกระชับเข้าใจง่าย พร้อมทั้งบอกเรื่องที่ตนเองเบิกเงินล่วงหน้ามาห้าตำลึง
เมื่อได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่ได้ผลกำไรหนึ่งส่วนจากฮวาหม่านยี เซียวจื่อเซวียนอ้าปากค้างกว้างจนแทบจะใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน… ท่านทำได้อย่างไรขอรับ? ”
เช่นนี้ก็เหมือนจับเสือมือเปล่าไม่ใช่หรือ?
เถ้าแก่ร้านฮวาหม่านยี ฮวาเหนียงผู้นั้น ถึงแม้ดูผิวเผินจะเป็นมิตร แต่คนทำการค้าจะทำการค้าที่ขาดทุนได้อย่างไร ภายในใจย่อมหวังหาผลกำไร นางจะยอมตอบตกลงมอบผลกำไรหนึ่งส่วนให้พี่สะใภ้ใหญ่ได้อย่างไร!
เซียวจื่อเซวียนไม่กล้าเชื่อ เบิกตากว้างจ้องมองเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอย่างได้ใจ “เรื่องนั้นต้องดูความสามารถพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า! ”
กล่าวจบ นางบอกเล่าเรื่องที่ตัวเองต้องส่งมอบลวดลายให้ฮวาหม่านยี เซียวจื่อเซวียนจึงตั้งสติได้ รูปแบบลวดลายที่พี่สะใภ้ใหญ่วาดดูดีมาก คนที่นี่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน!
“เถ้าแก่เนี้ยผู้นั้นก็ถือว่าตาแหลม รู้ว่าหากทำของพวกนี้ออกมาต้องได้รับความนิยมแน่นอน ถือว่านางมีสายตาหลักแหลม” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยสีหน้าได้ใจ ยกสัญญาในมือขึ้นมายิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้ง
แต่แล้วนางก็สงบจิตใจอย่างรวดเร็ว “จื่อเซวียน มีเรื่องหนึ่งข้าต้องบอกเจ้าก่อน ข้าไม่ได้คิดจะปิดบังจื่อเมิ่ง แต่จื่อเมิ่งยังเด็กเกินไป ข้าเกรงว่าหากนางโดนคนอื่นหลอกล่อ ก็จะแพร่งพรายเรื่องทรัพย์สินในบ้านเราออกไป ข้าเป็นเพียงสตรี เจ้ากับจื่อเมิ่งยังเด็กเกินไป หากถึงเวลามีผู้ใดเห็นว่าในบ้านเรามีเงิน และมีใจคิดร้าย ก็จะป้องกันได้ยากยิ่ง”
ความกังวลของเซี่ยยวี่หลัวใช่ว่าจะไร้เหตุผล เซียวจื่อเซวียนย่อมเข้าใจ “พี่สะใภ้ใหญ่วางใจได้ ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ข้างนอก และจะไม่ให้จื่อเมิ่งรู้เด็ดขาดขอรับ”
พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้าน หากเรื่องที่ตอนนี้ในบ้านมีเงินถูกคนอื่นรู้เข้า อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ไม่น้อย
เมื่อเห็นท่าทางเซียวจื่อเซวียนที่แสดงสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนลูกผู้ชายตัวน้อย ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก เก็บสัญญาและเงินไว้ ใส่กุญแจและเก็บลูกกุญแจไว้กับตัว จากนั้นทั้งสองคนจึงไปสวนหลังบ้าน
เซียวจื่อเมิ่งป้อนกระต่ายขาวสี่ตัวจนท้องกลมโต
เซียวจื่อเซวียนรับผิดชอบขุดดิน ระหว่างที่ขุดดิน ในดินมีไส้เดือนอยู่ไม่น้อย เซียวจื่อเซวียนเก็บมาจำนวนหนึ่ง ใส่ลงไปในบ่อน้ำ ให้ปลากินไส้เดือน
ปลาในบ่อน้ำก็ตัวใหญ่ขึ้นแล้ว เลี้ยงอีกไม่กี่เดือน ก็จะโตขึ้นอีกไม่น้อย ถึงเวลาก็จะได้กินปลาตัวใหญ่
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าแตะ ได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ
ไส้เดือนบิดตัวไปมาเหมือนงู แค่เห็นก็รู้สึกตกใจแล้ว นางไม่เดินเข้าใกล้จะดีกว่า เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา เซี่ยยวี่หลัวเรียกให้เด็กสองคนมาล้างมือ จากนั้นจึงปิดประตูสวนหลังบ้าน กลับห้องไปพักผ่อน
เซี่ยยวี่หลัวตื่นขึ้นเพราะกลิ่นหอมกรุ่นของเนื้อหมูที่เข้มข้น
นั่นเป็นกลิ่นหอมของกระดูกที่ลอยมาจากห้องครัว
เซี่ยยวี่หลัวรีบปลุกเด็กสองคนให้ตื่น ทั้งสามคนล้างหน้าบ้วนปากแล้วจึงไปห้องครัว บนผิวน้ำแกงกระดูกหมูที่เคี่ยวอยู่ในหม้อด้านในมีน้ำมันลอยอยู่หนึ่งชั้น ไขกระดูกด้านในถูกเคี่ยวออกมาจนหมดแล้ว ส่งกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
นี่เป็นน้ำแกงดีที่จะช่วยให้เด็กๆ ตัวสูงขึ้นได้!
เซี่ยยวี่หลัวรีบตักน้ำแกงให้คนละหนึ่งถ้วย ดื่มขณะยังร้อนๆ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หอมจนแทบกัดลิ้น ทั้งสามคนดื่มจนรู้สึกอุ่นไปทั้งตัว เสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก “จื่อเซวียน จื่อเซวียน…”
นั่นคือเซียวซาน
เซียวจื่อเซวียนวางถ้วยลงก่อนออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยวจื่อเซวียนก็กลับมา กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่สะใภ้ใหญ่ เซียวซานให้ข้าไปขุดหน่อไม้กับเขาที่เขาด้านหลังขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ “หน่อไม้บนเขาด้านหลังงอกขึ้นมาแล้วงั้นหรือ? ”
นางไม่ได้ขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่มาหลายวันแล้ว จึงไม่รู้ว่าหน่อไม้บนเขาด้านหลังงอกขึ้นมาแล้ว เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “เซียวซานบอกว่าขึ้นแล้วขอรับ วันนี้บ้านเขาจะกินหน่อไม้ด้วย! ”
เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก หยิบผ้าพันคอผืนหนึ่งมาปิดศีรษะและใบหน้าไว้ ทั้งสามคนสะพายตะกร้า หยิบจอบและมีดออกบ้านไป
ขณะนี้เป็นช่วงปลายเดือนสาม แดดช่วงบ่ายทั้งร้อนและแรงมาก เซี่ยยวี่หลัวกลัวว่าแดดจะเผาจนหน้าดำ
เซียวซานรออยู่หน้าประตู เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวออกมา ก็ตกใจสะดุ้ง “จื่อ… จื่อเซวียน พี่… พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าก็จะขึ้นเขางั้นหรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างได้ใจ “ใช่แล้ว ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น! ”
เดิมทีเซียวซานคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวเพียงตามออกมาเที่ยวเล่นเท่านั้น สตรีรูปร่างบอบบางเช่นนี้จะทำงานหนักได้อย่างไร!
สำหรับนาง อย่าว่าแต่หน่อไม้เลย เกรงว่าคงรู้เพียงแค่ว่าไม้ไผ่หน้าตาเป็นอย่างไรเท่านั้น
เซียวซานคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวคงหาหน่อไม้ไม่พบ เดิมทีเซียวจื่อเซวียนก็คิดว่านางคงหาไม่พบ ใครจะรู้ว่านางแค่กวาดสายตามองผ่านใบไผ่ที่กองพะเนินอยู่เต็มพื้น ก็เห็นทันทีว่าตรงไหนมีหน่อไม้บ้าง
นางใช้เท้าเขี่ยใบไผ่บนพื้นออก แล้วบนพื้นก็มีจุดนูนขึ้นมาเล็กน้อย ใช้จอบเล็กขุดใบไผ่และดินรอบข้างออกทีละนิด หน่อไม้ที่ทั้งอ่อนนุ่มและอวบจึงปรากฏออกมา
เซี่ยยวี่หลัวยกจอบขึ้น ขุดหลุมรอบหน่อไม้ ขุดใกล้เข้าไปทีละนิด เมื่อขุดถึงส่วนรากของหน่อไม้ จึงสับจอบลงไป หน่อไม้ที่ถูกใบไผ่สีขาวสลับดำห่อหุ้มไว้อย่างสมบูรณ์ถูกขุดขึ้นมา
ใช้มือจับโยนขึ้น ก็โยนเข้าไปในตะกร้าแล้ว
จากนั้น จึงขุดหน่อถัดไป
แม้จะใช้เวลาขุดหน่อไม้นานไปบ้าง แต่การหาหน่อไม้กลับทั้งเร็วและแม่นยำ!
เซียวซานมองด้วยอาการอ้าปากตาค้าง แอบกระซิบกับเซียวจื่อเซวียนที่หาหน่อไม้อยู่ข้างๆ “จื่อเซวียน พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าสายตาร้ายกาจเกินไปแล้วกระมัง? ใบไผ่ร่วงหนาขนาดนั้น เหตุใดนางมองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าหน่อไม้อยู่ตรงไหน? ”
เซียวจื่อเซวียนมองพี่สะใภ้ใหญ่ที่กำลังง่วนกับการขุดหน่อไม้อย่างมีความสุข ภายในใจรู้สึกได้ใจยิ่งนัก จึงไหวคิ้วทีหนึ่ง “เจ้าไม่ดูเสียบ้างว่านั่นคือใคร นั่นคือพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเชียว! ”
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ยินเด็กสองคนคุยกัน นางกำลังก้มหน้าขุดหน่อไม้อยู่!
การขุดหน่อไม้ก็เป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของนาง ท่านปู่ปลูกต้นไผ่ไว้เต็มสวนหลังบ้านที่บ้านในชนบท ฤดูหนาวขุดหน่อไม้หน้าหนาว ฤดูใบไม้ผลิขุดหน่อไม้หน้าฝน เซี่ยยวี่หลัวตามหลังท่านปู่ท่านย่า ฝึกสายตามองหาหน่อไม้จนช่ำชองนานแล้ว
อย่าว่าแต่หน่อไม้หน้าฝนที่มียอดโผล่ขึ้นมาแล้ว แม้แต่หน่อไม้หน้าหนาวที่ยังไม่ได้งอกขึ้นมา นางก็ยังสามารถหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ!