เรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิวกลัวที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
โรคบุคลิกสลับขั้วผู้ป่วยจะลืมเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ แล้วใช้ชีวิตด้วยตัวตนใหม่ แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าความทรงจำเก่าๆจะโผล่ออกมาตอนไหน
พอเสี่ยวเชี่ยนได้ยินฉู่เซวียนพูดแบบนั้นก็นึกได้ว่าคงมีอะไรไปกระตุ้นหูเหม่ยจิ้งเข้า ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมา
“อาจารย์ล่ะคะ?”
“แม่บุญธรรมพอรู้เรื่องก็รีบมาทันที แต่พอเจอกับภรรยาผมทั้งสองคนก็ร้องไห้กันอย่างทรมาน แม่บุญธรรมโรคหัวใจกำเริบตอนนี้นอนพักอยู่ครับ ทำไงดีหมอเฉิน ตอนนี้สภาพจิตใจของภรรยาผมดูแย่มาก เธอไม่ยอมเจอผมเลย แม่บุญธรรมก็ลุกไม่ขึ้น ผมไม่รู้จะทำไงแล้ว…”
อาการของหูเหม่ยจิ้งอันตรายมาก เรื่องที่กดเอาไว้ตั้งนานอยู่ๆเธอก็มารู้เรื่องเข้า อีกทั้งยังเป็นตอนที่เธอกำลังตั้งท้องช่วงที่อ่อนแอที่สุด
อาจารย์ของเธอยังมาป่วยในเวลานี้อีก เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย
ถ้าจัดการไม่ดีอาจได้กลายเป็นเรื่องเศร้า
ตอนนี้หูเหม่ยจิ้งตั้งท้องแล้ว เธอได้ลืมเรื่องชีวิตคู่ระหว่างเธอกับฉู่เซวียน เรื่องนี้ดีไม่ดีอาจเป็นการฆ่าถึงสองชีวิต
“ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหนคะ”
“พวกเราอยู่โรงพยาบาลทหารในเมืองQครับ ตอนนี้สภาพจิตใจภรรยาผมไม่ปกติ ถูกผมขังไว้ในห้องผู้ป่วย…แม่บุญธรรมก็อยู่ที่นี่ด้วยครับ”
“เมืองQ?” เสี่ยวเชี่ยนอึ้ง จากนั้นก็รีบบอกให้คนขับรถหยุดรถ
“ครับ หน่วยงานของพวกเราจัดกิจกรรมปีนเขาที่เมืองQ ผมเลยพาภรรยามาด้วย ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…”
โวะ จัดไปเที่ยวที่ไหนไม่ไปดันมาเมืองQ
เสี่ยวเชี่ยนพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้ว หูเหม่ยจิ้งจะต้องเห็นบางอย่างในโรงพยาบาลเมืองQอย่างแน่นอน ถึงได้เป็นตัวกระตุ้นให้เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีต
ถ้าเปลี่ยนเป็นที่อื่น เป็นเมืองใกล้ๆคงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น
“เดี๋ยวฉันไปค่ะ อยู่ห้องไหนคะ”
พอวางสายเสี่ยวเชี่ยนก็บอกที่อยู่กับคนขับรถ คิดอยู่สักพักแล้วจึงโทรไปหาอวี๋หมิงหลาง
โทรไม่ติด เขาคงฝึกอยู่
นิสัยอย่างหัวหน้าใหญ่คงไม่ให้คนสำคัญของหน่วยงานอย่างอวี๋หมิงหลางหยุดเพราะเรื่องส่วนตัว ดูท่าครั้งนี้เธอคงไม่ได้เจอเสี่ยวเฉียงแล้วแหละ…มั้ง?
ตอนเสี่ยวเชี่ยนไปถึง หัวหน้าใหญ่กับฉู่เซวียนกำลังยืนกลุ้มอยู่นอกห้องผู้ป่วย
“อาจารย์เป็นไงบ้างคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามหัวหน้าใหญ่ก่อน
หัวหน้าใหญ่ชี้ไปที่ห้อง เสี่ยวเชี่ยนไปเกาะกระจกดูแล้วก็พูดไม่ออก
“หัวหน้าใหญ่ ทำไมจับอาจารย์มัดไว้ล่ะคะ?”
ศาสตราจารย์หลิวที่น่าสงสารถูกมัดไว้กับเตียงด้วยสายรัดหนังสำหรับมัดคนไข้โรคประสาท อีกทั้งยังมีผ้าคาดตา ไม่รู้ว่าหลับอยู่หรือเปล่า
“ไม่มัดไม่ได้หรอก หมอบอกว่าตอนนี้เขาคิดมากเกินไปต้องให้รักษาตัวอย่างสงบ แต่เขาคิดแต่จะไปรักษาให้เหม่ยจิ้ง สภาพของเขาตอนนี้อย่าว่าแต่รักษาคนเลย ฉันยังอยากไปหาคนมารักษาเขาด้วยซ้ำ น่ากลุ้มใจจริงๆ”
“ตอนนี้อาจารย์หลับอยู่เหรอคะ?”
“อืม แต่ยาคงหมดฤทธิ์ใกล้ตื่นแล้วล่ะ” หัวหน้าใหญ่เองก็กลุ้มไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่มีวิธีรับมือกับอาการของภรรยาเลยในตอนนี้ เขารู้จักนิสัยของศาสตราจารย์หลิวดี พอเจอเรื่องแบบนี้ก็อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วย
ผู้หญิงคนนี้มีความรับผิดชอบสูง จะไปหาหูเหม่ยจิ้งให้ได้ แต่สภาพร่างกายตัวเองไม่ไหวแล้ว แล้วจะไปรักษาคนอื่นได้อย่างไร เขาเองก็จะให้ยานอนหลับกับเธอไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ได้
“หนูจะเข้าไปคุยกับอาจารย์ค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนหันไปถามฉู่เซวียน
“อาการเหม่ยจิ้งเป็นไงบ้างคะ?”
ฉู่เซวียนชี้ไปที่อีกห้อง เสี่ยวเชี่ยนเดินไปดู หูเหม่ยจิ้งนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องคล้ายกับตกใจกลัวอะไรบางอย่าง ประตูถูกล็อคจากข้างนอกทำให้เธอออกมาไม่ได้
“ก่อนหน้านี้เหม่ยจิ้งอาละวาดใหญ่ ผมกลัวเธอจะวิ่งออกมาแล้วทำเรื่องน่ากลัวเลยขังเธอไว้ในห้อง แต่ทางโรงพยาบาลคงไม่ยอมให้พวกเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้จะให้ฉีดยานอนหลับเข้าร่างกายเธอแบบแม่บุญธรรมก็ไม่ได้ ผมเองก็กลุ้มไม่รู้จะทำยังไง”
ฉู่เซวียนกลุ้มจะตายอยู่แล้ว ภรรยาเขาสลบไปพอฟื้นขึ้นมาก็จำเขาไม่ได้ เอาแต่ร้องไห้โวยวายจะออกไปข้างนอก
นิสัยก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนโมโหร้าย ความอ่อนโยนที่เคยมีหายไปจนหมดสิ้น
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว จึงหันไปถามหัวหน้าใหญ่อีกครั้ง
“อวี๋หมิงหลางล่ะคะ?”
“เขาจัดการเรื่องบางอย่างอยู่ที่ค่าย เขาสบายดีเธอไม่ต้องเป็นห่วง”
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า แล้วผลักประตูเข้าห้องอาจารย์
อาจารย์ยังไม่ตื่น เสี่ยวเชี่ยนนั่งรออยู่ข้างเตียงอย่างอดทน หยิบผ้าคาดตาออกมาจากหน้าอาจารย์ แล้วห่มผ้าให้ดีๆ
ผ่านไปหลายนาทีอาจารย์ก็ส่งเสียงคล้ายกำลังจะตื่น พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนอยู่ข้างเตียงก็ตกใจเล็กน้อย
เสี่ยวเชี่ยนใส่แว่นให้อาจารย์ “หนูมาแล้วค่ะอาจารย์”
“ทำไมเธอ…ฉันนึกออกแล้ว ตาแก่ตายโหงนั่นจับฉันมัดไว้ เสี่ยวเชี่ยนเธอปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันต้องรีบไปหาเหม่ยจิ้ง”
อาจารย์นึกออกแล้วว่าข้างห้องยังมีคนไข้อาการหนักอยู่
เสี่ยวเชี่ยนเอาสำลีพันปลายไม้เช็ดให้ริมฝีปากอาจารย์ชุ่มชื้นขึ้น
“อาจารย์ลุกไม่ได้นะคะ ร่างกายอาจารย์ไม่ไหว เดี๋ยวพอครั้งนี้อาจารย์หายหนูต้องเข้มงวดให้อาจารย์ออกกำลังกายแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างเลย คิดมากจนเกินเหตุ ร่างกายรับไม่ไหวเลยสลบไป”
นี่แหละที่เขาเรียกว่าเป็นอะไรตอนช่วงสำคัญ
“ถ้าเธอจะมาอบรมฉันเรื่องสุขภาพก็รอฉันจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน รีบแก้มัดฉัน”
“ไม่ได้ค่ะ”
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน เธอเป็นลูกศิษย์ฉันหรือเป็นลูกศิษย์ตาแก่นั่นกันแน่—”
“พวกอาจารย์เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ต้องพูดเรื่องหย่าแล้ว ปีนี้พวกอาจารย์ไม่แต่งงานกันอีกรอบปีหน้ายังไงก็ต้องแต่ง หนูเป็นลูกศิษย์อาจารย์ยังไงก็ต้องเข้าข้างอาจารย์ แต่หัวหน้าใหญ่ทำเพื่ออาจารย์นะคะ อาจารย์ไม่ต้องลุกหรอกค่ะเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่หนูเอง”
“เธอ?” ศาสตราจารย์หลิวมองเสี่ยวเชี่ยนแล้วส่ายหน้า
“เธอจัดการไม่ได้หรอก นี่เป็นเคสที่ซับซ้อนมาก ตอนนี้เธอยังเรียนไม่ถึงขั้นนั้น”
“เรียนถึงแล้วค่ะ” ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้อาจารย์ได้สั่งสอนเธอวิชานี้แล้ว
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะชดเชยวิชาบุคลิกสลับขั้วที่เมื่อชาติก่อนเธอยังติดค้างมาเรียนให้เสร็จในชาตินี้
“อาจารย์คะ หนูมีแผนรักษาที่แตกต่างจากอาจารย์ หนูหวังว่าอาจารย์จะอนุญาตให้หนูรับช่วงต่อจัดการเรื่องหูเหม่ยจิ้งค่ะ”
“แผนรักษาที่แตกต่างจากฉันเหรอ?” ศาสตราจารย์หลิวมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างอึ้งๆ
“ครั้งก่อนหลังจากที่พวกเราคุยกันเรื่องนี้หนูก็คิดมาตลอดว่า ถ้าหนูเป็นอาจารย์หนูจะทำอย่างไร เรื่องมันพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอาจารย์ยังอยากไปสะกดจิตให้เขาอีกย่อมไม่ได้ผลแล้วแน่นอน”
“ฉันเองก็ปวดหัว ตอนนี้พอเขาเห็นฉันก็ร้องไห้ ฉันเห็นเขาก็รู้สึกแย่ พวกเราต่างคุมอารมณ์ไม่อยู่”
ศาสตราจารย์หลิวกลุ้มมาก
ตามกฎก็คือห้ามรักษาให้กับคนใกล้ตัว เรื่องนี้มีหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์
เธอกับหูเหม่ยจิ้งมีอารมณ์เศร้าร่วมกันอันเนื่องมาจากเรื่องของโลนวูล์ฟ สภาพจิตใจแบบนี้ทำให้พวกเธอสะเทือนใจได้ง่าย ศาสตราจารย์หลิวไม่สามารถรวบรวมสติให้เป็นปกติได้ จิตแพทย์หากวางตัวเป็นกลางไม่ได้ก็ยากที่จะทำการรักษา
“ดังนั้นตอนนี้อาจารย์ไม่มีทางรักษาให้เขาได้ค่ะ แล้วอาจารย์จะไปทำไมคะ? กอดคอร้องไห้ด้วยกัน? เขาร้องไห้จนแท้ง อาจารย์ร้องไห้จนโรคหัวใจกำเริบ ไม่เท่ากับยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากเหรอคะ?”
“เฉิน เสี่ยว เชี่ยน ฉันใจดีกับเธอมากไปใช่ไหม?”
“หนูก็แค่มองโลกตามความเป็นจริงค่ะ”