“ฉันเอาสมุดมาจดก่อนจะได้ไม่ซื้อผิด ขนมของแม่เธอเดี๋ยวฉันให้คนเอาไปส่ง—”
อาหญิงเห็นเสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตาเลยรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่
“เดี๋ยวฉันเอาไปส่งด้วยตัวเอง”
“รบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่รบกวนเลยสักนิด”
“งั้นก็ดีค่ะ เอามาส่งก่อนสองทุ่มนะคะ ฝากซื้อเนื้อย่างเสียบไม้ให้น้องชายฉันด้วย เด็กๆกินมื้อดึกไม่ควรจะดึกเกินไป”
“ได้ๆๆ” ท่าทีของอาหญิงดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“แล้วก็ ให้คุณน้าช่วยไม่ได้นะคะ ถ้าหลี่เจิ้นรู้เข้า—” เสี่ยวเชี่ยนทำสีหน้าแบบคุณเข้าใจดี อาหญิงรีบพยักหน้าติดกัน จากนั้นก็หิ้วกระเป๋าเดินออกไป
“เหมือนวันนี้น้าแม่บ้านไม่ได้หยุดนะ?” พออาหญิงไปแล้วแม่อวี๋ถึงถามเสี่ยวเชี่ยนต่อหน้าอาเขย ไม่จำเป็นต้องปิดบัง
“งั้นก็ให้หยุดตอนนี้เลยค่ะ อาหญิงมาแล้วน้าแม่บ้านก็ควรได้พักผ่อน อาเขยตอนเย็นก็ไปกินด้วยสิคะ ใครก็ห้ามช่วยอาหญิง นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาเขา”
“ฉันยังต้องอยู่เป็นเพื่อนหลี่เจิ้น เอาแบบนี้ ตอนที่เขาเอาของไปส่งให้เธอก็ให้เอามาให้ฉันด้วย”
อาเขยรู้สึกว่ากาน้ำชาดินเผาใบนี้ให้ไปคุ้มมาก เพิ่งจะเริ่มรักษาก็รู้สึกได้ถึงความเป็นผู้ชายสมัยสังคมศักดินาแล้ว มีคนเอาข้าวมาส่งให้ด้วย ตอนหนุ่มๆไม่เคยได้แบบนี้ เกษียณแล้วถึงได้เสวยสุข
อาหญิงถูกเสี่ยวเชี่ยนจัดการจนไม่กล้าหือ ให้ทำอะไรก็ทำ เสี่ยวเชี่ยนเองก็ได้กำชับกับแม่อวี๋แล้วว่า ต่อให้เห็นอาหญิงสภาพน่าสงสารก็ห้ามช่วย มากสุดก็แค่คอยยืนดูอยู่ข้างๆตอนอาหญิงทำอาหาร คอยชี้นั่นชี้นี่พอ
ให้นึกถึงสมัยก่อนอาหญิงเคยรังแกแม่อวี๋ยังไงก็ให้เอาคืนแบบนั้น บางคนดีกับเขามากเกินไปเขากลับไม่พอใจ ให้ลิ้มรสเสียบ้างว่าตอนนั้นตัวเองทำกับคนอื่นยังไง
อย่างไรเสียแม่อวี๋ก็เป็นคนมีการศึกษา ทำไม่ลงถึงขนาดจะให้คนอื่นมาซักกางเกงในเปื้อนประจำเดือนแบบที่อาหญิงเคยทำ มากสุดก็แค่ให้อาหญิงทำกับข้าวเก็บกวาดห้องครัว แต่แค่นี้ก็เล่นเอาอาหญิงเหนื่อยไม่น้อยแล้ว
ห่างหายจากงานบ้านมาตั้งหลายปี ทำงานทั้งวันปวดไปหมดทั้งตัว แค่ยกแขนก็ปวด
แต่พอร่างกายงานยุ่งไม่ได้หยุดสมองกลับคิดได้ไม่น้อย ไม่ได้คิดฟุ้งซ่านมากมายอีกแล้ว การที่ได้มาทำงานที่บ้านพี่ชายเธอถึงได้เห็นว่าปกติพี่ชายกับพี่สะใภ้งานยุ่งแค่ไหน แถมยังต้องหาเวลาว่างไปเยี่ยมหลี่เจิ้น เพื่อให้เห็นถึงความเอาใจใส่
หลายวันต่อมาไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยวเชี่ยนสั่งก่อน อาหญิงจัดการทำเองทุกอย่าง ก้าวหน้าขึ้นมากจริงๆ
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนรักษาให้หลี่เจิ้น บางช่วงมีพูดเตือนอาหญิงบ้าง ว่าสมัยก่อนอาหญิงก็เคยรังแกว่าที่แม่สามีเธอแบบนี้ ถึงปากอาหญิงจะไม่ยอมรับ แต่มีท่าทีเคารพยำเกรงพี่ชายกับพี่สะใภ้มากขึ้น ไม่เอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน ดูเหมือนอาหญิงจะเข้าใจถึงความหมายของการมีครอบครัวใหญ่แล้ว
เสี่ยวเชี่ยนทำการรักษาอยู่หนึ่งสัปดาห์ ไม่เพียงแต่อาการของหลี่เจิ้นจะดีขึ้นมาก อาหญิงก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ประธานเชี่ยนทำการรักษาจนเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังรักษาอาหญิงด้วย อาหญิงเห็นเธอแต่ละทียังต้องมีท่าทียำเกรง
พ่ออวี๋แม่อวี๋รู้สึกชื่นชมในตัวเสี่ยวเชี่ยนมากที่สามารถเอาคนที่มีจิตใจทารกมาตลอดชีวิตเสียจนอยู่หมัด คนอย่างอาหญิงคนในบ้านดีด้วยมากแค่ไหนไม่เคยสำนึก เสี่ยวเชี่ยนทรมานอาหญิงทุกวัน แต่อาหญิงกลับยังยิ้มแย้มให้เสมอ
เสี่ยวเชี่ยนอธิบายเรื่องนี้อย่างง่ายๆ การสั่งสอนเด็กถ้าเอาแต่ให้ขนมเด็กก็จะเสียนิสัย เวลาที่ควรเข้มงวดก็ต้องเข้มงวด เห็นได้ชัดว่าอาหญิงถูกตามใจจนเคยตัว เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำแบบนี้ อีกหน่อยต่อให้อาหญิงอยากจะทำตัวแย่ขึ้นมาอีกก็คงไม่กล้าลงมือกับเสี่ยวเชี่ยนแล้ว
ทำไมเสี่ยวเชี่ยนถึงได้ยอมทำตัวเป็นคนเลว คนเลวดีออก ไม่มีคนกล้ารังแก คนเลวก็ต้องถูกคนเลวด้วยกันจัดการ รอให้คนดีมาหล่อหลอม จนถึงวันตายกลายเป็นผุยผงก็ใช่ว่าจะดีขึ้น ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ใช้ความสามารถเป็นตัวตัดสิน
หลังจากที่หลี่เจิ้นได้รับการรักษาจากเสี่ยวเชี่ยน ในที่สุดอาการทางจิตเวชก็หาย โรคนี้ดูเหมือนร้ายแรง แต่การรักษาไม่ซับซ้อน
ถ้าไม่ติดว่าต้องแก้ปมในใจให้สองพ่อลูกก่อน เสี่ยวเชี่ยนรักษาแค่สามครั้งก็เอาอยู่
การรักษาครั้งสุดท้าย หลี่เจิ้นไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เนื่องจากกระดูกหักทำให้เขายังต้องรักษาตัวต่อในโรงพยาบาล แต่ขอแค่ดูแลตัวเองดีๆก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
ตอนนี้เขากล้าที่จะเผชิญหน้าเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเองแล้ว เสี่ยวเชี่ยนได้ให้ความรู้กับทุกคนรอบตัว รักร่วมเพศในทางจิตวิทยาไม่ใช่อาการของโรค การรักษาจะทำแค่ที่ตัวหลี่เจิ้นไม่ได้ คนในครอบครัวไม่ดูถูกเขา เขาถึงจะกล้าใช้ชีวิต
หลี่เจิ้นได้รับความเข้าใจจากพ่อ และก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแม่
ซึ่งก็สอดคล้องกับคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน ฟ้าร้องฟ้าผ่าฝนตกล้วนเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโชคชะตา ต่อให้ตอนนั้นจะมองว่ามันน่าอดสู แต่พอผ่านไปแล้วมาคิดดูมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ก่อนไปเสี่ยวเชี่ยนได้ทิ้งข้อความไว้ให้อาเขย ซึ่งเป็นแผนการรักษาอาหญิง รวมถึงขั้นตอนต่างๆ
อันที่จริงแผนการรักษาอาหญิงของเธอนั้นง่ายมาก หลังจากที่หลี่เจิ้นกลับมายืนได้แล้วให้อาเขยพาครอบครัวไปพักตากอากาศในที่ที่ธรรมชาติงดงาม ทั้งครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พอกลับมาให้ย้ายบ้านไปอยู่เมืองอื่น ไม่ให้อาหญิงไปคลุกคลีอยู่ในแวดวงคุณหญิงคุณนายแบบเมื่อก่อนอีก ลืมเรื่องสถานะของตัวเองแล้วเริ่มต้นใหม่ เพื่อตามหาสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างแท้จริง
อย่าดีกับอาหญิงมากเกินไป คอยดูแวดวงเพื่อนๆของเธอ อย่าให้เธอคบกับคนที่มีจุดประสงค์แอบแฝง ถึงอาหญิงจะเอาแต่ใจ แต่สมองไม่คิดอะไรซับซ้อน ถ้าไม่จับตาดูได้ถูกคนอื่นหลอกใช้แน่ อาเขยเกษียณแล้วอยู่ว่างๆก็พาอาหญิงไปท่องเที่ยว ใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากหน่อย จิตใจที่ผิดเพี้ยนไปของเธอก็จะกลับเข้ามาหาครอบครัวเอง
พอจัดการทุกอย่างเสร็จ เสี่ยวเชี่ยนก็หอบเอาสิ่งที่ได้ เงินก้อนใหญ่ๆกลับ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงกลับทำให้เธอต้องอยู่ต่อ
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนได้รับสายจากฉู่เซวียน เธอได้ขึ้นรถที่อาเขยจัดไว้ให้เตรียมพาไปส่งที่มหาวิทยาลัยแล้ว รถใกล้ขับออกจากเมืองQแล้ว
“เฉินเสี่ยวเชี่ยนพูดค่ะ”
“หมอเฉิน เกิด เกิดเรื่องแล้ว” น้ำเสียงของฉู่เซวียนดูลนลาน
“ใจเย็นๆนะคะค่อยๆพูด เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ฉู่เซวียนคือสามีของหูเหม่ยจิ้ง และหูเหม่ยจิ้งก็คือคู่หมั้นของโลนวูล์ฟ หลังจากโลนวูล์ฟตายเธอเป็นโรคบุคลิกสลับขั้ว ลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับโลนวูล์ฟ หลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ เธอได้ลืมเรื่องราวเจ็บปวดในอดีตแล้วแต่งงานกับฉู่เซวียน เริ่มต้นชีวิตใหม่
การที่เสี่ยวเชี่ยนได้รู้จักกับฉู่เซวียนเป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉู่เซวียนเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนที่เกิดขึ้นจากฤดู เสี่ยวเชี่ยนรักษาให้เขาจนหาย ด้วยเหตุนี้ฉู่เซวียนจึงมีเบอร์เธอ
“ภรรยาผม เขา เขาเป็นบ้าแล้ว”
น้ำเสียงลนลานเป็นอย่างมากของฉู่เซวียนลอดออกมาตามสาย เขาเคยเป็นคนไข้ของเสี่ยวเชี่ยน ดังนั้นจึงค่อนข้างให้เกียรติเสี่ยวเชี่ยน มองว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณ
เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินดังนั้นก็ใจหายวาบ หรือว่า—?
“คุณใจเย็นๆก่อนนะคะ แล้วบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาคุณ?”
“ช่วงหลายวันนี้เขาไม่ค่อยสบาย ผมเลยพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าเธอท้องได้สองเดือนแล้ว พวกเราดีใจกันมาก แต่ตอนที่พวกเราเดินออกมาอยู่ๆเธอก็หมดสติ พอฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าไม่รู้จักผม กรีดร้องเรียกหาโลนวูล์ฟ โลนวูล์ฟคือใครเหรอครับ?”