บทที่ 79

ทหารกว่า 4 พันนายนี้ต่างจากที่ถังหยินเห็นเมื่อวานมาก พวกเขาแต่งกายเรียบร้อยและมีเกราะกับอาวุธใหม่ในมือกันทุกคน

ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ไม่ว่าทหารจะแข็งแกร่งแค่ไหน ขอแค่มีขวัญและกำลังใจ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ด้วยดีเอง

เขาเดินขึ้นไปบนแท่นกลางลานทหารแล้วจ้องไปยังพวกเขาที่อยู่เบื้องล่าง จากนั้นก็ตะโกนออกมา “ทุกคน ข้าคือแม่ทัพเจิ้นเป่ยคนใหม่ เหตุผลที่พวกเจ้ามาที่นี่กันก็เพราะว่าพวกเราจะไปปราบพวกโจรกัน”

พวกเขาเงียบและกลั้นหายใจฟัง

ถ้าไม่มีกิจการ เขตปิงหยวนก็ไม่ใช่ที่สำหรับคนธรรมดาอยู่อาศัย และถ้าเกิดว่าคนธรรมดาไม่สามารถกินข้าวจนอิ่มสามมื้อ หรือขาดชุดนุ่งห่มในตอนหนาว ถ้างั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่ไกลต่อจากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกศัตรูภายนอก ดังนั้นพวกโจรที่กัดกินแคว้นอยู่จะต้องถูกกำจัด ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะทำงานร่วมกันได้ ไม่ต้องพูดถึงการปกป้องครอบครัวคนที่เรารักเลย อย่างน้อยพวกเราก็มีหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น ด้วยเครื่องแบบทหาร และอาวุธในมือ !

คำพูดของเขาก็พอใช้ได้ เรียบง่ายและเข้าถึง ยิ่งไปกว่านั้น การมารับตำแหน่งครั้งนี้ของถังหยินยังมาพร้อมกับคุณประโยชน์มากมายให้แก่ที่นี่ จึงทำให้เขาได้รับเกียรติและความเคารพอย่างสูง หลังจากชายหนุ่มกล่าวจบ เขาได้ยินพวกทหารพากันตะโกนออกมาว่า “กำจัดพวกโจร ! จัดการพวกหัวขโมย ! แขวนคอพวกผิดกฎหมาย ! ”

เสียงตะโกนดังก้องไปนานเท่านาน

แม้แต่จางโจวที่ไม่อยากจะทำงานนี้ก็ยังฮึกเหิมจนต้องทำตาม

ไป่หยงเองก็พยักหน้าให้กับถังหยินที่สามารถซื้อใจคนให้ทำตามได้มากขนาดนี้ เขาเริ่มคิดที่จะพลีกายรับใช้ชายหนุ่มไปจนขอบเหวนรกแล้ว !

ถังหยินพาทหารกว่า 4 พันนายออกจากเมืองเฮิงตรงไปยังค่ายพวกโจรฉางกวงอย่างสมเกียรติ

ไม่ทันไรพวกเขาก็มาถึงจุดที่กำหนดไว้ในเที่ยงของวันต่อมา

สามสันเขา คือสถานที่ที่พวกฉางกวงกบดานอยู่

ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามา ถังหยินก็ได้บอกให้ขบวนหยุดไว้และเรียกแม่ทัพเข้ามาวางแผนกันต่อไป

ชายหนุ่มนั้นยอมรับความเห็นของชิวเจิ้น จึงทำการแบ่งทหารออกเป็น 5 ร้อยนายเข้าไปบนเขาก่อน เพื่อหลอกล่อให้พี่น้องฉางกวงออกมา

ได้ยินแบบนี้ก็ทำให้ทุกคนส่ายหัวและคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป ถังหยินเป็นแม่ทัพ ถ้าเสียเขาไปยังไงก็จบไม่สวยแน่

ทว่าชายหนุ่มก็เป็นคนดื้อด้าน กู่เยว่และคนอื่นจึงไม่กล้าขัดคำสั่งเขา ทว่าไป่หยงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาพูดแย้งอย่างตรงไปตรงมา “ข้าว่ามันไม่จำเป็นหรอก”

ถังหยินถาม “อะไรที่ทำให้แม่ทัพไป่คิดว่าไม่จำเป็นหรือ ? ”

“ท่านถังคือแม่ทัพใหญ่ พวกเราไม่อาจเสี่ยงได้”

ด้วยข้อแก้ตัวแบบนี้ทำให้ถังหยินฉุกคิด ถ้าเขาไปแล้วแบบนี้มันจะไม่อันตรายต่อคนอื่นหรือ ? ไม่เพียงแค่เขาอาจจะพลาดท่าเสียชีวิต แต่มันก็อาจจะมีอันตรายต่อคนอื่นอีกด้วยเช่นกัน

ไป่หยงพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ท่านถังเองก็เป็นผู้ว่าเขต จะให้นำกำลังทหารแค่ 5 ร้อยเข้าไปจัดการโจรได้อย่างไร ? ถึงพวกมันจะไม่ฉลาด หากแต่พวกมันก็คงไม่โง่จนมองแผนนี้ไม่ออกหรอก”

ถังหยินมองเขาอย่างนุ่มลึก นี่เป็นจุดที่ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนจริง ๆ ใช่แล้ว เขาคือผู้ว่าเขต ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะสมที่จะนำทหารไปแค่ 5 ร้อยนาย

“แล้วแม่ทัพไป่คิดเช่นไร ? ”

“ให้ข้าไปเถิด !!! ถึงข้าจะไม่คุ้นชินกับพวกมันมากนัก แต่ข้าก็รู้นิสัยมันดี ดังนั้นจึงไม่ยากหรอกที่จะล่อพวกมันออกมา ! ” ไป่หยงตอบ

“ข้าเองก็เห็นด้วยที่จะให้ไป่หยงไปแทนเช่นกัน ! ” ชิวเจิ้นเห็นด้วย

ถังหยินครุ่นคิดและพยักหน้าให้ “เอาล่ะ แม่ทัพไป่จะไปแทนข้า และก็..” เขามองไปยังกู่เยว่และหลีเทียน “แม่ทัพกู่และแม่ทัพหลีก็ให้ติดตามไปด้วย เพื่อคอยระวังภัยให้แก่กัน”

กู่เยว่ หลีเทียน หลีเว่ย ซ่งเฉิน เฉินฟาง และอัยเจียต่างก็ได้รับตำแหน่งที่สำคัญบางจุดไปแล้ว ถึงพวกเขาจะไม่มีตำแหน่งที่สูง แต่ก็ไม่ต่ำเช่นกัน

ไป่หยงไม่คิดว่าพวกเขาจะไปด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน

ถังหยินส่ายหัวไปยังจางโจว “เอาแผนที่มาให้ข้า”

จางโจวรีบทำตามทันที

ชายหนุ่มรับมันมาและกางมันบนพื้น หลังจากมองมันสักพักก็ชี้ไปยังแผนที่ “ที่นี่คือรังโจร แม่ทัพหลี แม่ทัพซ่ง แม่ทัพเฉิน และแม่ทัพอัยจะอยู่ที่นี่คอยซุ่มโจมตี แม่ทัพไป่จะล่อพวกฉางกวงมาที่นี่ ! ” เขาลากนิ้วไปตามแผนที่

ไป่หยง กู่เยว่ และหลีเทียนเองก็มองอย่างจริงจังก่อนจะพยักหน้าให้

“แม่ทัพจางและทหารที่เหลือจะอยู่ที่นี่คอยดักพวกมันไว้ หลังจากแม่ทัพไป่ล่อพี่น้องโจรออกไป ก็ให้เข้าจัดการรังของพวกมันซะ”

“น้อมรับบัญชา ! ” ด้วยคำสั่งทหารถูกส่งออกไปแล้ว จึงทำให้จางโจวไม่อาจขัดขืนได้

หลังจากอธิบายทุกอย่างจบลง ถังหยินก็เก็บแผนที่และพาทุกคนเข้าไปในภูเขา

สำหรับพวกแม่ทัพที่เป็นหน่วยล่อ พวกเขาก็รีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเดินกันไปสักพัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงผิวปากมาจากด้านหน้า และเงียบหายไป

ไป่หยงที่เห็นกู่เยว่และหลีเทียนกำลังจับอาวุธในมือแน่นจึงยิ้มให้ แล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพไม่จำเป็นต้องตื่นตัวแบบนั้นหรอก พวกโจรมันกำลังส่งสัญญาณกลับไปยังรังของพวกมันเอง”

“พวกมันจะมาแล้วสินะ ? ” กู่เยว่ถาม

ไป่หยงก็มีอายุพอ ๆ กับตน หากแต่อีกฝ่ายกลับมีประสบการณ์ออกรบที่มากมายยิ่งนัก

“พวกเราต้องรออีกหน่อย ฟังจากเสียงแล้วพวกโจรเองก็ประหลาดใจกับการมาของพวกเรามากทีเดียว พวกมันไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน” ไป่หยงกล่าวอย่างสบายใจระหว่างที่ควบม้าอยู่

แน่นอนว่าพวกเขาเดินไปและไม่ได้พบเจออะไรสักนิดเดียว มีเพียงแค่เสียงผิวปากมากมายที่ดังขึ้นตลอดทาง

ทุกคนเข้าไปลึกขึ้นในภูเขา จากนั้นไป่หยงก็หยุดม้าและยกแขนขึ้นเพื่อให้ทุกคนหยุดลง

กู่เยว่ไม่เข้าใจจึงถาม “เกิดอะไรขึ้น ? ”

“ถ้าพวกเราไปต่อ จะไกลเกินกว่าที่ท่านถังกำลังซ่อนตัวอยู่” ไป่หยงมองไปด้านหน้า “เสียงพวกมันหยุดแล้ว ข้าคิดว่าพวกมันกำลังเตรียมกำลังพลออกมา”

กู่เยว่และหลีเทียนเริ่มสงสัย พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมไป่หยงถึงได้สงบเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขากำลังต้องเจอกับโจรพวกนั้นแล้วแท้ ๆ

ทั้งสองพึมพำในใจ ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านหน้าพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างดัง “ข้าละสงสัยเสียจริง ๆ ว่าใครกันที่กล้าพาคนเข้ามาที่นี่ กลับกลายเป็นแม่ทัพไป่ซะได้ ลมอะไรหอบท่านมากัน ? ”

ได้ยินแบบนี้ทุกคนก็ตะลึง

ชาย 2 คนเดินออกมาจากดงหญ้าด้านหน้า พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หยวนอู่ และ หยวนเปียว

ไป่หยงเดาถูก ! ทั้งสองมองหน้ากัน

ใบหน้าประหลาดใจของไป่หยงปรากฏและหายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อครั้งอดีตพวกเขาเคยเจอ 2 คนนี้ในเมืองเฮิงบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีอะไร จะมีก็แต่ความทรงจำอันเลวร้ายเสียมากกว่า

ไป่หยงมองทั้ง 2 คน และพูดอย่างแผ่วเบา “เพราะความสัมพันธ์ทำให้ข้าเลือกที่จะเมินพวกเจ้าไป แต่ครั้งนี้พวกเจ้าล้ำเส้นไปมากและกล้าที่จะปล้นท่านถัง วันนี้นี่แหละ มันจะเป็นวันที่พวกเจ้าจะต้องถูกจัดการ ! ”

หยวนเปียวหัวเราะดังก้อง “ไป่หยง เจ้าคือทหารที่เก่งกาจที่สุดของปิงหยวน ฟังข้านะ ออกจากกองทัพมาและเข้าร่วมกับพวกเราไปออกปล้นเมืองดีกว่า ถ้าไม่งั้นเจ้าได้ตายอย่างไร้ค่าแน่ ! ทำไมต้องหาเหาใส่หัวขนาดนี้ด้วย ? ”

ไป่หยงส่ายหัว “ถ้าเป็นเมื่ออดีตข้าก็คงคล้อยตาม แต่ตอนนี้มันต่างกันออกไป ท่านถังคือแม่ทัพที่เก่งกาจ และข้าก็เชื่อมั่นว่าท่านจะพาพวกเราไปสู่ความสงบสุขและความเสถียรภาพได้ พี่น้องฉางกวง ข้าแนะนำให้พวกเจ้าเลิกเป็นโจรแล้วหันมาติดตามแม่ทัพถังดีกว่า รับรองเลยว่าพวกเจ้าจะไม่เสียใจแน่ ! ”

“ไร้สาระ ! ผู้นำโง่นั้นจะพาเราไปตายกันหมด พวกแม่ทัพคนก่อน ๆ ก็พาทหารไปตายนักต่อนักแล้ว ข้าคิดว่าถังหยินเองก็ไม่ต่างกันมากนักหรอก ไป่หยงไม่จำเป็นต้องฟังข้าหรอก แต่ข้าว่าเจ้ารีบพาทหารออกไปได้แล้ว ไม่งั้น… ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะออกมา

“แล้วไง ? ”

“ไม่งั้น อย่าโทษพวกข้าที่จะฆ่าพวกเจ้าก็แล้วกัน ! ”

ไป่หยงหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดอย่างมาดมั่น “พวกโจรมันก็เป็นกันเช่นนี้ ความเลวร้ายที่พวกเจ้าทำมันได้ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลฉางกวงต้องเสื่อมเสียไปด้วย ! เจ้าพวกโจรใจทราม เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้าแบบนี้ ? ”

หยวนเปียวโกรธจัดจนสบถด่าอย่างรุนแรง “กล้าดีนัก ดี ในเมื่ออยากตาย ถ้างั้นก็เข้ามา ! ”

จากนั้นเขาก็โบกหอกวิ่งเข้าไปหาไป่หยง

เบื้องหน้าไป่หยงนั้นไม่ได้ทำเป็นกลัวพวกเขาเลย ทว่าในใจกลับระวังตัวสุดฤทธิ์ เขาคุ้นชินกับพลังของทั้งสองเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงรู้ดีว่าถ้าสู้กัน ยังไงตนก็แพ้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เขาก็ยังอยากที่จะรู้ว่าตัวเองนั้นสามารถยืนหยัดได้นานเท่าไหร่อยู่ดี !

เขาโดดลงมาจากม้าและชักดาบออกมาต้อนรับหยวนเปียว

“พวกเจ้าทั้งสองทำให้ข้าอับอายแทนหยวนจี้จริง ๆ ถ้าพวกเจ้าคิดจะยอมแพ้ตอนนี้ก็ยังทัน รับรองได้เลยว่าหยวนจี้จะไม่ว่าอะไรพวกเจ้าแน่ ! ”