บทที่ 80

คำพูดของไป่หยงทำให้หยวนเปียวโกรธจัด ซึ่งทางด้านหยวนอู่เองก็โมโหไม่แพ้กัน พวกเขาพากันระเบิดอารมณ์ออกมา ก่อนที่ 2 พี่น้องจะพากันพุ่งเข้าใส่ไป่หยงพร้อมกันทันที

ไป่หยงไม่สามารถรับมือ 2 พี่น้องนี่ได้แน่ ๆ เพียงชั่วพริบตาเขาก็อยู่ในระหว่างความเป็นความตายแล้ว

เมื่อเห็นแบบนั้นกู่เยว่และหลีเทียนก็ไม่รอช้า พากันกำอาวุธในมือแน่นและพุ่งเข้าไปช่วยทันที

ไป่หยงที่อยู่ท่ามกลางวงต่อสู้ เมื่อเห็นอีก 2 คนเปิดช่องว่างให้ เขาก็คิดว่าได้เวลาแล้ว ดังนั้นจึงกระโจนหลบออกมาแล้ววิ่งกลับไปที่ม้า หลังจากขึ้นขี่เรียบร้อย เขาก็หันกลับมาตะโกนใส่โจร 2 พี่น้องว่า “พวกเจ้าเป็นคนประเภทไหนกันถึงได้รุมทำร้ายคนคนเดียวแบบนี้ ? ข้าคงต้องหนีไปก่อน เอาไว้ค่อยมาสู้กับพวกเจ้าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ! ”

พวกฉางกวงเป็นพวกความอดทนต่ำ เมื่อพวกเขาถูกยั่วยุ ถ้างั้นก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้ง่าย ๆ

ทั้งสองเมินคนอื่นอย่างสิ้นเชิง และไล่ตามไป่หยงแต่เพียงผู้เดียว “ไป่หยง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ”

ไป่หยงไม่สนคำเหล่านั้น เขาควบม้าให้วิ่งไปอย่างรวดเร็วจนม้าเริ่มเหนื่อยอ่อน ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะวิ่งหายเข้าไปในป่าข้างทาง

เมื่อเห็นแบบนี้ พี่น้องฉางกวงก็นึกยินดีในทันที การที่ไป่หยงเข้าป่าไปแบบนี้ก็เท่ากับว่าตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ! เพราะทั้งสองนั้นรู้สถานที่แห่งนี้ดี ป่าที่ไป่หยงกำลังเข้าไปนั้นกว้างใหญ่มาก มันเต็มไปด้วยต้นหญ้าและเถาวัลย์มากมาย อย่าว่าแต่ม้าเลย ถ้ามีเสืออยู่ก็มองไม่เห็น

เมื่อเห็นไป่หยงวิ่งเข้าไปในนั้น พี่น้องฉางกวงจึงตามเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งทางด้านกู่เยว่และหลีเทียนเองก็ควบม้าตามหลังมาพร้อมด้วยทหารอีก 5 ร้อยนาย

ไป่หยงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าป่าที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์มากมายแบบนี้มันทำให้ม้าของเขาล้มลง

ไม่นานนักหลังจากที่ไป่หยงเข้าไปในป่า ข้าของม้าทั้ง 4 ข้างก็ถูกมัดเอาไว้จนขยับไม่ได้

เมื่อเห็นแบบนี้พวกฉางกวงก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน หยวนเปียวเองก็เดินมาข้างหน้า “ไป่หยง วิ่งต่อไปสิ เจ้าไม่หนีแล้วหรือไง ? ”

ไป่หยงหน้าบิดเบี้ยว เขากระโดดลงมาจากม้าพร้อมชักดาบออกมาประจันหน้ากับสองพี่น้องฉางกวงด้วยเสียงอันสั่นเครือ “เจ้า… อย่าได้ใจให้มันมากนัก ! ”

เมื่อเห็นท่าทางดื้อด้านนี้ หยวนเปียวก็ยิ่งโกรธจัด “พี่ข้าบอกว่าเจ้าน่ะพิเศษกว่าใคร ๆ ไป่หยง แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว”

แทนที่หยวนเปียวจะได้ระบายความโกรธออกมา แต่กลับเป็นไป่หยงที่รีบวิ่งหายเข้าไปในป่าอย่างไม่เห็นฝุ่น ระหว่างที่วิ่งไปเขาก็ถางทางไปด้วยดาบของเขาราวกับสุนัขจนตรอก

“บ้าเอ๊ย ! มาดูกันซิว่าเจ้าจะหนีไปถึงไหนกัน ! ” หยวนเปียววิ่งไล่ตามไป่หยงไป พวกเขาพากันยกหอกขึ้นสูง ก่อนจะเล็งและปาเข้าใส่หลังของอีกฝ่าย

ถึงจะไม่ใช่อาวุธปราณ แต่ด้วยพละกำลังของเขา มันก็ยังทำให้เป้าหมายสามารถบาดเจ็บถึงตายได้อยู่ดี

ไป่หยงที่ไม่อาจหลบได้ ในวินาทีนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผิวปากจากอากาศ

หยวนเปียวเป็นคนที่เริ่มตอบโต้คนแรก หอกของเขาที่พุ่งออกไปหมุนตัดเป็นแนวขวางสกัดกั้นลูกธนูจากด้านข้างได้อย่างสวยงาม

มีศัตรูในป่า ! หยวนเปียวตะลึง ก่อนจะหันมองไปยังทิศทางของลูกศร

ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ แต่ในขณะที่กำลังมองไปรอบ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงจากหยวนอู่ดังออกมา “หยวนเปียวข้างหลัง…”

ด้านหลัง ? หยวนเปียวเพิ่งจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่ามีคนอยู่ข้างหลังและแอบโจมตีเขานั่นเอง อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปที่จะนำหอกกลับมาป้องกันหรือหนีถอนตัว เขาไม่อาจช่วยหยวนอู่ที่อยู่ข้างหลังได้ด้วยซ้ำ

จู่ ๆ ก็เกิดเสียงร้องดังขึ้น หยวนเปียวยังไม่ทันได้หันไปมอง เขาก็รู้สึกราวกับว่าหลังของตนถูกกระแทกด้วยวัวป่าจนตัวกระเด็นไปด้านหน้า

พลุ่บ !

หยวนเปียวลอยออกไป 1 จั้ง ก่อนจะหยุดลงและตัวสั่นเล็กน้อย เมื่อมองมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็ขาวซีด ส่วนที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา

เขาพยายามลุกขึ้นจากพื้น หากแต่ก็สายไปแล้ว หยวนเปียวรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ลำคอ ดาบปราณเล่มหนึ่งจ่อมาที่คอของเขา ว่าแล้วหยวนเปียวก็หันไปเห็นผู้ฝึกยุทธ์ในชุดเกราะสีดำยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

แม้ว่าวิชาธนูของถังหยินจะไม่เก่งกาจเท่าหลีเทียน แต่ก็ไม่อ่อนด้อยขนาดนั้น เขาจัดการยิงธนูเพื่อเรียกร้องความสนใจไปทางอื่นเท่านั้น ไม่ใช่การโจมตีที่ผิดพลาดแต่อย่างใด ! ซึ่งชายหนุ่มก็ได้อาศัยจังหวะที่สร้างขึ้น ชักดาบออกมา และเข้าถึงตัวหยวนเปียว

โชคยังดีที่เขายังเชื่อฟังชิวเจิ้นอยู่บ้าง และไม่ได้จัดการอีกฝ่ายในทันที ถังหยินเพียงแค่ฟาดด้านที่ไม่คมเข้าใส่หลังหัวของหยวนเปียวเพื่อทำให้เขาสลบ แต่ด้วยแรงมหาศาล มันก็ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย

แน่นอนว่าด้วยพลังของหยวนเปียวเองก็ไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่ หากแต่เป็นเพราะเขาพลาดท่า ออกไล่ล่าโดยไม่สวมเกราะปราณ และไม่ระมัดระวังว่าจะอาจมีใครใช้วิชาศาสตร์มืดเช่นนี้ได้

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตอนนี้เขาจนมุมด้วยดาบของถังหยิน ซึ่งมันก็สายเกินไปที่จะทำอะไรแล้ว

“หยวนเปียว ! ” เมื่อเห็นน้องของเขาได้รับบาดเจ็บ หยวนอู่เองก็เกือบจะระเบิดความโกรธออกมา เขาพุ่งเข้าใส่ถังหยินพร้อมหอกในมือ

โดยไม่รีรอให้เข้าถึงตัวถังหยิน ไป่หยงที่วิ่งหนีหายไปก็กลับมาป้องกันหยวนอู่ไว้ได้ด้วยดาบของเขา

ในครั้งนี้หยวนอู่เองก็เกือบจะบ้าตาย เขาปลดปล่อยพลังทุกอย่างออกมาครอบคลุมอาวุธและชุดเกราะของตัวเอง แถมยังปล่อยปราณกดดันและคลื่นปราณออกมาด้วย

ไป่หยงเข้าปะทะกับเขาไป 3 รอบ หากแต่ทุกรอบก็ล้วนแต่ต้านไว้ไม่ไหวจนต้องถอยร่นกลับมาทุกครั้งไป

ตอนนี้กู่เยว่และหลีเทียนที่ตามมาทันก็เริ่มเข้าปะทะกับอีกฝ่ายแล้ว

กู่เยว่เงื้อดาบในมือขึ้น เพื่อช่วยไป่หยงต่อสู้กับหยวนอู่ ส่วนทางด้านหลีเทียนเอง เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปบนยอดไม้คอยยิงธนูสนับสนุน

ต่อให้ทั้งสามจะรุมหยวนอู่ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความได้เปรียบมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไป่หยงและกู่เยว่ที่ล้มลงพื้นแทบจะทุกครั้งไป

ทางด้านถังหยิน เขาได้ตะโกนบอกให้คนมาที่หยวนเปียว “จับเขามัดไว้!”

หลีเว่ย ซ่งเฉิน เฉินฟาง และอัยเจียพากันเข้ามาล่ามโซ่ชายคนนี้เอาไว้ราวกับเป็นขยะกองหนึ่ง

โซ่เหล็กพวกนี้ถูกทำขึ้นพิเศษ มันมีความแข็งแกร่งทนทาน ต้องใช้แรงของชายฉกรรจ์เกินกว่า 2 คนถึงจะทำลายทิ้งได้ ดังนั้นหยวนเปียวจึงไม่สามารถหลบหนีไปได้

หยวนเปียวในตอนนี้นั้นกลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว เขาถูกจับกดพื้นต่อหน้าทุกคนโดยมีถังหยินอยู่ข้าง ๆ “ถังหยิน ! เจ้าเป็นใครกันแน่ ? ถ้าเจ้ามีความเป็นลูกผู้ชายละก็ มาสู้กับข้าตรง ๆ เซ่ ลอบกัดแบบนี้มันไม่ใช่วิถีทางของแม่ทัพ ! เจ้าคนขายชาติ เจ้าคนทรยศ เจ้าคนสับปลับ…”

ถังหยินไม่มองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาเอามืออุดหูตัวเอง ก่อนจะร้องสั่งลูกน้องของตนว่า “บอกให้มันหุบปาก ! ”

“ขอรับ ! ” หลีเว่ยตอบรับและเดินไปหยิบเศษผ้ามาปั้นเป็นก้อนยัดเข้าปากของหยวนเปียว

“อื้อ อื้อ” หยวนเปียวที่ไม่เคยได้รับการ ‘ดูแล’ แบบนี้มาก่อนในชีวิต จึงทำให้เขาโกรธจัดจนหน้าเกือบจะเป็นสีแดง และด้วยอาการบาดเจ็บ มันจึงทำให้เขาแทบจะสลบ

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ถังหยินก็เดินไปหาหยวนอู่ที่กำลังต่อสู้อยู่

เดินไปได้สองก้าว ร่างของเขาก็หายไปและมาปรากฏตัวข้างหยวนอู่ พร้อมกับดาบทั้งสองเล่มที่กำลังเหวี่ยงเข้าหาอีกฝ่าย

ในเวลานี้หยวนอู่เองก็ระวังตัวมากทีเดียว เมื่อเห็นอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เขาก็ไม่รอช้า เสือกแทงหอกไปที่จุดนั้นทันที !

เคร้ง !

ดาบคู่ถูกขวางเอาไว้ได้จนเกิดประกายไฟใหญ่

ไม่มีอาวุธของใครเข้าถึงตัวของกันและกันเลย

“ไอ้ระยำเอ๊ย จงดูข้า ! ”

หยวนอู่เป็นคนโมโหร้าย หอกยาวของเขาปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาพุ่งเข้าใส่ถังหยิน

นี่คือวิชา ระบำบุปผา

ระยะของวิชานี้กว้างมาก และเนื่องจากเขาใช้มันใกล้กับถังหยิน จึงทำให้แทบจะปิดทางหนีของชายหนุ่มไปได้ทันที

พวกเขามีระดับพลังที่ต่างกันมาก ดังนั้นถังหยินจึงไม่สามารถรับมือตรง ๆ ได้ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงได้แต่รอความตายไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับถังหยิน !

เมื่อท่าระบำบุปผากำลังจะถึงตัวเขา เขาก็หายไปในอากาศ

หยวนอู่ตะลึง และเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นใช่ศาสตร์มืดอีกครั้ง

เขาไม่คิดอะไรทั้งนั้น และแทงปลายหอกอีกด้านไปข้างหลัง

ช่างฉลาดเสียจริง ! ถังหยินใช้วิชาสับเปลี่ยนเงา และแน่นอนว่าเขาเคลื่อนย้ายไปข้างหลังอีกฝ่าย แต่หยวนอู่เองก็จับทางได้จึงแทงหอกเข้าไปด้านหลัง

“รับดาบข้าซะ ! ”

โดยไม่รอช้า ไป่หยงกับกู่เยว่ก็ฟันดาบเข้าใส่หยวนอู่จนทำให้อีกฝ่ายไม่มีทางเลือก เขาได้แต่ใช้หอกของตนเข้าป้องกันเอาไว้ และเมื่อเขาป้องกัน ลูกธนูของหลีเทียนก็พุ่งเข้ามา

เมื่อหลบหอกศรนั้นได้ มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ หลีเว่ย ซ่งเฉิน และเฉินฟางได้เข้ามาล้อมตัวหยวนอู่เอาไว้แล้ว !