บทที่ 85 ดื้อด้าน![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 85 ดื้อด้าน![รีไรท์]

ไอ้อ้วนกล่าวด้วยความจริงใจ จริงจังและตั้งใจมาก

เฉินฮั่นหลงเองก็กำลังตั้งใจไตร่ตรอง ทันใดนั้นเขาก็ผงกหัวขึ้น จ้องมองไปที่ชายอ้วนอย่างจริงจังพร้อมกล่าวว่า “ถ้าฉันบอกว่าน้ำยาเทวะไม่มีสูตร นายจะเชื่อไหม?”

ไอ้อ้วนจ้องมองเฉินฮั่นหลงอย่างแปลกใจ และไม่กล่าวอะไรสักคำ แต่ท่าทางของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่ออย่างแน่นอน

เฉินฮั่นหลงจ้องมองไปยังทุกคนแล้วเกิดตกใจ โม่ซิงเหอและคนอื่น ๆ ต่างก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียวด้วยความรู้สึกสงสัย

เฉินฮั่นหลงอยากร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา น้ำยาเทวะเป็นเพียงน้ำค้างในคฤหาสน์ของฉู่ชวิ๋น  เขาเก็บรวบรวมมันไว้ในขณะที่มันละลายจะเอาสูตรมาจากที่ไหนล่ะว่ะ?

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยที่มาของน้ำยาเทวะได้ มันจะทำให้เกิดปัญหาตามมาไม่รู้จักจบจักสิ้น

“ฉันไม่มีสูตร ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม!” เฉินฮั่นหลงตะโกนขึ้น

“เฉินฮั่นหลง ผลลัพธ์ของน้ำยาเทวะนั้นน่าทึ่งมาก แม้ว่าเราจะไม่ได้มันไป แต่กองกำลังอื่นๆ ก็ไม่ปล่อยมันไว้แน่นอน ตอนนี้พวกกลุ่มดาวทั้งสิบสองได้ขอร้องให้ใครบางคนทำลายค่ายกลนี้ซะ พวกคุณหลบภัยได้อีกไม่นานหรอกนะ”

ไอ้อ้วนกำลังวิเคราะห์ถึงผลได้ผลเสียของสิ่งนี้อย่างระมัดระวัง โดยหวังว่าเฉินฮั่นหลงจะยอมมอบสูตรของน้ำยาเทวะออกมา

เฉินฮั่นหลงทำอะไรไม่ถูก เขาไม่สามารถอธิบายหรือพิสูจน์ได้ว่า เขาไม่มีสูตรของน้ำยาเทวะจริงๆ

“ฉันจะพูดซ้ำอีกรอบน่ะว่า น้ำยาเทวะไม่มีสูตร ต่อให้นายจะฆ่าหรือถลกหนังฉันออกมา ฉันจะไม่ว่าแม้แต่น้อย แต่ขอให้พวกนายจำไว้ ไม่ว่านายจะเป็นองค์กรแบบไหนและแข็งแกร่งเพียงใด นายจะต้องเสียใจกับสิ่งที่นายทำในอนาคตอย่างแน่นอน” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยความโกรธ

“ไอ้คนดื้อด้าน!” คนอ้วนกระทืบเท้าของเขาด้วยความโกรธ ทำให้ห้องใต้ดินสั่นสะเทือนไปสักพัก

“แกจะตายเองนะ ถึงตอนนั้นฉันจะไม่ช่วยพูดอะไรให้เลยบอกให้!”

เฉินฮั่นหลงแค่นเสียงออกจากจมูกและหยุดพูด เขาไม่คิดว่าจะมีใครสามารถทำอะไรกับค่ายกลของฉู่ชวิ๋นได้

“ปล่อยฉันออกไป” ไอ้อ้วนเริ่มโกรธ

“เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หน่อย ตอนนี้นายเป็นตัวประกันน่ะ” เจิ้งก่วงอี้กล่าว

ไอ้อ้วนไม่ได้รู้สึกรู้สากับการเป็นตัวประกันเลย เขาพูดด้วยความโกรธว่า “ฉันจะออกไปแล้วพยายามคิดหาวิธีช่วยพวกนาย จะเอาอาหารและน้ำมาให้ อย่าอดตายก่อนที่พวกมันจะเข้ามา”

“หืม คิดว่าพวกเราไร้เดียงสาขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าแกเกิดเล่นตุกติกขึ้นมาล่ะ? คิดว่าพวกเราเป็นเด็ก 3 ขวบรึไง? อย่างแกเนี่ยนะ จะใจดีช่วยพวกเรา?” เฉินฮั่นหลงแสดงท่าทีไม่พอใจ

ใบหน้าของไอ้อ้วนบูดบึ้งเหมือนขนมปังก้อนใหญ่ แล้วเขาก็พูดด้วยความโกรธ “ฉันสาบานในนามของพรรคฉัน” คำพูดที่อยู่ด้านหลังหยุดลงอย่างกะทันหัน

“แกเป็นคนของประเทศงั้นเหรอ?” (คนของประเทศ ในที่นี้หมายถึงคนที่ทำงานให้กับประเทศจีนภายใต้การปกครองของหน่วยงานรัฐ) เฉินฮั่นหลงตกตะลึง

โม่ซิงเหอและคนอื่น ๆ จ้องที่ไปที่ไอ้อ้วนด้วยความตกใจ ไอ้อ้วนหันมองเขาอย่างเงียบ ๆ สบตา 2-3 ครั้งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ว่า “ฉันต้องเป็นคนของประเทศสิ ฉันรักประเทศจีน ฉันรักประเทศของพวกเรา”

เสียงของไอ้อ้วนเริ่มเบาลงเรื่อยๆ เพราะเฉินฮั่นหลงมองดูเขาด้วยสายตาที่งี่เง่าที่สุด

“พูดต่อสิ” เฉินฮั่นหลงประชด

ชายอ้วนไม่สามารถแสดงต่อไปได้อีก

“โอเค! ตอนนี้ก็รู้แล้วน่ะ ฉันจะไม่ปิดบัง ฉันเป็นคนของประเทศ ได้รับคำสั่งให้เอาสูตรน้ำยาเทวะกลับไป”

คนของเฉินฮั่นหลงรู้สึกงงงวยและลิ้นพันกัน พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าคนแรกที่อยากได้น้ำยาเทวะคือประเทศนี้

“เป็นไปไม่ได้ ถ้ารัฐต้องการมันจริงๆ ย่อมต้องถามฉันโดยตรง จะใช้วิธีการที่เลวร้ายแบบนี้ได้ยังไง?” เฉินฮั่นหลงไม่เชื่อ เขาสงสัยในตัวตนแท้จริงของไอ้อ้วนมาก

ไอ้อ้วนมองไปที่เฉินฮั่นหลงอย่างประหลาดใจ

“คนของเราติดต่อคุณถึง 3 ครั้ง แต่การกระทำของคุณไม่เหมือนกับคนที่จะพูดด้วยดี ๆ ได้“

3 ครั้งเหรอ? เฉินฮั่นหลงคิดเกี่ยวกับมัน เขาเงยหน้าขึ้นและก็จำได้

“แม่ง คนโง่สามคนนั้นเป็นคนของนายเหรอ?” ไอ้อ้วนไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเมื่อได้ยินแบบนี้

เฉินฮั่นหลงนึกถึงการกระทำของชายสามคนนั้น รูจมูกของเขาก็ฟึดฟัดด้วยความโกรธ ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นมีชาย 3 คน มาหาพวกเขาเพื่อมาขอสูตรของน้ำยาเทวะในนามของรัฐ  เขาโกรธมากจนให้คนของเขาโยนพวกมันออกไปทีละคน

“เฉินฮั่นหลง มอบสูตรของน้ำยาเทวะให้ฉันเถอะ ฉันหวังดีจริง ๆ พวกเราต่างก็เป็นคนของประเทศ น้ำยาเทวะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ส่งมันมาเถอะ! แล้วฉันจะรับรองความปลอดภัยให้กับพวกคุณได้ อีกทั้งยังสามารถชดเชยให้พวกคุณได้ด้วย”

เฉินฮั่นหลงและเจิ้งก่วงอี้มองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน พวกเขาผ่านร้อนผ่านหนาวกันมามากกว่า 10 ปี และเคยเจอเรื่องมามากมาย

คนเหล่านี้อาจเป็นสมาชิกขององค์กรรัฐจริง แต่นี่อาจจะไม่ใช่คำสั่งของประเทศ แต่ได้รับคำสั่งจากใครบางคนมากกว่า

“อย่างนายเหรอจะปกป้องฉัน? นายควรคิดมากกว่าว่าจะปกป้องตัวเองได้ยังไง?” เฉินฮั่นหลงเย้ยหยัน เขาหันไปหาโม่ซิงเหอและพูดว่า “โม่ซิงเหอ คุณช่วยหยุดเขาและค้นหาเอกสารยืนยันตัวตนหน่อยได้ไหม?”

โม่ซิงเหอไม่หือไม่อือ แต่ไอ้อ้วนกลับดึงหนังสือสีแดงเล่มเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว เฉินฮั่นหลงคว้ามันเปิดออกและพูดว่า “หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ หน่วยดาวสมาชิกกลุ่มนักษัตร หมูฮัน”

ไม่ว่าหนังสือรับรองตัวตนเล่มนี้จะถูกต้องหรือไม่ แต่ชื่อของชายอ้วนทำให้หลาย ๆ คนที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งค้าง ชื่อช่างสมน้ำสมเนื้อจริง ๆ

“มันไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม?” เฉินฮั่นหลงมองดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาไม่ได้รู้เรื่องเลย แค่ทำท่าทีไปเท่านั้น

“ไม่มีใครกล้าที่จะปลอมแปลงของแบบนี้หรอก” ไอ้อ้วนพูดอย่างจริงจังแล้วยื่นมือออกมา

เฉินฮั่นหลงไม่ต้องการที่จะส่งคืน แต่เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ที่จริงจังของไอ้อ้วนเขาจึงส่งมันคืนไป เดิมทีเฉินฮั่นหลงไม่ได้คิดจะคืน แต่เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของไอ้อ้วนจึงคืนกลับไป ดูจากรูปร่างหน้าตาของไอ้อ้วนแล้ว เหมือนว่าเอกสารของเขานั้นจะเป็นของจริง

เฉินฮั่นหลงอดคิดไม่ได้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้ว คิดไม่ถึงว่าภูมิหลังของคนเหล่านี้คือระดับประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เจิ้งก่วงอี้และคนอื่น ๆ ก็นิ่งเงียบเช่นกัน รัฐเข้ามาแทรกแซง มันไม่ได้หมายความว่าเล็กหรือใหญ่ แต่ใครจะกล้าต่อสู้กับรัฐ แม้ว่าเราจะรู้ว่านี่ไม่ใช่ความต้องการของรัฐ แต่เราก็ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังอย่างเปิดเผย

“น้ำยาเทวะไม่มีสูตร”

เสียงของเฉินฮั่นหลงลดลงเบาลง แต่ได้ยินเสียงตู้มและห้องใต้ดินทั้งหมดสั่นสะเทือนเล็กน้อย

เกิดอะไรขึ้น?

ทันทีที่ใบหน้าของไอ้อ้วนเปลี่ยนไป พวกเขาก็เริ่มวิ่งไปที่หน้าถ้ำ เฉินฮั่นหลงไม่รีบร้อน เขาไม่กลัวว่าชายอ้วนที่วิ่งหนีไป เขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าและออกจากที่นี่ได้อย่างอิสระ

ทุกคนสงสัยว่าทำไมไอ้อ้วนถึงรีบเร่งและติดตามไปอย่างใกล้ชิด ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าปีศาจหนูยังอยู่ แต่ยืนหันหลังให้พวกเขา

“ปล่อยฉันออกไปเร็วเข้า ปีศาจหนูหยุดพวกมันไม่ไหวแล้ว” ไอ้อ้วนพูดอย่างรีบร้อน

“ทำไมต้องหยุดพวกมันด้วย?” เฉินฮั่นหลงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“พวกเขาไปเชิญผู้มีฝีมือมาทำลายค่ายกลนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพบแล้ว แรงสั่นสะเทือนเมื่อกี้เกิดจากการทำลายค่ายกล”

“ผู้มีฝีมือ? ทำลายค่ายกล?“

เฉินฮั่นหลงตกใจแล้วหัวเราะ “ไม่ต้องหยุดพวกมัน ปล่อยให้พวกมันมาเลย”

เขาไม่เชื่อว่าค่ายกลที่ฉู่ชวิ๋นทำขึ้นมาจะแตกได้ บนพื้นดินมีคนจำนวน 4 คนที่กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจหนู

“ออกไปให้พ้นทาง” ผมสีบลอนด์ของลีโอนั้นสะท้อนแพรวพราวและน้ำเสียงของเขาก็เหมือนเสียงฟ้าผ่า

เขาจ้องมองไปที่ปีศาจหนู นัยน์ตาของปีศาจหนูเปล่งประกาย แล้วถอยกลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ช่างกล้าหาญเหลือเกิน” เฉินฮั่นหลงอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนม

ใบหน้าของไอ้อ้วนรู้สึกอับอาย มันคือปีศาจหนูปอดแหก ทำให้กลุ่มนักษัตรขายหน้าโดยแท้ เขาลืมไปเสียสนิทว่าตนเองก็เคยหวาดกลัวโม่ซิงเหอมาก่อน

“ไอ้โง่เง่า ทั้งที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ยังจะสู้ ไม่ดูสถานการณ์บ้างเลย ไม่เห็นเหรอว่าฝ่ายตรงข้ามมี 4 คน?” ไอ้อ้วนพูด

“เหอะ ขี้ขลาดตาขาว หนูปอดแหก” เฉินฮั่นหลงดูถูก ส่วนไอ้อ้วนก็ยืนตัวสั่น

“ท่านจอมยุทธ์ไร้นาม ขอรบกวนด้วย!”

เมื่อเห็นปีศาจหนูถอยหลังกลับ ลีโอก็พูดกับชายคนหนึ่งวัย 40 ปี เขาสวมเสื้อคลุมเต๋าพร้อมใบหน้าซีดเซียวและมีเคราแพะ ท่านผู้สูงส่งเป็นอมตะ ดูภาคภูมิใจ ส่งเสียงฮึมฮัม เขาก้าวไปข้างหน้าที่ปากถ้ำแล้วค่อยๆ เอื้อมมือขึ้น

หึ่งๆ

แสงสว่างเริ่มทำงาน ขอบเขตบางอย่างที่เบาบางรวมตัวกัน ด้านบนเป็นการไหลเวียนของแสงสว่าง เพียงแค่ยกมือขึ้น มันก็ทำให้เส้นขอบเขตของค่ายกลจางลง ในที่สุดก็มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอีกต่อไป

“เป็นไงบ้างท่านจอมยุทธ์ไร้นาม?” ไพซ์ซีสที่ผอมแห้งถามขึ้น

จอมยุทธ์ไร้นามลูบเคราแพะและพูดอย่างภาคภูมิใจ

“ถึงแม้ว่าค่ายกลจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ฉันก็พบวิธีที่จะทำลายมันได้ ไม่ต้องกังวล”

จอมยุทธ์ไร้นามจับฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในมือของเขา บีบนิ้วมือของเขาด้วยมือเดียว และพูดอะไรบางอย่างที่ปาก

“ดวงเนตรจงเปิดออก!”

ด้วยเสียงเบาๆ ฝุ่นที่ลอยอยู่ในมือของจอมยุทธ์ไร้นามก็ล่องลอยออกไป ฝุ่นที่นุ่มนิ่มกลายเป็นเข็มเหล็ก ซึ่งถูกผูกติดกับพื้นโดยตรงไปทางซ้ายมือของเขา 3 เมตร และพื้นถูกระเบิดออกอย่างหยาบๆ ซึ่งน่ากลัวมาก

ใบหน้าของจอมยุทธ์ไร้นามเผยสีหน้าพึงพอใจ เขาหันกลับมาแล้วพูดว่า

“ใจกลางของค่ายกลถูกพบแล้ว ฉันจะทำลายค่ายกลนี้ซะ เตรียมตัวให้พร้อม” ลีโอ ไพซ์ซิส และซาจิทแทเรียสพยักหน้า

ปีศาจหนูก้มหัวลง ดวงตาจ้องมองพื้นเจิดจ้า ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ โม่ซิงเหอและอีกหลายคนหัวใจกระตุกวูบ ต่างรู้สึกว่าหรือพลังของค่ายกลจะถูกทำลาย?

ถ้าค่ายกลถูกทำลาย พวกเขาจะกลายเป็นเนื้อบนเขียงดีๆ นี่เอง นอกจากโม่ซิงเหอแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีทางหนีพ้น

“ยังไม่มอบสูตรน้ำยาเทวะให้ฉันอีก ถ้าช้าอีกจะไม่ทันกาลแล้วน่ะ!” คนอ้วนร้องครวญคราง

เฉินฮั่นหลงร้องหึอย่างเย็นชา

“หน้าตาเหมือนผีแบบนั้น ยังอยากจะทำลายค่ายกลของนายท่านอีก ไม่ดูพลังตัวเองเอาซะเลย“

เฉินฮั่นหลงพูดเสียงดัง เขาจงใจเพื่อให้คนภายนอกได้ยิน แน่นอนว่าจอมยุทธ์ไร้นามได้ยิน และจ้องมองไปที่เฉินฮั่นหลงอย่างดุร้ายผ่านช่องประตู

“เมื่อฉันทำลายค่ายกลลงแล้ว ฉันจะถลกหนังแกและทำให้แกเป็นอัมพาต ต้มให้แกกลายเป็นน้ำมันตะเกียง” จอมยุทธ์ไร้นามกล่าว แม้ว่าจะมีค่ายกลกั้นกลาง เฉินฮั่นหลงก็ยังรู้สึกหนาวยะเยือกในหัวใจ เหมือนห่านสะบัดขนลุกตั้งชัน

แต่ในขณะเดียวกัน คำพูดของจอมยุทธ์ไร้นามก็กระตุ้นความแข็งแกร่งของเฉินฮั่นหลง เขาเปิดปากของเขาและด่าออกไป

“ไอ้เฒ่า แกยังมียางบนหน้าอยู่ไหม? สภาพแบบนั้นยังกล้าเรียกตัวเองว่าเซียนอีกน่ะ สภาพอย่างกับผี เรียกผีดีกว่ามั้ง ยังไงแกก็ไม่ต่างอะไรกับผีอยู่แล้ว ชื่อนี้เหมาะกับแกมาก!”

เฉินฮั่นหลงด่าอย่างมีความสุข แต่ไอ้อ้วนกลับเริ่มกลัว

เฉินฮั่นหลงด่าจอมยุทธ์ไร้นาม เพราะเขาไม่รู้จักตัวตนของจอมยุทธ์ไร้นาม เขาคือผู้ฝึกเป็นเทพ อุบายมากมาย คาดเดายากและน่ากลัว เคยมีหัวหน้าแก๊งคนหนึ่งทำให้เขาโกรธเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ จอมยุทธ์ไร้นามฆ่ายกแก๊งและสังหารทั้งหมด 200 คน

เหตุการณ์นี้มีผลกระทบอย่างมาก รัฐบาลจึงสั่งให้จับกุมจอมยุทธ์ไร้นามแต่ผ่านมาไม่กี่ปี ชีวิตของจอมยุทธ์ไร้นามแทนที่จะถูกดึงลงต่ำ กลับกลายเป็นว่าเขารับจ้างฆ่าคน

ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่ส่วนกลางก็เกรงกลัวเขา จึงสั่งให้มีการจับกุมเขาอย่างลับ ๆ ด้วยอาวุธที่ล้ำสมัย คนโดยทั่วไปเข้าใจว่าเขาถูกจับกุมตัวแล้วอย่างลับๆ แต่ว่าจอมยุทธ์ไร้นามถูกว่าจ้างโดยรัฐและเข้าร่วมกับองค์กรระดับชาติ

ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์ไร้นามจะทำงานให้ประเทศแล้ว แต่รูปแบบการทำงานของเขาก็เหมือนเมื่อก่อน ไม่มีจุดจบสำหรับคนที่ทำให้เขาขุ่นเคือง เพราะฉะนั้น เมื่อเฉินฮั่นหลงตะโกนด่าเขา ผู้คนจึงมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน

เจิ้งก่วงอี้ ซุนหยิง และคนอื่นรู้สึกตื่นตัว พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาหลายครั้งหลายหน จึงรู้สึกสบายใจ ไอ้อ้วนและปีศาจหนูต่างก็มีความกังวลในสายตา ความสยองขวัญสุดขั้วหัวใจนี้

ลีโอ ไพซ์ซิส ซาจิทแทเรียส และคนอื่น ๆ จ้องมาที่เฉินฮั่นหลง สายตาไร้ความรู้สึกราวกับมองดูคนที่ตายแล้ว