บทที่ 84 สิบสองนักษัตร[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 84 สิบสองนักษัตร[รีไรท์]

ตู้ม!

ไอ้อ้วนกลิ้งลงบันไดหินและชนเข้ากับกำแพงหินด้านหน้าก่อนที่จะหยุดลง ผลกระทบคือทั้งห้องใต้ดินสั่นสะเทือนทันที

“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว”

เฉินฮั่นหลงและคนอื่นๆ ตกตะลึงมาก

ถึงแม้ว่าชายอ้วนจะลุกขึ้นยืนแล้ว เขาก็ยังล้มหัวกระแทกพื้นอีกครั้ง ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะเสียชีวิตไปแล้วด้วยอาการหัวแตกจนเลือดไหลไม่หยุด ซึ่งนี่เป็นการพิสูจน์แล้วว่าไอ้อ้วนนี้ไม่ใช่คนปกติธรรมดา

โม่ซิงเหอรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อกดดันไอ้อ้วนเอาไว้

“ช้าก่อน…”

ไอ้อ้วนดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วและหันกลับมาอย่างรุนแรง ความเร็วในการหมุนไม่สอดคล้องกับรูปร่างของเขาเลย เขาวางมือบนร่างกาย ทำให้ไขมันบนร่างของเขาสั่นสะเทือน

โม่ซิงเหอวางมือลงแล้วดูชายอ้วนอย่างระมัดระวัง

“ทุกคนไม่ต้องกังวล เราเป็นผู้มีอารยธรรม มีอะไรก็พูดจากันดีๆ อย่าต่อสู้หรือฆ่าแกงกันเลย มันป่าเถื่อนเกินไป” ไอ้อ้วนปัดร่างของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจง

เมื่อมองดูใบหน้าอ้วน ๆ ของเขา เฉินฮั่นหลงก็รู้สึกโกรธ เขาเตะมันอย่างแรงและตะคอกออกมา

“ฉันก็มีอารยธรรมเหมือนกัน แต่พวกแกกลับมาฆ่าพวกเราแล้วจะมาพูดเรื่อง อารยธรรมอะไรกันห๊ะ ฉันจะทำให้แกมีอารยธรรมเอง!”

เฉินฮั่นหลงเตะเข้าที่ท้องไอ้อ้วนไม่หยุด ใครจะรู้ว่าเท้านี้แค่จมลงไปในพุงเท่านั้น และพบว่าหน้าท้องเด้งกลับขึ้นมาใหม่แล้วอัดเฉินฮั่นหลงจนกระเด็นออกมา กระแทกเข้ากำแพงหินของห้องใต้ดินอย่างรุนแรง

“โครม!”

เฉินฮั่นหลงล้มลงตัวครูดกับกำแพงหินด้วยความเจ็บปวด

“ไอ้หมูอ้วน ฉันจะฆ่าแก!”

ดวงตาของเฉินฮั่นหลงแทบพ่นไฟด้วยความโกรธ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักก็ตาม แต่การชนเข้ากับกำแพงทำให้ดวงตาของเขามีแสงระยิบระยับไปหมด มันเจ็บปวดมาก

“ร่างสำลี!”

โม่ซิงเหอจ้องมองชายอ้วนด้วยความสนใจ เขาเห็นได้ว่าชายอ้วนไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเฉินฮั่นหลง ไม่อย่างนั้นขาของเฉินฮั่นหลงคงถูกทำลายทันที ไอ้อ้วนนิ่งไปสักพักแล้วทำความเคารพโม่ซิงเหออย่างมีมารยาท

“รุ่นน้องเคารพผู้อาวุโส ผู้อาวุโสที่ไม่เหมือนใคร สายตาแหลมคมและชาญฉลาด”

โม่ซิงเหออดไม่ได้ที่จะมีความสุข ไอ้อ้วนคนนี้รู้สถานการณ์ปัจจุบันของตนเองเป็นอย่างดี

“ผู้อาวุโสโม่ เอาหมูตัวนี้มาเร็ว ฉันจะเคี่ยวมันเป็นหมูตุ๋นกินซะ” เฉินฮั่นหลงลุกขึ้นและตะโกน

ไอ้อ้วนรีบโบกมือให้โม่ซิงเหอ “ผู้อาวุโส ฉันไม่ได้ทำร้ายเขา เขาลงมือก่อน มันเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ”

แน่นอนโม่ซิงเหอรู้เรื่องนั้นดี “พวกคุณเป็นใครกันแน่?” นั่นคือสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุด

ไอ้อ้วนเงยหน้าขึ้นมองปีศาจหนูที่ทางเข้าถ้ำและพูดว่า “ฉันพูดไม่ได้”

“หืม อยู่ในกำมือของพวกเราแล้วยังทำกร่างอีกนะ คิดว่าพวกเราล้อเล่นกับแกจริงๆ รึไง เชื่อไหมว่าฉันจะจับแกกินเดี๋ยวนี้เลย” เฉินฮั่นหลงจงใจทำให้เขากลัว

เฉินฮั่นหลงไม่ได้โง่ เขารู้ว่าไอ้อ้วนมีความปรานีกับเขา ไม่งั้นเขาคงลุกขึ้นยืนไม่ได้ง่ายๆหรอก

“อย่า ๆ ฉันว่าพวกนายโหดร้ายเกินไปแล้วน่ะ”

ไอ้อ้วนทำหน้ามุ่ย สีหน้าหวาดกลัวของเขาช่างตลกจริงๆ

“พวกเราคือ-”

“ถ้าแกไม่กลัวว่ากลับไปแล้วจะถูกลงโทษก็พูดซะ” ปีศาจหนูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของไอ้อ้วนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันที และกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาลงคอ

เฉินฮั่นหลงโกรธมาก เขาคว้าก้อนหินเพื่อที่จะเขวี้ยงไปที่ปีศาจหนู แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่หินแตกและหล่นลงมากระทบกับค่ายกล

สุดท้ายเฉินฮั่นหลงก็ด่าว่าปีศาจหนูและพาไอ้อ้วนเข้าไปข้างใน ชั้นใต้ดินที่ลึกมากขึ้น และมีหลายห้องอยู่ในนั้น เพราะน้ำยาเทวะถูกผลิตจากที่นี่ ดังนั้นเฉินฮั่นหลงจึงสร้างขึ้นอย่างพิเศษ

พวกเขาพาไอ้อ้วนเข้าไปในห้อง พ่อและลูกชายของเจิ้งก่วงอี้ ซุนหยิงและไท้ถาน ต่างก็มองดูไอ้อ้วนอย่างสงสัย

“เขาคือใคร?” เจิ้งก่วงอี้ถาม

“ตัวประกัน” เฉินฮั่นหลงตอบ

“จะจับตัวประกันมาทำไมไม่เลือกที่ผอมๆล่ะ? ผู้ชายคนนี้อ้วนเกินไป มันจับยาก”

เจิ้งก่วงอี้คิดว่าโม่ซิงเหอและเฉินฮั่นหลงสมองน่าจะมีปัญหา

“ใช่ใช่ พี่ชายคนนี้พูดถูก ถ้านายปล่อยฉันไปแล้วจับไอ้หนูเวรนั่นจะดีมากเลย ฉันร่วมมือกับนายเพื่อล่อลวงเขาได้น่ะ” ไอ้อ้วนพูดปาวๆ ว่าจะขายเจ้าปีศาจหนูให้

ถ้าปีศาจหนูได้ยินที่มันพูด มันคงอยากจะบอกว่า มันไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจแต่กลัวเพื่อนร่วมทีมที่สมองหมูมากกว่า

“ฝันไปเถอะ นั่งลงดีๆ” เฉินฮั่นหลงเตะเก้าอี้

ไอ้อ้วนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด หลายคนเห็นเข้าก็ตกตะลึงเกรงว่าชายอ้วนจะบี้เก้าอี้จนเละ

“ฉันถามว่าพวกแกเป็นใคร” โม่ซิงเหอเดินเข้าไปถาม

“ไม่พูดได้ไหม?” ไอ้อ้วนเฝ้าดูสีหน้าของโม่ซิงเหออย่างระมัดระวัง

“คิดว่าไงล่ะ?” ดวงตาของโม่ซิงเหอเริ่มน่ากลัวและอันตราย ไอ้อ้วนตัวสั่น จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม

“ฉันพูดก็ได้ แต่ถ้าพวกเขาถามตอนออกไปข้างนอกแล้ว ต้องบอกว่าฉันถูกทรมานจนต้องพูดน่ะ ตกลงไหม?”

หลายคนจ้องไปพร้อมกัน ไอ้อ้วนน่าสนใจมาก เขานี่หน้าหนาจริง ๆ “ได้” โม่ซิงเหอตกลง

“พวกเราเป็นสิบสองนักษัตร” ชายอ้วนพูด

หลายคนมองหน้ากันด้วยความงุนงง “สิบสองนักษัตร?” เจิ้งก่วงอี้สงสัย

“เป็นชื่อกลุ่มงั้นเหรอ?” โม่ซิงเหอถาม

ไอ้อ้วนพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ ชื่อกลุ่มของเราคือสิบสองนักษัตร”

“แกคงไม่ได้ล้อเล่นนะ?” เฉินฮั่นหลงสงสัย

“ไม่ ฉันอยู่ในกำมือพวกนายนะ รับรองว่าฉันพูดความจริง” ชายอ้วนเงยหน้าขึ้นและชูนิ้วสาบาน

“ได้ ฉันเชื่อใจนาย” โม่ซิงเหอไตร่ตรองแล้วถามต่อ “ยังไงก็เป็นกลุ่มเหมือนกัน แล้วพลังล่ะ?” แต่พอเวลานี้ ไอ้อ้วนปิดปากเงียบ

“รีบตอบมา ไม่งั้นจะตัดเนื้อแกออกมาตุ๋นกินซะ” เฉินฮั่นหลงเริ่มข่มขู่อีกครั้ง

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากพูด แต่ฉันพูดไม่ได้”

ไอ้อ้วนดูอับอายและพูดขึ้นว่า “ไงก็เถอะ เราแค่ต้องการน้ำยาเทวะแล้วเราจะไม่ทำร้ายนาย”

“ถุ้ย!” เฉินฮั่นหลงตะโกนและคว้าชายร่างอ้วน

“ไม่ทำร้ายพวกเรางั้นเหรอ!? ถึงกับใช้ปืนกลและระเบิด ถ้าพวกเราหนีไม่ทันก็ตายกันหมดแล้ว!”

“อันนั้นพวกเราไม่ได้เป็นคนทำนะ” ไอ้อ้วนโต้กลับ

“ไม่ใช่พวกแกแล้วใคร?”

“นั้นมันพวกสิบสองจักรราศี” คนอ้วนทำท่าให้เฉินฮั่นหลงปล่อยมือ เพราะแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัด

สิบสองจักรราศี โม่ซิงเหองงว่าคืออะไร? เฉินฮั่นหลงกำลังคลั่ง

คนอื่นก็ตกใจเช่นกัน เป็นไปได้ไหมที่มีกำลังโจมตีมากกว่าหนึ่งกองกำลัง?

“สิบสองจักรราศี กลุ่มสิบสองนักษัตร พวกแกเป็นพวกเดียวกันงั้นสิ?”

เฉินฮั่นหลงบ่น เขากำคอเสื้อไอ้อ้วนไว้แน่นกว่าเดิม

เส้นเลือดตรงต้นแขนปูดออกมา ถ้าไม่ใช่ว่าไอ้อ้วนนี่อ้วนเกินไป คงไม่แค่ถูกเฉินฮั่นหลงกำคอเสื้อเป็นแน่ คนอื่นๆ อีกหลายคนพบว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลในขณะที่จ้องมองไปที่ไอ้อ้วน

ไอ้อ้วนดูกลัวและพูดว่า “เราเป็นองค์กรเดียวกัน แต่ไม่ใช่พวกเดียวกัน”

“ไอ้อ้วนนี่กำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่รึไง?”

ก่อนที่ชายอ้วนจะพูดเสร็จ เฉินฮั่นหลงก็เริ่มตะโกน ในเวลาเดียวกันนั้นเขาเหวี่ยงกำปั้นเข้าที่หน้าของชายอ้วน

นอกจากโม่ซิงเหอแล้วยังมีอีกหลายคนที่รุมล้อมทุบตี ทุกวันนี้พวกเขาทรมานจะตายอยู่แล้ว จึงต่อยไอ้อ้วนเพื่อบรรเทาความโกรธเกรี้ยว

ไอ้อ้วนคลุมใบหน้าของเขาและกรีดร้องเหมือนหมู

10 นาทีต่อมาหลายคนก็เหนื่อยและหมดแรง การทุบตีผู้คนก็เป็นงานที่ออกกำลังด้วยเช่นกัน ไอ้อ้วนคลุมใบหน้าและนั่งยองๆ ส่งเสียงกรีดร้องอยู่บนพื้นดิน

“พอแล้ว หยุดแสดงสักที” โม่ซิงเหอกล่าว

ไอ้อ้วนหยุดกรีดร้องทันที และลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้าของเขา เฉินฮั่นหลงรู้สึกโง่เง่า ไอ้อ้วนนี่มันเป็นอะไร ชอบโดนต่อยรึไง?

พวกเขาเตะต่อยนานกว่า 10 นาที แต่มันยังคงหัวเราะออกมา โม่ซิงเหอหรี่ตาลงและพูดแปลก ๆ ว่า

“แกไม่เพียงแค่ฝึกให้ท้องของแกให้เป็นท้องสำลีเด้งดึ๋ง แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดทุกส่วนในร่างกายก็สำลีเด้งดึ๋งทั้งหมด”

“โม่ซิงเหอ คุณหมายความว่าอะไร?” เฉินฮั่นหลงไม่เข้าใจ

“กล่าวคือที่คุณเพิ่งชกและเตะนั่นแค่เป็นการจั๊กจี้เขาเท่านั้นเอง” โม่ซิงเหอหัวเราะ

ทุกคนรู้สึกงงงวย อะไรคือสำลีเด้งดึ๋ง? พวกเขาไม่เข้าใจ เนื้อไขมันบนร่างกายไอ้อ้วนเป็นสิ่งที่เด้งดึ๋งได้ มิน่าล่ะพวกเขาทั้งเตะทั้งต่อยไปแต่กลับรู้สึกเหมือนเตะต่อยสำลียังไงอย่างงั้น

“ไอ้อ้วนนี่มันร้ายจริงๆ ผู้อาวุโสโม่ จัดการมันเร็ว”

เฉินฮั่นหลงไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาที่จะต่อสู้ โม่ซิงเหอพยักหน้า ถึงแม้ไอ้อ้วนจะดูหน้าหนา แต่ที่จริงพวกเขาฉลาดเจ้าเล่ห์มาก

“ฉันจะลองกับท้องสำลีเด้งดึ๋งของแกเอง” โม่ซิงเหอกล่าว

ใครจะรู้ว่าไอ้อ้วนเพียงส่ายหัว ร่างของเขาเริ่มสั่นไปทั้งตัว

“ฉันไม่สู้กับคุณหรอก ฉันสู้คุณไม่ไหว”

“ยังไม่ทันสู้รู้ได้ไงว่าสู้ไม่ไหว ถ้านายล้มฉันลงได้ นายก็จะได้หนีไป นายไม่ต้องการออกไปเหรอ?” โม่ซิงเหอหลอกล่อ

เขาสนใจท้องสำลีเด้งดึ๋งมาก กังฟูชนิดนี้น่ากลัวมาก เพราะต้องกินจนให้ตัวเองอ้วนพุงพลุ้ย จึงไม่ค่อยมีคนไปฝึกฝนกัน

“อย่ามาโกหกฉันเลย แม้แต่ลีโอ ไพซ์ซิส ซาจิทแทเรียส ยังไม่สามารถหยุดคุณได้เลย ฉันไม่สู้อ่ะ” ไอ้อ้วนสั่นศีรษะของเขาเพื่อเตรียมต่อสู้

“ลีโอ ไพซ์ซิส ซาจิทแทเรียส มันคืออะไร?” โม่ซิงเหอสงสัย

“มันคือคน 3 คนที่เผชิญหน้ากับคุณเมื่อกี้ พวกเขาถูกจัดระเบียบโดยสิบสองจักรราศี ที่มีผมสีทองคือราศีสิงห์ฉายาลีโอ คนที่ผอม ๆ คือกลุ่มดาวปลาคู่ฉายาไพซ์ซิส ส่วนคนที่สูง ๆ คือกลุ่มดาวคนยิงธนูฉายาซาจิทแทเรียส พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะขึ้นระดับที่เก้าในอีกไม่นานนี้ กลุ่มดาวสิงโตอยู่ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตใหม่แล้ว แต่ถ้าทั้ง 3 คนยังไม่สามารถจัดการคุณได้ พลังยุทธ์ของคุณน่าจะเป็นขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ 9 แน่ ๆ”

การวิเคราะห์ของไอ้อ้วนนั้นถูกต้อง แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์ที่เซ่อซ่าก็ตาม

“แล้วแกล่ะ?” เฉินฮั่นหลงถาม ตั้งแต่เขาอยู่กับฉู่ชวิ๋น เขาก็รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้มากมาย

“ฉัน…ฉันแค่จะขึ้นระดับ 8 เอง” ไอ้อ้วนพูดอย่างเขินอาย

เฉินฮั่นหลงและอีกหลายคนเหมือนถูกงูกัด พวกเขากระโดดกลับไปด้านหลังโม่ซิงเหอ และมองดูไอ้อ้วนอย่างระมัดระวัง บ้าน่า พวกเขาตกใจแทบบ้า

พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคนอ้วนที่ถูกทุบตีและถูกเตะคือปรมาจารย์ระดับชั้นที่แปด การฆ่าพวกเขามันง่ายเหมือนการฆ่ามดถ้าเขาจะทำ พวกเขารู้ว่ามีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์ระดับแปดได้ หัวใจของหลายๆ คนก็หมดเรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด

โม่ซิงเหอแปลกใจเช่นกัน เขารู้สึกได้ว่าระดับของไอ้อ้วนนั้นไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาไม่คาดหวังว่าความสำเร็จของเขานั้นสูงมาก ซึ่งเพียงพอที่จะจัดอันดับในหมู่ผู้เชี่ยวชาญได้เลย

“แล้วทำไมแกถึงให้ฉันจับตัวมาทั้งๆ ที่จะหลบก็ได้?” บรรยากาศรอบตัวของโม่ซิงเหออันตรายขึ้น ไอ้อ้วนนี่มันไม่ใช่ลูกน้อง

ไอ้อ้วนยิ้มหน้าอ้วน “ฉันมาเจรจากับพวกคุณ อยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออก พวกเราต้องนำน้ำยาเทวะกลับไปให้ได้ พวกเราต้องการเพียงแค่น้ำยาเทวะ ไม่ได้อยากทำร้ายพวกคุณ”

“แล้วพวกนั้นล่ะ?” โม่ซิงเหอมีสายตาแหลมคม

ไอ้อ้วนเริ่มพูดอย่างจริงจัง “พวกเขาแตกต่างจากพวกเรา เพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาคำนึงถึงแต่ผลลัพธ์เท่านั้นแต่ไม่เลือกวิธีการ พวกคุณต้านมันไม่ไหวหรอก ตอนนี้มีวิธีเดียวคือการให้น้ำยาเทวะกับเรา เป้าหมายของพวกเขาก็คือน้ำยาเทวะ ตราบเท่าที่ของอยู่ในมือของเรา พวกเขาจะไม่ยุ่งกับคุณ”

จู่ๆ ชายอ้วนกลับจริงจังขึ้นมา จนทำให้บางคนตอบสนองได้ไม่ทัน

“ฉันทำเพื่อประโยชน์ของคุณจริง ๆ นอกจากคุณพี่โม่แล้ว คนอื่น ๆ ก็เป็นแค่คนธรรมดา แม้คุณจะมีพลังมากขึ้นในวันมะรืนก็ตาม แต่พวกเขามีถึง 12 คน ถึงตอนนั้นถ้าคุณโม่สู้จนหมดกำลังแล้วล่ะก็ พวกคุณก็ต้องตายโดยเปล่าประโยชน์ หรืออาจจะเป็นตัวถ่วงให้คุณโม่เสียด้วยซ้ำ” ไอ้อ้วนกลายเป็นคนจริงจังขึ้นมาทันทีทันใด

เฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ อดคิดไม่ได้ แม้ว่าคำพูดของชายอ้วนจะไม่น่าฟัง แต่มันก็คือความจริง