คุณ…คุณหนูสาม…กล้า…ทำร้ายอู่อี๋เหนียง…

พระเจ้า พวกเขาไม่ได้ตาฝาดใช่หรือไม่

อู่อี๋เหนียงเป็นนางสนมที่นายท่านโปรดปรานที่สุดเชียวนะ

อู่อี๋เหนียงถูกตบหน้าจนเห็นเดือนเห็นดาว และเกือบล้มหัวทิ่ม นางกุมใบหน้าที่บวมแดงด้วยความตกใจ กระทั่งเห็นทุกคนมองมาทางนางด้วยสายตาที่แปลกไป

อู่อี๋เหนียงจึงทนไม่ไหว ตำหนิออกไป “เจ้ากล้าตบข้าหรือ?”

“คนที่ตบก่อนคือท่านต่างหาก”

“บังอาจ ใครก็ได้ มาจับคุณหนูสามให้ข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนนางให้จงได้”

“ผู้ใดบังอาจ”

กู้ชูหน่วนผู้ขี้ขลาดในอดีตได้เปลี่ยนไปแล้ว บัดนี้นางแสดงท่าทางเหยียดหยามอย่างดุดัน

สายตาของนางเย็นยะเยือก เย็นยะเยือกจนไม่เหลือเคล้าโครงความอบอุ่นสักนิด เมื่อถูกนางจ้องเขม็ง เหล่าคนรับใช้ก็อดตัวสั่นไม่ได้ ราวกับกำลังเหยียบย้ำเข้าไปในขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านแม่ของข้าเป็นน้องของฮ่องเต้ มีราชทินนามเป็นถึงองค์หญิงจาวหลิง ส่วนข้าคือบุตรีทางสายเลือดขององค์หญิง มีศักดิ์เป็นถึงคุณหนูสามภรรยาเอกของจวนเสนาบดี เป็นว่าที่พระชายาหานในอนาคต อู่อี๋เหนียงเป็นใครเจ้าคะ? เป็นแค่อี๋เหนียงผู้ต่ำต้อยในจวนเสนาบดีผู้หนึ่งเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ข้าตบเจ้าในวันนี้ ต่อให้ข้าฆ่าเจ้า ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรข้าได้”

อึ้งงัน

ทุกคนพากันอึ้งงัน

หากเป็นเพราะปฏิเสธการอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องหาน อาจจะทำให้นางเสียสติ จึงทำหนางกล้าหยิ่งผยองเช่นนั้น

ครานี้นางประทับรอยฝ่ามือหนึ่งบนหน้าของอู่อี๋เหนียงต่อหน้าทุกคน ทั้งยังกล้าอวดเก่งเช่นนี้ เพราะเสียสติเช่นนั้นหรือ?

ไม่ เป็นไปไม่ได้

คุณหนูสามเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่ได้อ่อนแอยอมถูกรังแกเหมือนเมื่อครั้งในอดีตอีกแล้ว

อู่อี๋เหนียงถึงกับสำลักจนกล่าวไม่ออก

ผู้หญิงแพศยาผู้นี้ วันนี้เห็นผีหรืออย่างไร ถึงได้บังอาจอวดเก่งเช่นนี้ แต่ที่นางกล่าว ตนไม่อาจโต้แย้งได้สักคำ

สาวใช้ติดตัวของอู่อี๋เหนียงซย่าอวี่เห็นเหตุการณ์ดังนั้น จึงตำหนิออกไป “แม้เจ้าจะเป็นคุณหนูสามภรรยาเอก แต่ก็ไม่ควรลงมือทำร้ายอู่อี๋เหนียงโดยไร้เหตุผลเช่นนี้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้อาวุโส”

“เจ้านายคุยกันอยู่ เจ้ามีสิทธิ์เอ่ยได้ไฉนกัน นำตัวนางมา”

ทุกคนเงียบลง ไม่มีใครฟังคำสั่งของนาง

อู่อี๋เหนียงและสาวใช้ซย่าอวี่ตัวสั่นงันงก

แม้ว่านางจะมีอำนาจอย่างไร แต่ในจวนก็ยังไม่มีใครเชื่อฟังนาง

ในขณะที่อู่อี๋เหนียงกำลังสั่งสอนกู้ชูหน่วน กลับเห็นกู้ชูหน่วนแสยะยิ้มอย่างโหดร้าย ฉกฉวยไม้จากในมือของผู้เป็นบ่าว และฟาดลงไปบนร่างกายของซย่าอวี่อย่างโหดเหี้ยมจนเกิดเสียงดังผัวะอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว

“ดูท่าวันนี้คุณหนูคงต้องสั่งสอนเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าคงไม่รู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงได้แดงเช่นนี้*”

ซย่าอวี่เจ็บปวดแทบหายใจไม่ออก ตามหลักแล้วต้องโต้กลับ แต่ไม้ของกู้ชูหน่วนกลับฟาดลงมาบนตัวของนางอย่างไม่ยั้ง นางไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ไม้ของกู้ชูหน่วนราวกับมีตาที่คอยจับจ้องไปทางนาง เรียกหานางโดยที่นางไม่อาจต่อต้านได้

“เจ็บ..เจ็บเหลือเกิน อู่อี๋เหนียง ช่วยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ”

อู่อี๋เหนียงบันดาลโทสะ “หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ ใครก็ได้ เข้าไปขวางนางไว้”

“ข้าเป็นถึงคุณหนูสามภรรยาเอก และเป็นพระชายาหานที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ ใครบังอาจขวางข้าหรือ”

เหล่าคนรับใช้ต่างทยอยกันหยุดลง

หานอ๋องเป็นผู้ใดนะหรือ นั้นคือบุคคลที่มีอำนาจที่สุดในเมืองเยี่ย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังทรงหวาดกลัว

แม้ว่าพวกเขาจะเหยียดหยามคุณหนูสาม แต่สถานะของคุณหนูสามก็มีความสำคัญสำหรับที่นั่น พวกนางไม่กล้าลงมือแต่อย่างใด

อู่อี๋เหนียงหวั่นวิตกอย่างมาก

ปกติแล้วคนรับใช้เหล่านี้จะยื้อแย่งเลียแข้งเลียขานาง ในตอนที่จะใช้พวกนาง แต่ละคนก็แกล้งตายเสียอย่างนั้น

ครั้นเห็นซย่าอวี่ถูกตีจนเลือดอาบ เสนาบดีก็ไปว่าราชกิจ บุตรีของตนกู้ชูหลานก็ไปสำนักศึกษาวังหลวงตั้งแต่เช้าตรู่ จวนเสนาบดีใหญ่โตโอ่อ่าแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ที่พึ่งพิง

อู่อี๋เหนียงมองไปยังฮูหยินใหญ่ และวิงวอน “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านทำให้คุณหนูสามหยุดกระทำได้หรือไม่ ขืนฟาดต่อ ชีวิตของซย่าอวี่คงจบสิ้นแน่”

แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะตื่นตกใจกับการเปลี่ยนไปของกู้ชูหน่วน แต่ครั้นทนเห็นอู่อี๋เหนียงกำลังถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ ในใจนางกลับมีความสุข

“ซย่าอวี่เป็นแค่สาวใช้ผู้หนึ่ง กลับยอกย้อนคุณหนูสามอย่างเปิดเผย คนรับใช้ในจวนก็ควรจะดูแลสั่งสอน มิเช่นนั้นก็คงไม่รู้ว่าในจวนแห่งนี้ใครเป็นเจ้านายโดยแท้จริง”

อู่อี๋เหนียงโทสะอย่างรุนแรง

เห็นได้ชัดว่าฮูหยินใหญ่กำลังตีวัวกระทบคราด กล่าวหาว่านางสนมตัวเล็ก ๆ เฉกเช่นนางกลับช่วงชิงอำนาจของฮูหยินใหญ่

นางมักจะไม่ถูกชะตากับฮูหยินใหญ่ ซึ่งฮูหยินใหญ่แทบอยากกำจัดซย่าอวี่เต็มทน วิงวอนนางต่อก็ไร้ประโยชน์

อู่อี๋เหนียงทำได้เพียงมองไปยังซานอี๋เหนียง “พี่สาม พี่จะช่วยโน้มน้าวคุณหนูสามได้หรือไม่”

เพราะมีศักดิ์เป็นนางสนมเช่นเดียวกัน กู้ชูหลานจึงได้เข้าไปยังสำนักศึกษาวังหลวง บุตรสาวของนางกู้ชูฉิง กลับไม่อาจเข้าไปในสำนักศึกษาวังหลวงได้ ซานอี๋เหนียงกำลังอดกลั้น แทบอยากจะเหยียบย้ำอู่อี๋เหนียงให้จมดิน จะตอบรับนางได้อย่างไร

ซานอี๋เหนียงคร้านจะลงไปเล่นด้วย นางปิดปากหัวเราะและกล่าวว่า “อู่อี๋เหนียง เจ้าคงไม่สร้างความลำบากใจให้ข้าหรอกใช่หรือไม่? จะว่าไปแล้วข้าเองก็เป็นเพียงแค่อี๋เหนียงผู้หนึ่ง คุณหนูสามอยากจัดการใคร ข้ามีสิทธิ์อะไรไปขัดขวางละเจ้าคะ บุตรสาวของเจ้าได้รับการโปรดปราน กระทั่งได้รับอนุญาตให้เข้าไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาวังหลวงไม่ใช่หรือ เช่นนั้น เจ้าก็ให้บุตรสาวของเจ้ามาโน้มน้าวสิ?”

อู่อี๋เหนียงแทบจะทนไม่ไหว

ซานอี๋เหนียงกำลังสร้างความอัปยศให้นางให้หรือไม่?

ใครบ้างเล่าไม่รู้ว่าบุตรสาวของนางเข้าสำนักศึกษาวังหลวงได้เพราะได้รับอานิสงส์จากกู้ชูหน่วน

จะว่าไปแล้ว บุตรสาวของนางก็เป็นเพียงแค่ลูกนางสนม ครั้นนางมา กู้ชูหน่วนอยากฉีกหน้านาง นางเองก็คนทนไม่ไหว เอกและอนุแม้ว่าจะต่างกันเพียงคำเดียว แต่สถานะกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว

“อู่อี๋เหนียง ช่วยข้าน้อยด้วย ช่วยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ…”

ซย่าอวี่ถูกฟาดจนเลือดอาบ น้ำเสียงค่อย ๆ อ่อนแอลงอย่างน่าอนาถ เหงื่อเย็นและเลือดค่อย ๆ หลั่งรินลงพื้น ส่วนกู้ชูหน่วนกลับไม่ได้รู้สึก ยังคงฟาดลงบนตัวของนางต่อไป ทุกครั้งที่ฟาดลงไป ทุกคนล้วนได้ยินเสียงกระดูกแตกอย่างชัดเจน

โอ๊ย…

ปกติแล้วคุณหนูสามจะนอบน้อมคล้อยตาม คาดไม่ถึงว่าเวลาโกรธจะน่ากลัวเช่นนี้ ดูท่าต่อไปพวกเขาคงต้องระวังมากขึ้น คงจะไปรังแกนางเหมือนเมื่อในอดีตไม่ได้อีกแล้ว

ซย่าอวี่เป็นสาวใช้ที่เติบโตมาพร้อมกับอู่อี๋เหนียงตั้งแต่วัยเยาว์ ติดตามนางกระทั่งแต่งงานเข้ามาในจวน แม้จะบอกว่าเป็นนายกับบ่าว แต่เนื้อแท้แล้วเปรียบเสมือนพี่น้อง หลายปีมานี้นางมักจะช่วยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ แทนอู่อี๋เหนียงเสมอ

หากนางตายไป เท่ากับอู่อี๋เหนียงขาดแขนไปข้างหนึ่ง อู่อี๋เหนียงจะยอมได้อย่างไร นางขึ้นหน้าเข้าไปขวางตรงหน้าของซย่าอวี่ไว้

อู่อี๋เหนียงคิดว่า ต่อให้กู้ชูหน่วนอวดเก่งอย่างไร ก็คงไม่กล้าทุบตีนาง แต่นางจะไปคาดถึงได้อย่างไร กู้ชูหน่วนฟาดลงไปบนแผ่นหลังของนางอย่างโหดเหี้ยม เกิดเสียงผัวะอย่างชัดเจน กระทั่งนางได้ยินเสียงกระดูกแตกตามมา

“อ๊าส์… กู้ชูหน่วน เจ้ากล้าใช้ไม้ฟาดข้า”

ฮูหยินใหญ่และซานอี๋เหนียงเองก็คาดไม่ถึง กู้ชูหน่วนจะก้าวร้าวได้ถึงเพียงนี้ อู่อี๋เหนียงใช้ร่างกายปกป้อง แต่นางกล้าลงมือทำร้ายอู่อี๋เหนียง

อีกทั้ง กู้ชูหน่วน ยังฟาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังฟาดไม่ยั้งไปอีกสองครั้งเน้น ๆ ฟาดอู่อี๋เหนียงจนเกือบสลบ ก่อนจะแกล้งตื่นตกตกใจอย่างไร้เดียงสา

“ไอหยา อู่อี๋เหนียง ข้ากำลังสั่งสอนคนรับใช้ เหตุใดเจ้าถึงวิ่งเข้ามาขวาง ไม้มันไม่มีตาหรอกนะเจ้าคะ เห็นไหม ไม่ระวังมันจึงได้ฟาดท่านไม่ยั้ง”

อู่อี๋เหนียงกัดฟันแน่น จ้องเขม็งไปทางกู้ชูหน่วนด้วยความไม่พอใจ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนางอย่างไรอย่างนั้น

ฮูหยินเห็นซย่าอวี่เริ่มหายใจติดขัด อู่อี๋เหนียงเองก็โดนฟาดไปสามครั้ง จึงเปล่งเสียงออกมาอย่างเนิบช้า

“คุณหนูสาม เด็กคนนี้ได้รับโทษแล้ว ข้าคิดว่าต่อไปนางคงไม่กล้ากระทำผิดอีก มิสู่จบแค่นี้เถอะ”

กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะอย่างดื้อรั้น และไม่ไว้หน้าฮูหยินใหญ่แต่อย่างใด “จบแค่นี้หรือ? ข้าเป็นถึงคุณหนูภรรยาเอก เสื้อผ้าที่ใส่บ่าวรับใช้เหล่านี้ยังสู้ไม่ได้ หลายปีมานี้ แม้แต่เงินทองสักตำลึงก็ยังไม่ได้รับ ฮูหยินใหญ่ ท่านจะอธิบายว่าอย่างไรเจ้าคะ”

*เจ้าคงไม่รู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงได้แดงเช่นนี้ แปลว่าคงไม่รู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดง ตีจนเลือดอาบ