บทที่ 41
“โอ๊ย! ”
ความเจ็บปวดส่งเสียงจี้ดดังแล่นขึ้นมาบนจมูกทำเอาเธอหลุดตะโกนเสียงดังออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะล้มฟุบลงไปนั่งอยู่บนพื้นด้วยความตกใจ
“อะ อะไรกัน…”
สิ่งที่กระแทกหน้าเธออย่างจังร่วงลงพื้น กลิ้งเสียงดังกลุกกลัก
มันเป็นลูกบอลขนาดเท่าใบหน้าของเธอ ซึ่งมันเป็นลูกบอลหนังที่พวกเด็กๆ ใช้เตะเล่นกัน
“วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
เธอนั่งเหม่อมองลูกบอลที่กลิ้งกลุกกลักไปมา เพราะยังไม่รู้ว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นแต่แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคุ้นหูดังแทรกเข้ามาในหู
“ไอ้พวกสุนัขเวรตะไล…”
เบเลซักเดินเข้ามาใกล้เธอ หมอนั่นกำลังจับท้องหัวเราะจนท้องแข็ง
แน่นอนว่าข้างหลังย่อมมีอาสทัลลีอูเกาะติดเหมือนขี้ปลาทองตามมาด้วย
“ดูสภาพสิ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เบเลซักชี้นิ้วมาที่เธอ
ใบหน้าของฟีเรนเทียนิ่วด้วยความโกรธ แต่แล้วเธอกลับรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างไหลจ๊อกออกมาจากจมูก
“ละ…เลือดกำเดา!”
คงจะเป็นเพราะโดนลูกบอลกระแทกแรงพอสมควร สุดท้ายเลือดกำเดาถึงได้ไหลออกมา
เบเลซักเดินมาหยุดอยู่ถึงตรงหน้าเธอ หมอนั่นมองสภาพของเธอ ก่อนจะเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยท่าทางเหมือนเมื่อครู่ที่เอาแต่ล้อเลียนเธอ
“ละ…เลือด…”
อาสทัลลีอูผู้แสนขี้ขลาดตกใจจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขาได้แต่อ้าปากพะงาบๆ มองเบเลซักที่กำลังหัวเราะ
“นี่ทำเรื่องบ้าอะไรฮะ!”
เธอตะโกนเสียงดัง
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง! ไอ้สุนัขเวรเอ๊ย!”
ความโกรธพุ่งขึ้นสมอง
“อะไรนะ สุนัขเวร?”
ใบหน้าของเบเลซักบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดด้วยความโกรธ แต่เธอไม่แม้แต่จะสะทกสะเทือน
เด็กตัวเล็กแค่นี้ ต่อให้ทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ
ฟีเรนเทียไม่มีวันยอมโดนทำร้ายอยู่เฉยๆ ฝ่ายเดียวแบบนี้หรอก
ลูกบอลกลิ้งไปไกลโน่นแล้ว สิ่งที่เธอคว้าไว้ได้ในมือตอนนี้จึงมีแต่ดินโคลนเท่านั้นถ้าอย่างนั้น ถึงจะมีแค่ไอ้นี่ก็ต้องใช้มันแล้วละนะ
เธอกวาดดินขึ้นมาเต็มมือ สะบัดมันใส่ตาของเบเลซัก
“อ๊ากกกก! ตาข้า!”
สงสัยจะปาเข้าเป้าอย่างจัง เบเลซักจับใบหน้าร้องคร่ำครวญไม่หยุด
เธอปัดกระโปรง ลุกขึ้นยืน ร้องตะโกนให้พวกมันเห็น
“หึ! สภาพดูดีนะ!”
โดนลูกบอลกระแทกแรงน่าดู เลือดกำเดายังไม่หยุดไหลเลย
ต่อให้เช็ดแล้วเช็ดอีก ทว่าเลือดสีแดงสดกลับย้อมทั่วมือของเธอ ทำเอาฟีเรนเทียรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในเมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้สุนัขเวรนี่ เธอไม่มีทางแสดงออกมาให้เห็นเด็ดขาด
เธอคิดที่จะหัวเราะเยาะเบเลซักที่กำลังกรีดร้องนัยน์ตาร้อนผ่าว
แต่ว่า
“อ๊ะ?”
ภาพตรงหน้ามันแปลกไป
ชั่วขณะ มุมมองสายตาของเธอกลับสั่นไหว ทั้งเบเลซัก ทั้งอาสทัลลีอูที่ยืนเงอะงะอยู่ข้างๆ เองก็มองเห็นซ้อนกันเป็นหลายคน
หัวกระแทกเหรอ?
หรือเพราะเลือดไหล?
ภาพตรงหน้ามันหมุนติ้ว
“ฮึ่ย!”
ที่ฟีเรนเทียไม่สามารถหลบมือของเบเลซักที่ผลักไหล่ของเธออย่างรุนแรงด้วยใบหน้าเปรอะไปด้วยน้ำตาเองก็เป็นเพราะสาเหตุนั้น
หลังจากที่ล้มจนบั้นท้ายกระแทกพื้น และลุกขึ้นมาด้วยท่าทางอวดดีต่อหน้าเจ้าสองคนนี้ มันค่อนข้างน่าขายหน้าจริงๆ
“เจ้า เจ้า!”
เบเลซักไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หมอนั่นโกรธจนหอบแฮก หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ตัวก่อนจะสังเกตเห็นดาบไม้ที่ห้อยอยู่ที่เอวของอาสทัลลีอู
อาสทัลลีอูยังไม่ได้เริ่มเรียนวิชาฟันดาบ แต่ก็มักจะพกมันไว้เป็นของเล่นรวมถึงเอาไว้โอ้อวดคนอื่น ถึงจะบอกว่ามันไม่ใช่ดาบจริง มันก็ยังเป็นอาวุธที่ทำจากไม้กระบองขนาดใหญ่อยู่ดี
“ส่งมันมานี่!”
“ตะ…แต่ว่า…”
พอเห็นอาสทัลลีอูลังเล เบเลซักจึงยื่นมือออกไปชักดาบไม้ออกมาจากสายห้อยที่เอว
“นังเลือดผสม!”
เบเลซักชูดาบไม้ขึ้นสูง
ถ้าฟาดมันลงมา ร่างกายคงได้มีแตกหักสักส่วนในทันทีแน่
ใช่แล้ว ลองตีลงมาสักครั้งดูสิ
เธอจะทำให้นายต้องเสียใจไปตลอดเลยละ
ฟีเรนเทียหลับตาแน่น
ในตอนนั้นเองก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรพุ่งแหวกสายลมดังฟิ้ว ก่อนที่เบเลซักจะกรีดร้องเสียงดังลั่น
“อ๊ากกกก!”
มันเป็นเสียงกรีดร้องคนละระดับกับตอนที่เธอปาทรายใส่เขา
พอลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นเบเลซักกำลังกุมแขนของตัวเอง และมีดาบไม้เล่มหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นตกอยู่บนพื้น
“เทีย!”
คนที่ตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดังพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาคือสองแฝด
ท่าทางทั้งคู่คงจะเลิกเรียนฟันดาบและกำลังอยู่ระหว่างทางมาหาเธอ
ถึงระยะห่างของพวกเธอกับสองแฝดจะค่อนข้างมาก แต่ไม่นานทั้งเมโลนและคิลลีวูก็วิ่งเข้ามาถึง ก่อนจะแทรกตัวเข้ามายืนขวางระหว่างเธอกับเบเลซัก
“เทีย ไม่เป็นไรนะ”
เมโลนสำรวจใบหน้าของเธอที่ก้มต่ำอย่างระมัดระวัง
และทันทีที่เห็นหน้าเธอ นัยน์ตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ทะ…เทีย! ทำไงดี! เลือด! คิลลีวู!”
เมโลนตะโกนเรียกคิลลีวูที่กำลังเล็งดาบไม้ไปยังอาสทัลลีอูกับเบเลซักที่หวาดกลัวจนหน้าซีด จากนั้นนัยน์ตาของคีลลีวูก็เบิกกว้างขึ้นในทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
“เบเลซัก เจ้า! ”
มือของคิลลีวูที่กำดาบไม้เอาไว้สั่นระริก
เขากัดฟันกรอด ตั้งใจจะแทงดาบไม้ไปยังเบเลซักที่กำลังจับแขนร้องไห้โฮด้วยความเจ็บปวด
“ปล่อยไป คิลลีวู”
ฟีเรนเทียรีบพูดดักเอาไว้
ในใจแม้อยากจะตะโกนออกไปเสียงดัง แต่ตอนนี้เธอมึนศีรษะจนไม่อาจทำอะไรได้ดั่งใจโล่งอกที่คิลลีวูได้ยินเสียงแผ่วเบาของเธอ และหยุดชะงักในทันที ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
“เทีย เทีย…”
เธอจับแขนเสื้อคิลลีวูพลางเอ่ยพูด
“ตีไม่ได้นะ”
ถ้านายตีหมอนั่นจนตาย เธอจะไม่เหลือข้อต่อรองเอาไว้ให้ทวงความยุติธรรม
ในเมื่อเลือดตกยางออกกันแล้ว ก็ต้องใช้กลเม็ดทุกอย่างที่สามารถดึงออกมาใช้ได้ให้หมด
แต่ก่อนที่ฟีเรนเทียจะทันได้พูดอะไรออกไป เธอก็ค่อยๆ หมดสติลงไปเสียแล้ว
ในระหว่างที่เธอสลบไปครู่หนึ่ง เขาคงไม่ตีเบเลซักจนน่วมหรอกใช่มั้ย
หากคิดถึงนิสัยของสองแฝด มันเป็นไปได้มากทีเดียว
“ตีไม่ได้…”
สุดท้ายเธอก็พิงศีรษะลงในอ้อมกอดของคิลลีวู แล้วหมดสติไปจนได้