บทที่ 43 ถูกกู้ชูหน่วนปั่นหัวอีกครั้ง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“ฝ่าบาทเพคะ อ๋องเจ๋อใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ น้ำผึ้งเพียงเล็กน้อยจะสามารถดึงดูดผีเสื้อที่มากมายเพียงนั้นได้เยี่ยงไร อีกอย่างน้ำผึ้งของหม่อมฉันก็วางไว้บนโต๊ะ ผีเสื้อกลับไม่บินมาตอม นับประสาอะไรกับการทาลงบนแผ่นภาพเพคะ”

“เอ่อ……อันนี้……” ฟังแล้วก็มีเหตุผลเช่นกัน

“ผีเสื้อถูกรูปลักษณ์ภายนอกทำให้ลุ่มหลง ถึงได้ถูกบุปผาปลอมนี้ดึงดูด ด้วยเหตุนี้ถึงได้บินเวียนเคล้าเรณูเกสรเพคะ”

กู้ชูหน่วนผายมือออก สื่อให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ “แต่ละประโยคของอ๋องเจ๋อพร่ำบอกว่าหม่อมฉันใช้น้ำผึ้งในการโกง เช่นนั้นอ๋องเจ๋อจะลองสักหน่อยดีไหม ลองดูว่าน้ำหมึกที่ผสมน้ำผึ้ง จะสามารถดึงดูดผีเสื้อมาได้หรือไม่เพคะ”

“ใช่ อ๋องเจ๋อ ท่านลองสักหน่อยเถิด งานชุมนุมโต้วเหวินจะสะเพร่ามิได้” ฮ่องเต้เย่ทรงเกิดความสนพระทัย

กู้ชูหน่วนสบทแขวะฮ่องเต้เย่อยู่ในใจหลายพันครั้ง

เจ้าทึ่มนั่นถูกเทพสงครามรังแกอย่างรุนแรงเพียงไหน ถึงได้อยากใช้นางเพื่อข่มเทพสงคราม

ผู้คนต่างเฝ้าดูอ๋องเจ๋อหยดน้ำผึ้งลงในน้ำหมึกด้วยความสงสัย จากนั้นก็วาดดอกโบตั๋นที่เบ่งบานหนึ่งดอก เพื่อดึงดูดผีเสื้อ

หลังจากรออยู่สักครู่หนึ่ง ผีเสื้อสักตัวเดียวก็ไม่เห็นมีปรากฏ

อ๋องเจ๋อไม่ยอมแพ้ เทหยดน้ำผึ้งปริมาณมากลงในน้ำหมึกเพิ่ม จากนั้นทำการวาดภาพดอกโบตั๋นอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนเห็นดังนั้น ร่างก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังเพื่อให้ห่างอ๋องเจ๋อ

คนที่ถอยหลังพร้อมกับนางยังมีเย่เฟิงด้วย

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

เย่เฟิงอยู่ดี ๆ ทำไมต้องถอยหลัง

หรือว่าเขาเดาอะไรบางอย่างได้

“ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น” ใครบางคนในฝูงชนได้พึมพำออกมา

“ใช่ ยังคงมีผีเสื้อมากมายบนภาพวาดดอกโบตั๋นของกู้ชูหน่วน ทำไมบนดอกนับร้อยของอ๋องเจ๋อถึงไม่มีผีเสื้อสักตัว หรือว่าฝีมือการวาดของกู้ชูหน่วนจะสุดยอดจริง ๆ”

ฮ่องเต้เย่ทรงร้อนรน อ๋องเจ๋อยิ่งร้อนรน

นางอัปลักษณ์คนนั้นทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าทุกทาง ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องกู้หน้าคืนกลับมาให้ได้

อ๋องเจ๋อยิ่งลนลาน เทหยดน้ำผึ้งก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ทันใดนั้น บนอากาศดูเหมือนจะมีบางสิ่งลอยล่องมา

ทุกคนต่างดีใจ “ผีเสื้อมาแล้ว จะต้องเป็นผีเสื้อแน่ ๆ”

อ๋องเจ๋อถอนหายใจโล่งอก รอผีเสื้อมาตอมเกสรในม้วนกระดาษอย่างเงียบ ๆ

แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ สิ่งที่มานั้นไม่ใช่ผีเสื้อ แต่เป็นผึ้งนับร้อยนับพันตัว

เนื่องจากเขาอยู่ใกล้กับม้วนภาพมากที่สุด ผึ้งเหล่านั้นจึงพุ่งเข้าไปต่อยเขา

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าได้กระโจนไปตั้งแต่เมื่อใด แล้วตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง “ผึ้งมาแล้ว ทุกคนรีบวิ่งเร็ว ผึ้งเยอะมาก”

นางพลางพูดพลางเทราดน้ำผึ้งลงบนตัวเขา จากนั้นก็สาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว

การราดครั้งนี้ ผึ้งทั้งหมดประหนึ่งกับหาที่ระบายเจอ และมุ่งหน้าไปรุมต่อยอ๋องเจ๋อ เจ็บจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว

“โอ๊ย……ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว ไปให้พ้น ไปให้พ้นสิ”

ความสุภาพอ่อนโยนในวันวานของอ๋องเจ๋อบัดนี้ได้เปลี่ยนไป กลิ้งเกลือกลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ โดยที่ปากยังคงตะโกนร้องเสียงดัง “ช่วยด้วย รีบมาช่วยข้าเร็วเข้าสิ”

คนที่อยู่ใกล้อ๋องเจ๋อก็พลอยโดนต่อยไปด้วย ผู้คนจึงวิ่งกรูอยู่ให้ไกลจากอ๋องเจ๋อ

บรรดาองครักษ์จึงจำต้องทำการไล่ผึ้ง แต่ว่าน้ำผึ้งมากมายปานนั้น พวกเขาจะไล่ไปง่าย ๆ ได้อย่างไร องครักษ์ไม่น้อยก็ถูกต่อยด้วยเช่นกัน จึงโอดโอยครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนตั้งรับไม่ทัน

กู้ชูหน่วนหยิบผลไม้จากถาดบนโต๊ะของตนเอง แล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย คู่ดวงตาที่เอิบอิ่มและรอยยิ้มที่เข้มข้น จ้องมองอ๋องเจ๋อกลิ้งเกลือกไปมาอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา

อี้เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะขำ

นางหนูคนนี้ ไม่เจอกันเพียงประเดี๋ยวเดียว ยิ่งอยู่ยิ่งแสบขึ้นเรื่อย ๆ

ซ่างกวนฉู่ส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างขมขื่น

อ๋องเจ๋อถูกยั่วโมโหจนเลอะเลือนไปหมด แผนการของกู้ชูหน่วนชัดเจนขนาดนั้น เขากลับดูไม่ออก

อี้เฉินเฟยกับซ่างกวนฉู่มองสำรวจเย่เฟิง

ชายหนุ่มผู้นี้ เกรงว่าน่าจะไม่ธรรมดา

“ใช่ไฟไล่ผึ้ง ใช้ไฟ……” อาจารย์สวีตะโกนขึ้น องครักษ์จึงวุ่นกันไปหาไฟมา ถึงได้ไล่ผึ้งบนตัวของอ๋องเจ๋อออกไปได้

ผ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ ทำให้อ๋องเจ๋อเกือบจะสิ้นชีพ

หมอหลวงต่างถือกล่องยาวิ่งเข้ามาทำการรักษา

เซียวหยู่เซวียนกลืนน้ำลายตนเองสองสามที “นางตัวดี เจ้าจงใจราดน้ำผึ้งใส่ตัวเขา”

“เหลวไหล นั่นเป็นเพราะว่าข้ากลัว สถานการณ์คับขันข้าจึงได้ปกป้องตัวเอง”

กลัวรึ

ถ้านางกลัวเป็น

สุกรก็คงปีนต้นไม้ได้แล้ว

“นางตัวดี ทำไมผึ้งถึงได้มาตอมอยู่บนภาพวาดของเจ้าได้ หรือว่าเจ้าไม่ได้โกงด้วยน้ำผึ้ง”

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างยียวน กล่าวอย่างเกียจคร้าน “เพราะว่าฝีมือการวาดของข้าเยี่ยมอย่างไรเล่า”

“ข้าคงจะเชื่อเจ้าตายแหละ” เซียวหยู่เซวียนเลียนแบบน้ำเสียงของนาง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ และมองอ๋องเจ๋อที่พ่ายแพ้อย่างสะใจ

เพราะหาสาเหตุการโกงภาพวาดดอกโบตั๋นของกู้ชูหน่วนไม่ได้ รอบนี้จึงตัดสินให้กู้ชูหน่วนกับเย่เฟิงชนะร่วมกัน ได้ที่หนึ่งร่วมกัน

กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นเจ็บปวดหัวใจ จากนั้นกล่าวอย่างน้อยใจ “ท่านอ๋องเจ๋อ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้โกง ท่านดันไม่เชื่อ ดูเถิด ผึ้งมาคัดค้านแล้ว”

“กู้ชูหน่วน ข้าจะฆ่าเจ้า……”

อ๋องเจ๋อลุกขึ้นพรวดด้วยความโมโห อยากจะบีบกู้ชูหน่วนให้ตายคามือ แต่ด้วยถูกรุมต่อยมากเกินไป ทำให้เพิ่งจะลุกขึ้นก็ต้องทรุดตัวล้มลงไป จนฝ่าเท้าชี้ขึ้นฟ้า

กู้ชูหน่วนส่ายหน้าทอดถอนใจ “ดูสิ แม้แต่สวรรค์ก็ยังทนดูต่อไปไม่ได้”

“กู้ชูหน่วน……อ้าก……”

อ๋องเจ๋อแทบจะคลุ้มคลั่ง จะมีอารมณ์ไหนมารักษาภาพพจน์ มีกะจิตกะใจใดมาสนใจการมุงดูอยู่ข้าง ๆ ของทูตแต่ละแคว้น แววตาของเขาประกายเปลวเพลิง แทบอยากจะตายไปพร้อม ๆ กับกู้ชูหน่วนเสียตรงนี้

เขาในเวลานี้ประหนึ่งมนุษย์ป้าผู้หยาบโลน หากไม่ใช่เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส บวกกับบ่าวรับใช้รั้งเอาไว้ เกรงว่าคงจะตะลุมบอนกับกู้ชูหน่วนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว

กู้ชูหน่วนกลัวจนตบเข้าที่หน้าอกตัวเองเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยความหวาดผวา “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าอ๋องเจ๋อจะเป็นคนที่แพ้ไม่เป็น เพียงเพื่อสองล้านตำลึงนั่น กลับไร้ซึ่งยางอายเพียงนี้”

แม้แต่เทพหมากกระดานก็เกือบจะหกล้มคะมำ

เจ้าหนูน้อยคนนี้ ยั่วโมโหคนแล้วก็ไม่ยอมรับผิด

อ๋องเจ๋อสนใจเงินสองล้านตำลึงนั่นเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่านางแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อลวงศัตรูตายใจ แล้วจงใจราดน้ำผึ้งลงบนตัวของเขา

จากนั้นค่อยมองดูอ๋องเจ๋อถูกรุมต่อยจนได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่าง แม้แต่ใบหน้ารูปงามนั้นก็ปูดบวม เทพหมากกระดานเห็นแล้วยังรู้สึกเจ็บปวดแทน

“กู้ชูหน่วน แค้นนี้ถ้าไม่ชำระ ข้าไม่ขอเป็นลูกผู้ชายอีกต่อไป”

“ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว ในจวนไม่มีภรรยาคอยปฏิบัติแม้แต่นางเดียว ใครจะไปรู้ว่าท่านเป็นผู้ชายหรือไม่ แต่ทว่าอยากจะพิสูจน์จริง ๆ ก็ให้ถอดกางเกงไปเลย ให้ทุกคนได้เห็นก็จะรู้เอง”

อ๋องเจ๋อโมโหจนแทบจะเป็นลม หมอหลวงจึงรีบมาบีบร่องริมฝีปากบนของเขาไว้ เพราะกลัวว่าอ๋องเจ๋อจะเป็นอะไรไป

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกอกตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

แม่นางคนนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ถ้านางไม่ได้ยั่วอ๋องเจ๋อให้โมโหจนตาย นางคงไม่สาแก่ใจใช่หรือไม่

ฮ่องเต้เย่ไม่พอพระทัย กล่าวอย่างเย็นชา “อ๋องเจ๋อบาดเจ็บสาหัส นำตัวออกไปรักษาก่อน”

“ข้าไม่ไป วันนี้หากข้าเอาชนะนางตัวดีนั่นไม่ได้ ข้าสัญญาว่าจะไม่รามือง่าย ๆ” อ๋องเจ๋อจ้องเขม็งใส่กู้ชูหน่วนอย่างดุดัน แทบอยากจะถลกหนังหักกระดูกของนางออกมาเป็นชิ้น ๆ

หมอหลวงกล่าวเตือน “ท่านอ๋อง ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน จะชักช้ามิได้”

“ไสหัวออกไป บาดแผลของข้า ข้ารู้ดีที่สุด” วันนี้ไม่ว่าจะอย่างไร เขาจะต้องทำให้ชื่อเสียงกู้ชูหน่วนป่นปี้ให้จงได้

“เอ่อ……แล้วสองล้านตำลึงของข้าล่ะ”

“เด็ก ๆ ไปเอาสองล้านตำลึงที่จวนข้ามาให้นาง”

กู้ชูหน่วนฉีกปากยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ในเมื่อท่านอ๋องอยากจะประลองต่อขนาดนั้น งั้นก็ประลองต่อเถอะ รอบต่อไปประลองอะไรดี”